สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 - ตอนที่ 74 (1)
จะหนีตามกันไป? ต้องพกอีกคนไปด้วยนะ! (1)
อารมณ์ของฮูหยินใหญ่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกแม้สักนิด ชั่วเวลาเพียงกระพริบตา ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเก่า นางมองไปทางฉู่สวินหยาง ยังคงส่งยิ้มนุ่มนวลมาให้ “ท่านหญิง ตรงนี้มีท่านหญิงใหญ่คอยอยู่เป็นเพื่อน พวกเราไม่รบกวนดีกว่า วันนี้เป็นวันสำคัญของท่านหญิงอันเล่อ พระชายาแน่นอนว่ามีเรื่องมากมายคอยให้จัดการพวกเราก็อย่าทำให้นางเสียเวลาอีกเลย”
คนแซ่เจิ้งยุ่งอยู่จริงๆ ทว่าเมื่อครู่นางจงใจปิดปากเงียบก็เพราะไม่ถือสาฉู่เยว่เหยา อยู่ดีๆ มีโอกาสได้ชมเรื่องสนุก เหตุใดนางจะไม่คว้าเอาไว้?
วาจานี้ของฮูหยินใหญ่ คล้ายมีความนัยอย่างอื่นอีก
ฉู่สวินหยางใช้หางตาเหลือบมองฉู่เยว่เหยาทีหนึ่ง ก่อนพยักหน้าเอ่ยว่า “ตรงนี้มีพี่ใหญ่แล้ว ข้าก็ขอไม่อยู่เกะกะ พอไปถึงด้านหน้า รบกวนฮูหยินใหญ่แจ้งต่อท่านพ่อไว้สักคำ เดี๋ยวท่านจะเป็นห่วง”
ฉู่เยว่เหยาเดิมก็ไม่พอใจ ยังคิดจะต่อความยาวสาวความยืด แต่ต้องถูกประโยคสุดท้ายของนางสกัดเอาไว้ก่อน…
ตอนนี้ฉู่เยว่เหยียนปลอดภัยแล้ว แต่ก็ก่อเรื่องจนทำชื่อเสียงวังบูรพาหม่นหมอง ฉู่อี้อันย่อมเป็นคนแรกที่จัดการนาง
ปากของนางขมุบขมิบเล็กน้อย
ฉู่สวินหยางทางนี้กำลังเอ่ยกับคนแซ่เจิ้งพร้อมรอยยิ้ม “ทำให้พระชายาเสียเวลาอยู่นาน ต้องขออภัยจริงๆ พระชายารีบไปจัดการธุระเถอะ”
“อืม!” คนแซ่เจิ้งผงกศีรษะอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็ขอตัวจากไป
คล้อยหลังคนแซ่เจิ้ง ฉู่เยว่เหยาก็ถลาเข้าไปหาอย่างทนไม่ไหว เอ่ยด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด “น้องสาวข้าเกิดเรื่องในจวนอ๋องหนานเหอ เจ้าจะให้แล้วเรื่องกันไปอย่างนี้รึ?”
ฮูหยินใหญ่แสยะยิ้มอยู่ในใจ…
ฉู่เยว่เหยาเป็นบุตรสาวที่แต่งออกไปแล้ว อีกอย่างตรงนี้ก็ยังมีฉู่ฉีฮุยอยู่ทั้งคน หรือต่อให้ไม่มีก็ต้องให้ฉู่สวินหยางออกหน้า นางไม่มีสิทธิ์มาวุ่นวาย
ฉู่สวินหยางหันไปมอง มุมปากเหยียดยิ้มขำ
ฉู่เยว่เหยาถูกสายตาเหยียดหยันของนางจ้องจนเลือดขึ้นหน้า ตวาดไปว่า “เจ้ามองข้าแบบนี้คืออะไร? ข้าถามเจ้าอยู่นะ!”
