สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 - ตอนที่ 79 แผนชายงาม (3)
เขาเพิ่งจะกลับมา แม้จะไม่มั่นใจว่าฉู่สวินหยางเป็นคนสั่งให้ปล่อยข่าวจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ต่อให้นางเป็นคนทำ นางก็ย่อมมีเหตุผลของนาง
“ไม่ใช่นางแล้วจะเป็นใคร?” ฉู่เยว่เหยียนตาแดงก่ำ แหกปากถามเหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บ
“พี่ใหญ่ว่าอย่างไรเล่า?” ฉู่ฉีเฟิงถาม พลางมองฉู่ฉีฮุยอย่างใจเย็น
เส้นเลือดบนขมับของฉู่ฉีฮุยค่อยๆ ปูดนูน ดูท่าคงจะอดกลั้นไว้ไม่เบา
ฉู่เยว่เหยียนเห็นเช่นนั้น ในใจก็ให้ระแวงสงสัย น้ำตาพลันหยุดไหลดื้อๆ กระพริบตาปริบๆ มองเขา
สายตาของฉู่ฉีฮุยตกอยู่ที่ดวงหน้าของฉู่สวินหยาง สุดท้ายก็ตอบว่า “เหยียนเอ๋อร์ เรื่องนี้เจ้าเข้าใจสวินหยางผิดไปจริงๆ นางไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าวลือหรอก”
ฉู่เยว่เหยียนชะงักไป ลุกขึ้นอย่างงุนงง สายตามีโฟโทสะลุกโชน “ไม่ใช่นาง? แล้วจะเป็นใครได้อีก?”
ฉู่ฉีฮุยพลันหัวเราะเสียงขื่น สายตาที่จ้องมองฉู่สวินหยางยิ่งซับซ้อนยากจะเข้าใจ ก่อนจะกัดฟันค่อยๆ อธิบายว่า “เป็นป้าสะใภ้!”
ฮูหยินเหลย มารดาของเหลยซวี่เป็นคนสั่งให้ปล่อยข่าวนี้ออกไป!
เดิมทีตอนที่ได้ยินข่าว เขาก็ยังตาพราวเป็นประกาย รีบสั่งให้คนไปหาหลักฐาน เพราะก่อนหน้านี้ฉู่สวินหยางเคยขู่ว่าจะทำให้ฉู่เยว่เหยียนกับเหลยซวี่ได้สนิทสนมกันยิ่งกว่าเก่า เขาจึงเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของฉู่สวินหยาง ขอเพียงกุมจุดอ่อนของนางได้ ต่อให้ท่านพ่อจะลำเอียงรักนางเพียงใด ก็ไม่อาจนั่งมองเฉยๆ แน่
แต่พอตรวจสอบจนกระจ่างแล้ว กลับพบเรื่องราวไม่เป็นดั่งที่เขาคิด…
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉู่สวินหยางเลยสักนิด ฮูหยินเหลยต่างหากที่เป็นคนทำ
เขาอดจะยอมรับความเก่งกาจของฉู่สวินหยางไม่ได้จริงๆ ตอนนั้นที่อยู่กับคนแซ่เจิ้ง ก่อนที่จะกลับนางได้ทิ้งประโยคหมิ่นเหม่คลุมเครือเอาไว้ คล้ายเจตนาจะเอาชนะฉู่เยว่เหยา แต่ความจริงแล้วนางจงใจชี้ทางให้ฮูหยินเหลยมองเห็นถึงโอกาสที่จะได้เกี่ยวดองกับวังบูรพา
ฮูหยินเหลยผู้นั้นเป็นคนสายตาคับแคบเห็นแก่ได้โอกาสดีๆ อย่างนี้มีหรือจะยอมปล่อยให้หลุดมือ?
ดังนั้นนางจึงติดกับตามแผน เดินตามเส้นทางที่ฉู่สวินหยางเตรียมเอาไว้ทั้งหมด
แต่น่าแค้นใจนัก เหตุการณ์ทั้งหมดล้วนถูกฉู่สวินหยางควบคุมไว้ในฝ่ามือ ทว่ามือนางกลับไม่เปื้อนเลือดเลยสักนิด เปิดเผยให้คนรู้ว่านางอยู่เบื้องหลัง แต่กลับไร้หนทางจะแตะต้องนาง!
