สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 - ตอนที่ 78 (2)
ผลลัพธ์มหัศจรรย์ของประตูไม้ (2)
ซูหลินตัดสินใจแน่วแน่ ถ้าตอนนี้เขาสลับตัวรับฉู่หลิงอวิ้นกลับมา ก็เท่ากับหยิบหมวกเขียวมาสวมให้ตัวเองถึงในบ้าน ฉะนั้น ไม่ว่าเขาจะเคยชอบนางขนาดไหน แม้ว่าจะยังเหลือเยื่อใย แต่เขาจะไม่ยอมเกี่ยวข้องใดๆ กับนางอีกเป็นอันขาด
“เสด็จพ่อ…” ฉู่อี้หมินอ้าปากพูด
“ฝ่าบาท!” ซูหลินรีบชิงตัดบทเขา มองพระพักตร์ฮ่องเต้ตรงๆ เอ่ยว่า “ตอนขอนางแต่งงานที่ตำหนักจินเตี้ยน เป็นเพราะความต้องการของกระหม่อมเพียงฝ่ายเดียว ถึงได้เกิดเรื่องตลกขายหน้าอย่างวันนี้ ความจริงท่านหญิงอันเล่อมีผู้อื่นอยู่ในใจตั้งแต่แรก กระหม่อมบุ่มบ่ามมุทะลุ ครานั้นไม่รู้ก็แล้วไปเถิด แต่บัดนี้ย่อมไม่กล้าทำลายวาสนาของพวกเขา ขัดขวางความสุขของผู้อื่นอีก”
พูดถึงเรื่องนี้ เลือดในกายของซูหลินก็เดือดคลั่ง น้ำเสียงในตอนท้ายฟังแล้วปลิ้นปล้อนไม่จริงใจ เยาะเย้ยถากถางได้อย่างเก่งกาจเป็นที่สุด
ฮ่องไต้ได้ฟังก็นิ่งไป รับรู้ถึงความนัยจากท่าทางของเขา ก่อนจะย่นคิ้วอย่างไม่รู้ตัว
เพื่อจะโยนเผือกร้อนอย่างฉู่หลิงอวิ้นทิ้งไป ซูหลินรีบตัดสินใจทันควัน เขกศีรษะลงกับพื้น เอ่ยเสียงหนักแน่น
“ฝ่าบาทมีราชโองการให้กระหม่อมกี่ยวดองกับจวนอ๋องหนานเหอ ถือเป็นความกรุณามากล้นที่มีต่อสกุลซู ในเมื่อจับพลัดจับผลูแบกผิดคนไปแล้ว ทั้งกระหม่อมกับท่านหญิงรองก็ผ่านพิธีกราบไหว้ฟ้าดินด้วยกัน เช่นนั้น…”
แม้วาจาจะพูดเช่นนั้น แต่เขาก็หาใช่จะเต็มใจยอมรับ
ซูหลินสูดหายใจเข้าลึกสุดปอด เอ่ยต่อว่า “ขอฝ่าบาททรงอนุญาต!”
อย่างน้อยฉู่หลิงซิ่วก็ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ฮ่องเต้มองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะเคลื่อนสายตาไปที่ร่างของฉู่อี้หมินที่อยู่ด้านหลัง
แผ่นหลังของฉู่อี้หมินเปียกเหงื่อจนชุ่มไปหมด พอเจอสายตาเย็นเยียบของฮ่องเต้ จึงได้หลบเลี่ยงเป็นพัลวัน
หากยังมองไม่ออกว่าภายในมีเรื่องอื่นซุกซ่อน ตำแหน่งประมุขแห่งแผ่นดินก็เหมือนได้แต่นั่งครองไปวันๆ แล้ว
สีหน้าของฮ่องเต้เปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึมอย่างฉับพลัน แล้วยกมือโบกให้ซูหลิน ตรัสว่า “ในเมื่อเจ้าร้องขออย่างจริงใจ ข้าก็จะให้เจ้าสมปรารถนา ราชโองการที่ออกไปแล้วก็ช่างเถอะ ข้าค่อยหาคนแก้ไขแล้วส่งไปให้เจ้าใหม่อีกรอบ”
“กระหม่อม…ขอบพระทัยฝ่าบาท!” ซูหลินขบฟันแน่น พยายามบังคับไม่ให้น้ำเสียงตัวเองหลุดความไม่พอใจออกไป
ฮ่องเต้สะบัดมือใส่ เขาจึงค้อมหลังล่าถอยออกไป ทันทีที่พ้นจากประตู ก็ได้ยินเสียงถ้วยชากระแทกพื้นแตกเพล้งดังตามหลังมาด้วย
นัยน์ตาของซูหลินเปลี่ยนเป็นความอำมหิต ก่อนจะสาวเท้าหนีหายไป
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องทรงอักษรต่อจากนั้น รู้เพียงว่าฮ่องเต้ผู้ไม่เคยแสดงออกทางสีหน้าว่าชอบหรือไม่ชอบอะไรมาตลอดสิบปีได้ถูกทำให้เกรี้ยวกราดเป็นครั้งแรก แม้ภายหลังฮองเฮาจะรีบตามไปปลุกปลอบด้วยตนเอง แต่ก็ไม่อาจดับเพลิงโทสะของพระองค์ได้ ท้ายที่สุด อ๋องหนานเหอออกมาจากห้องทรงอักษรพร้อมกับเลือดชุ่มศีรษะ เห็นชัดว่าถูกถ้วยชาเขวี้ยงเข้าใส่ ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นชา สภาพย่ำแย่ไม่น่ามอง
ส่วนฮองเฮาที่ตามมาภายหลังก็สีหน้าซีดเผือด อาภรณ์หงส์เปื้อนคราบช้ำชา ชัดเจนว่านางก็ถูกเหมารวมไปด้วย
ฉู่อี้หมินยืนรออยู่ที่หัวโค้งระเบียงทางเดิน เห็นว่าหลัวฮองเฮาเดินมาก็ส่งยิ้มขื่นๆ ให้อย่างกระดากอาย
“เสด็จแม่!”