“ชายาซื่อจื่อ น้องห้าเป็นคนของวังบูรพา เรื่องของวังบูรพา คนนอกไม่อาจแทรงแซง” ฉู่สวินหยางตอบ มองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ “เจ้าเป็นห่วงน้องห้า ข้าก็ไม่ห้ามหากเจ้าจะอยู่ดูแลนางที่นี่ แต่ว่า…”
นางหยุดประโยคกลางคัน ตอนที่เปิดปากอีกครั้ง นัยน์ตาก็ท่วมล้นไปด้วยรอยยิ้มพลางเอ่ยว่า “ถ้าเจ้าร้องแรกแหกกระเชอจนเรื่องถูกลือออกไป ก็อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าแล้วกัน!”
“เจ้าว่าไงนะ?” ฉู่เยว่เหยียนหน้าเขียวคล้ำ ถลึงตามองนางอย่างไม่อยากเชื่ออยู่ครึ่งค่อนวัน จนนางหลุดหัวเราะออกมาอย่างเก็บไม่อยู่
ฉู่สวินหยางไม่แยแสนาง นางก็ไม่รู้จะต่อเถียงกับใคร ทำได้เพียงเดินโซเซไปหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าฉู่ฉีฮุย กล่าวว่า “เจ้าฟังสิว่านางพูดวาจาบ้าบออะไร? ข้าก็แค่เป็นห่วงน้องห้า นางกลับมาว่าว่าข้าเป็นคนนอก!”
ฉู่เยว่เหยาเป็นคนสายตาตื้นเขิน แต่เมื่อมองภาพรวม ฉู่ฉีฮุยยังพอแยกแยะได้ชัดเจนว่าสายสัมพันธ์ใดใกล้ชิดมากกว่า
สิ่งที่ฉู่สวินหยางพูด ความจริงนางจะเอ่ยมันออกมาต่อหน้าคนแซ่เจิ้งก็ได้ แต่ที่นางไม่ทำ เหตุผลเพราะต้องการรักษาเกียรติของวังบูรพาเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก
“เงียบซะ เรื่องของเหยียนเอ๋อร์ให้จบลงตรงนี้ เจ้ารีบกลับไปที่ด้านหน้าเถอะ ตรงนี้เจ้าไม่ต้องยุ่งแล้ว” ฉู่ฉีฮุยทำหน้าดุ เสียงทุ้มต่ำจริงจัง
ฉู่เยว่เหยาต้องตะลึงอีกรอบ อ้าปากจะเถียง รออยู่นานก็ยังไม่มีเสียงหลุดออกมา ได้แต่ตะกุกตะกักว่า “พี่ใหญ่…เจ้ากลับ… เข้าข้างคนอื่น!”
สีหน้าของฉู่ฉีฮุยย่ำแย่ขึ้นทุกขณะ ตำหนิว่า “คนอื่นอะไร? สวินหยางนางเป็นท่านหญิงแห่งวังบูรพา เป็นน้องสาวของข้ากับเจ้า!”
กรอบตาของฉู่เยว่เหยาแดงก่ำ
ฉู่สวินหยางก็คร้านจะต่อปากต่อคำกับนาง จึงปัดกระโปรงเตรียมจะเดินหนีแล้วเอ่ยว่า “ข้าผู้เป็นคนอื่นยังมีธุระต้องทำ ขอไม่อยู่รบกวนพวกเจ้าคนกันเองรำลึกความหลังกันนะ”
ฉู่เยว่เหยาไม่ได้คิดอะไร แต่พอประโยคนั้นหลุดออกไป สีหน้าของฉู่ฉีฮุยพลันเปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนก้นหม้อ
ฉู่สวินหยางเดินไปได้สองก้าวแล้วก็หยุดครุ่นคิดสักครู่แล้วเบี่ยงหน้ากลับมามอง กล่าวช้าๆ ด้วยรอยยิ้มไร้พิษสง
“ก่อนหน้านี้มีประโยคหนึ่งที่ข้าพูดผิดไป ในเมื่อพวกเจ้าเป็นครอบครัวเดียวกัน ส่วนข้าเป็นคนอื่น เช่นนั้นข้าก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งวุ่นวาย ชายาซื่อจื่อหากว่าเจ้าต้องการ เรื่องในวันนี้ก็ประกาศออกไปเถอะ ว่าเมื่อครู่น้องสาวสุดที่รักของเจ้านอนอยู่ในเรือนกับคุณชายรองสกุลเหลยที่อยู่นอกห้องนั่นแหนะ”
ฮูหยินเหลยที่ยืนปาดน้ำตาป้อยๆ อยู่ด้านข้างพลันดวงตาเป็นประกาย
ฉู่สวินหยางเม้มปากอย่างไม่แยแส เสียงหัวเราะฟังดูมีเลศนัย “ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ว่าไหมล่ะ?”
เอ่ยจบก็ไม่รั้งอยู่ต่อ จากไปอย่างไว้ท่า
ฉู่ฉีฮุยอึ้งไปทันที…เขาฟังออกอย่างชัดเจนถึงเจตนาข่มขู่ในประโยคนั้น
ดวงหน้าของฮูหยินใหญ่มีรอยยิ้มหวาน ย่อเข่าคารวะฉู่ฉีฮุย “ข้าก็ขอตัวก่อน” จบคำ ก็ส่งมือให้สาวใช้ข้างกายนามว่าหรูโม่ประคองเดินออกไป
ฮูหยินใหญ่สาวเท้าว่องไว ออกจากนอกลานก็มองซ้ายแลขวาเห็นว่าฉู่สวินหยางรออยู่ใต้ต้นเหมยที่ห่างออกไปไม่ไกล จึงสาวเท้าเข้าไปหาทันที
“ท่านหญิง!” ฮูหยินใหญ่เอ่ย ขณะพูดก็ทำความเคารพนางอย่างจริงจังหนึ่งที
ฉู่สวินหยางไม่ได้ห้าม สตรีในวังบูรพาล้วนมีเบื้องหลังไม่ธรรมดา แม้นางจะไม่เป็นศัตรูกับผู้อื่นไปทั่ว แต่ก็ไม่คิดจะเป็นพพันธมิตรกับใครเช่นกัน
ฮูหยินใหญ่ย่อกายด้วยใบหน้าที่ซาบซึ้งเหลือประมาณ “เรื่องในวันนี้ ต้องขอบคุณท่านหญิงที่ปกป้องหนิงเอ๋อร์ บุญคุณที่ท่านหญิงมีต่อพวกเราแม่ลูก ข้าจดจำไว้แล้ว!”
“ฮูหยินใหญ่เกรงใจแล้ว ครอบครัวเดียวกัน เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย” ฉู่สวินหยางยิ้ม
ที่นางย้ำว่า ‘ครอบครัวเดียวกัน’ ทั้งหมดเพราะเห็นแก่หน้าฉู่อี้อัน
ฮูหยินใหญ่เป็นคนฉลาด ไม่ได้เรื่องมากอะไร ยังคงขอบคุณด้วยความซึ้งใจอีกครั้ง พูดต่ออีกสองประโยคก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านหลัง เป็นฉู่ฉีฮุยที่เดินออกมาจากเรือนหลังนั้น
ฉู่สวินหยางหรี่ตา หันศีรษะกลับไปมอง
ฮูหยินใหญ่เอ่ยขึ้นมาอย่างรู้หน้าที่ “หนิงเอ๋อร์ได้รับความตกใจ ข้าจะรีบไปดูแล ขอไม่อยู่เป็นเพื่อนคุยกับท่านหญิงแล้ว”
“เชิญฮูหยินใหญ่ตามสบาย” ฉู่สวินหยางพยักหน้า
ฮูหยินใหญ่จึงประคองมือของหรูโม่แล้วจากไป
ฉู่สวินหยางถอนสายตาจากที่ห่างไกล รอฉู่ฉีฮุยเดินเข้ามาหา
สีหน้าของฉู่ฉีฮุยเคร่งเครียด เดินเข้ามาพลางสูดหายใจลึก เอ่ยปากทันทีอย่างไม่อ้อมค้อม “เมื่อครู่เหยาเอ๋อร์นางเสียมารยาท เจ้าอย่าได้ใส่ใจ ข้าตำหนินางไปแล้ว”