หลัวฮองเฮาเหลือบมองเขาทีหนึ่ง ความเดือดดาลในอกยังไม่ทันสลาย สีหน้าจึงดูไม่สบอารมณ์อย่างมาก แม้แต่ฝีเท้ายังไม่ยอมหยุด เพียงกระแทกเสียงใส่ว่า “เจ้าตามข้ามา!”
ฉู่อี้หมินถอนหายใจเฮือก เดินตามหลังนางไปที่ตำหนักโซ่วคัง
เวลานี้คนแซ่เจิ้งยังชะเง้อคอคอยคนอยู่ที่โถงตำหนัก เห็นสองคนเดินมาแต่ไกลๆ ก็ปรี่เข้าไปรับแต่พอเจอสภาพยับเยินของฉู่อี้หมิน ก็ตกอกตกใจใหญ่โต
“ท่าน…ท่านอ๋อง นี่ท่าน…”
ฉู่อี้หมินมองนางอย่างหงุดหงิด แล้วผลักนางออก ก่อนจะเดินตามหลัวฮองเฮาเข้าไปด้านในตำหนัก
คนแซ่เจิ้งถูกผลักจนซวนเซ
ป้ากู้รีบเข้ามาประคองนาง เอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านอ๋องกำลังโกรธ พระชายาอย่าได้ใส่ใจ”
คนแซ่เจิ้งย่อมเข้าใจ ฉู่อี้หมินโมโหฉู่หลิงอวิ้นจนพาลมาถึงนาง จึงทำได้เพียงแค่นยิ้มตอบ
สามคนเข้าไปด้านในตำหนัก ไฉ่เยว่ถือล่วมยาเข้ามาจัดการแผลบนหน้าผากให้ฉู่อี้หมิน
คนแซ่เจิ้งเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “เสด็จแม่ เรื่องของอวิ้นเอ๋อร์…”
ฉู่อี้หมินมีโทสะเต็มท้อง ยกมือกวาดล่วมยาบนโต๊ะจนร่วงกราวลงพื้น เส้นเลือดปูดจนแทบระเบิด ยกนิ้วชี้หน้านางพลางด่ากราด “เจ้ายังกล้าพูดถึงนางสารเลวนั่น ศักดิ์ศรีของข้าถูกนางทำลายจนไม่มีเหลือ เจ้าฟังไว้นะ เจ้ารีบกลับไปแล้วส่งนางออกจากจวนเดี๋ยวนี้ อยู่ไปก็มีแต่จะทำให้ผู้อื่นถูกหัวเราะเยาะ!”
เลือดในกายของคนแซ่เจิ้งแข็งทื่อ เย็นวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า
นางเงยหน้ามองหลัวฮองเฮาที่นั่งอยู่เบื้องบน เอ่ยอย่างลำบากใจ
“เสด็จแม่…”
ดวงหน้าของฮองเฮาหลัวถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกหนาทึบ พอได้ยินชื่อฉู่หลิงอวิ้น นัยน์ตาก็ทอประกายหมดความอดทน แต่ยังฝืนเอ่ยด้วยใบหน้าแข็งทื่อว่า “เสด็จพ่อของเจ้ากำลังโกรธ ส่งนางออกไปก่อนดีกว่า รอให้ข่าวมันซาลงแล้ว ข้าค่อยคิดหาวิธี!”
เพื่อรักษาชื่อเสียง ฝ่าบาทไม่อาจพระราชทานความตายให้แก่พระนัดดาของตนเพียงเพราะเหตุผลเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ยังทรงพิโรธ ใครจะพูดอะไรย่อมไม่ฟังทั้งนั้น ไม่สู้ให้พระองค์ถอดยศฉู่หลิงอวิ้นไปเสีย เนรเทศนางออกนอกเมืองหลวง แต่แน่นอนว่าการเนรเทศครั้งนี้ มันหมายถึงระยะเวลาชั่วทั้งชีวิตของนาง
อีกอย่าง เพราะปกติหลัวฮองเฮาลำเอียงรักใคร่ฉู่หลิงอวิ้นอยู่มาก ฝ่าบาทจึงพาลต่อว่านางตามไปด้วย นี่นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีเลยทีเดียว
ในเมื่อเป็นความต้องการของฝ่าบาท ใครหน้าไหนก็ไม่อาจฝ่าฝืน
คนแซ่เจิ้งพลันหมดหวัง ล้มตัวลงบนเก้าอี้ น้ำตาไหลพราก
ฮองเฮาเห็นท่าทางเหมือนคนไร้วิญญาณของนางก็ใจอ่อน เอ่ยเสียงเย็นว่า “เจ้าก็หยุดร้องได้แล้ว เดี๋ยวเรื่องราวก็ต้องผ่านไป ใครให้นางไม่รู้จักอดทนเสียบ้าง? ให้นางหลบไปสักพักก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้าย บุตรคนรองของจวนติ้งเป่ยโหวนั่น ข้าเองก็ไม่ชอบใจ”
คนแซ่เจิ้งได้ฟังดังนั้นถึงค่อยสงบลงบ้าง เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เพคะ หม่อมฉันจะเชื่อเสด็จแม่ทุกอย่าง อวิ้นเอ๋อร์นาง…ต่อไปก็ต้องพึ่งเสด็จแม่แล้ว นางช่างน่าเวทนานัก!”
คนแซ่เจิ้งพูดไป ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกครั้ง
ในเมื่อฮ่องเต้ออกราชโองการให้เนรเทศ ทางจวนติ้งเป่ยโหวนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก หาใช่ว่าคนแซ่เจิ้งตัดใจส่งนางออกไปได้ลง แต่ถ้าฉู่หลิงอวิ้นไปเสีย อย่างไรความห่วงใยที่หลัวฮองเฮามีต่อนาง ช้าหรือเร็วก็ต้องได้คืนกลับมาอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้นางแต่งกับจางอวิ๋นเจี่ยนจริงๆ ละก็…
ไม่แน่นางอาจจะแผลงฤทธิ์อะไรขึ้นมาอีก!
ภายในตำหนักเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม กระทั่งไฉ่เยว่ช่วยจัดการแผลให้ฉู่อี้หมินเรียบร้อยแล้ว สองสามีภรรยาก็พากันกลับจวน
ประชุมเช้าในวันนี้ รอจนแล้วจนเล่าฮ่องเต้ก็ไม่เสด็จเสียที เหล่าขุนนางคอยอยู่ครึ่งค่อนวัน สุดท้ายมีเพียงหลี่รุ่ยเสียงที่โผล่มาพร้อมรับสั่งว่า ‘พระวรกายไม่สู้ดี ให้ยกเลิกการประชุมในวันนี้ไปก่อน’
ทว่าคนพวกนี้หูตาไวเพียงใด เมื่อวานชมดูฉากกายกรรมที่จวนอ๋องหนานเหอไปแล้ว สายตาของคนมากมายล้วนแต่จับจ้องเรื่องนี้อยู่ เช้าวันนี้ทั้งๆ ที่ฉู่อี้หมินกับซูหลินเข้าวังมาแต่กลับไม่มาร่วมประชุม ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าคงถูกฮ่องเต้เรียกพบเป็นการส่วนตัว
แต่เพราะการหาข่าวจากห้องทรงอักษรทำได้ยาก สถานการณ์โดยละเอียดจึงไม่มีใครรู้
ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นความลับอยู่นาน เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นก็มีราชโองการประกาศออกมาใหม่ เขียนว่าเพราะความเข้าใจผิดทำให้เกี้ยวของจวนอ๋องฉางซุ่นแบกคนไปผิดตัว แต่ฟ้าดินก็กราบไหว้ไปแล้ว ถือว่าข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก ฮ่องเต้จึงถอนพระราชทานสมรสระหว่างซูหลินกับฉู่หลิงอวิ้น แล้วออกราชโองการใหม่แต่งตั้งให้ฉู่หลิงซิ่วเป็นชายาในซื่อจื่อจวนอ๋องฉางซุ่นแทน
ตอนที่ได้ยินข่าวนี้ ฉู่สวินหยางไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด
เวลานี้นางกำลังขังตัวเองให้คัดตัวอักษรอยู่ในห้อง ในมือตวัดพู่กันขนจิ้งจอกเล่มใหม่ เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “แล้วฉู่หลิงอวิ้นเล่า? ได้รับโทษอย่างไร?”