นี่เป็นความพยายามเพียงผิวเผิน สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญก็มีเท่านี้ ไม่ว่าเรื่องใดๆ ขอเพียงมอบบันไดลงให้อีกฝ่าย และเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของคนในวังบูรพาสองฝ่ายจึงต้องยอมอดกลั้นเพื่อความสงบสุข
เดิมทีแผนของฉู่ฉีฮุยก็มีเพียงเท่านั้น
แต่ว่าครั้งนี้ จุดยืนของฉู่สวินหยางต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ได้ฟังคำของเขาก็กระตุกริมฝีปากคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ถามกลับอย่างเชื่องช้าว่า “แล้วถ้าข้าใส่ใจล่ะ หวงจ่างซุนจะว่าอย่างไร?”
ดวงหน้าของฉู่ฉีฮุยพลันแข็งค้าง ถึงขนาดสงสัยว่าตนเองฟังผิดไปหรือเปล่า
เขามองหน้ายิ้มแย้มของดรุณีที่อยู่เบื้องหน้า ผ่านไปเนิ่นนานถึงค่อยขมวดคิ้วแล้วเอ่ยปากทำลายบรรยากาศเย็นเยือก “เหยาเอ๋อร์นางทำเกินไปก็จริง…”
“ที่ข้าพูด หมายถึงฉู่เยว่เหยียน!” ฉู่สวินหยางไม่รอให้เขาพูดจบก็เอ่ยแทรกทันที
น้ำเสียงของนางราบเรียบ เสียงที่เปล่งลอดฟันฟังชัดเจนทุกพยางค์ มันดังกังวานอยู่ในสมองฉู่ฉีฮุย
หัวใจของฉู่ฉีฮุยสั่นไหว สูดหายใจลึกอย่างไม่รู้ตัว อ้าปากจะตอบกลับ แต่หาคำมาพูดไม่ได้ด้วยความที่มีชนักติดหลัง
“จ่างซุนท่านก็รู้นี่ใช่ไหม?” ฉู่สวินหยางไม่ได้โกรธ ยังคงสนทนาด้วยใจที่สงบนิ่ง นางก้าวขาเข้ามาช้าๆ ในน้ำเสียงยังแฝงความขบขันชัดเจน เอ่ยออกมาทีละประโยคว่า
“ฉู่เยว่เหยียนเรียกเหลยซวี่มา คิดจะทำให้ข้าสลบอยู่ในห้องนั้น พอข่าวแพร่ออกไป ท่านพ่อต้องรักษาชื่อเสียงของข้าและวังบูรพา จนไม่อาจบอกปัดการเกี่ยวดองกับสกุลเหลย เมื่อเป็นเช่นนั้น ต่อให้ข้ากังวลเรื่องอนาคตของตน แต่ข้าก็ไม่อาจไม่คิดถึงพี่รอง สุดท้ายก็ต้องยอมเข้าสู่จวนสกุลเหลย ทางหนึ่งก็สามารถตัดแยกสายสัมพันธ์ระหว่างข้ากับพี่รอง อีกทางยังสามารถกดทับข้าเอาไว้ ไม่ให้ข้ากลายเป็นอุปสรรคที่ขวางทางหวงจ่างซุนอย่างเจ้าอีก ช่างเป็นการยิงหินครั้งเดียวได้นกสองตัวจริงๆ”
———————————————————————–