“เหมือนว่าฮ่องเต้จะพิโรธไม่น้อย จึงสั่งให้ถอดยศนาง บอกให้จวนอ๋องหนานเหอไล่นางออกจากจวนเจ้าค่ะ” ชิงเถิงตอบ นิ่งไปสักพักก็ถอนหายใจอย่างอดจะเสียดายไม่ได้ “เพียงแค่ไม่ได้ออกราชโองการอย่างชัดเจน น่าจะให้ส่งคนออกไปเสียก่อน แล้วเรื่องถอดยศคงค่อยว่ากันทีหลัง”
“ก็สมเหตุสมผล!” ฉู่สวินหยางยักไหล่ ไม่ได้รู้สึกผิดหวัง “สถานการณ์ล่อแหลมเช่นนี้ หากฮ่องเต้ถอดยศนางอย่างโจ่งแจ้งแล้วขับคนออกไป ไม่เท่ากับเป็นการประกาศให้ใต้หล้ารู้หรือว่าเรื่องนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลัง และฉู่หลิงอวิ้นยังมีคดีอื่นติดตัวอยู่อีก?”
ฮ่องเต้ต้องลงโทษฉู่หลิงอวิ้นแน่ นั่นเป็นเรื่องที่สามารถมั่นใจได้ แต่ว่าไม่อาจทำมันอย่างเปิดเผย ได้แต่จัดการลับๆ อย่างไร้สุ้มเสียง เพื่อเป็นการระบายอารมณ์
ชิงเถิงได้ฟังก็กลอกตาอย่างไม่เห็นด้วย “ยังคิดว่านางจะต้องแต่งให้จางอวิ๋นเจี่ยนเสียอีก เช่นนี้มิใช่ว่าเหนื่อยเปล่าหรือ? แบบนี้มีแต่จะทำให้ท่านหญิงกับคนพวกนั้นผูกแค้นฝังใจกันมากกว่าเก่า ไม่คุ้มเอาเสียเลย!”
ฉู่สวินหยางเหลือบมองนาง เผยยิ้มอย่างจนปัญญา ย้ายพู่กันไปจุ่มหมึกแล้วคัดตัวอักษรต่อไป
เรื่องที่จะให้ฉู่หลิงอวิ้นแต่งกับจางอวิ๋นเจี่ยนนั้นเห็นแต่แรกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานที่ฉู่หลิงอวิ้นตกเป็นผู้ต้องสงสัยล้มงานแต่งงานแบบนี้ จู่ๆ ดันเปลี่ยนใจไปแต่งให้สกุลจาง…
ซื่อจื่อแห่งจวนฉางซุ่นยืนอยู่ตรงหน้านางไม่แต่ง กลับจะแต่งให้จอมเสเพลอันดับหนึ่งในเมืองหลวง? แม้แต่คนตาบอดยังรู้ว่าภายในมีไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่
อย่าว่าแต่ฮ่องเต้เลย แม้แต่ฉู่ฉีเหยียนเองก็คงไม่มีทางยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น คนรอบคอบอย่างฉู่ฉีเหยียน เป็นไปได้ถึงแปดส่วนว่าเขาจะต้องไปกล่อมสกุลจางให้สงบลงก่อน สองสกุลคงจะตกลงกันอย่างลับๆ เลื่อนกำหนดงานมงคลออกไป
รอจนเรื่องเงียบแล้วค่อยนำกลับมาปรึกษากันใหม่
ถึงตอนนั้น การที่สาวแก่ทึนทึกซึ่งล้มเหลวจากการแต่งงานไปแล้วครั้งหนึ่งอย่างฉู่หลิงอวิ้นจะประกาศงานมงคลกับจางอวิ๋นเจี่ยน ก็พอเป็นเรื่องที่ค่อยสมเหตุสมผลขึ้นมาหน่อย
ฉู่หลิงอวิ้นรอดตัวจากงานแต่งครั้งนี้ แค่เพราะมันยังไม่ได้ถูกประกาศออกมาอย่างเปิดเผยก็เท่านั้น!
ฉู่ฉีเหยียนผู้นี้…
ทำอะไรไร้ช่องโหว่จริงๆ!
ฉู่สวินหยางครุ่นคิด แล้วก็หัวเราะกับตัวเองเบาๆ
ชิงเถิงมักคุยกับนางไปคนละทิศคนละทางอยู่เสมอ คอยแต่เฝ้าอยู่ด้านข้างจึงรู้สึกเบื่อหน่าย จึงหมุนตัวจากไป ผ่านไปสักพักก็กลับมาใหม่พร้อมกับถ้วยน้ำแกงไก่หอมกรุ่นในมือ