“ป้าสะใภ้?” ฉู่เยว่เหยียนนึกออกในทันใด สีหน้าคาดไม่ถึง
ฮูหยินเหลยเป็นคนทำ? นางกล้า? นางทำได้อย่างไร?
ฉู่ฉีเฟิงไม่อยากพัวพันกับสองพี่น้องคู่นี้อีก วางถ้วยชาในมือแล้วยืนขึ้น เอ่ยว่า “ท่านพ่อมอบหมายงานให้ พี่ใหญ่คงจะยุ่ง พวกเราวันหน้าค่อยมาระลึกความหลังกันใหม่ สวินหยาง ไปเถอะ!”
ฉู่สวินหยางย่อมคิดไม่ต่างกัน หยัดกายเดินตามเขาออกไปอย่างไม่ต้องหยุดคิด
เรือนรับแขกหลังโต เพียงชั่วพริบตาก็เหลือแค่ฉู่ฉีฮุยกับฉู่เยว่เหยียนสองคนเท่านั้น
ฉู่เยว่เหยียนนิ่งไปนาน จะเค้นสมองอย่างไรก็ไม่เข้าใจเสียทีว่าเหตุใดฮูหยินเหลยถึงทำเช่นนี้กับนาง
สุดท้าย นางก็เงยหน้าไปมองฉู่ฉีฮุยอย่างฉงน “พี่ใหญ่…”
“ไม่ต้องถามแล้ว จะโทษก็โทษที่เจ้าไร้ความสามารถเถอะ!” ฉู่ฉีฮุยเอ่ย มุมปากกระตุกหยัน มองทิศทางที่คนสองคนหายลับไป “เจ้าไม่ต้องสงสัยหรอกว่ามันจริงหรือไม่ ข้าสั่งคนไปสืบแล้ว ต่อให้เจ้าโวยวายเท่าไร ก็เอาผิดฉู่สวินหยางไม่ได้อยู่ดี”
นังเด็กนั่น ไม่ธรรมดา!
ฉู่เยว่เหยียนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ กระทืบเท้าอย่างอัดอั้นใจ “แล้วจะทำอย่างไร? หรือว่าข้าต้องแต่งให้เหลยซวี่จริงๆ? ตานั่นเป็นคนยังไง พี่ไม่รู้หรือ?”
“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร? คำสั่งของท่านพ่อ ถ้าเจ้าไม่ยอมแต่งก็ไปบอกกับท่านเองสิ” ฉู่ฉีฮุยเอ่ยอย่างรำคาญ ยกน้ำชาที่เย็นชืดกระดกล้างคอ
ฉู่เยว่เหยียนเห็นท่าทางไม่ยี่หระของเขาก็หงุดหงิด พลันอารมณ์เสียขึ้นมาบ้าง ร้องเหอะทีหนึ่งแล้วเดิมดุ่มๆ ไปด้านนอก “ไปก็ไปสิ ข้าไม่แต่ง พวกเจ้าจะบีบคอให้ข้าแต่งได้หรือไง!”
ฉู่ฉีฮุยไม่ได้ห้ามนาง เพียงแสยะยิ้มส่งตามหลัง “เจ้าอยากจะไปก็ไปเถอะ จะก่อเรื่องอย่างไร ก็คงไม่เลวร้ายไปกว่าที่ฉู่หลิงอวิ้นเจอแล้วล่ะ!”
ฉู่เยว่เหยียนเหมือนโดนฟ้าฝ่ากลางกบาล เท้าชะงักกึก ไม่กล้าเดินแม้แต่ครึ่งก้าว
ฉู่หลิงอวิ้นทางนั้น ขนาดมีฮองเฮาหลัวคอยหนุนหลัง ยังไม่อาจขืนชะตาได้ และถ้าหากนางยังไม่ยอมหยุด จะต้องเจอจุดจบเช่นไร?
แต่จะให้นางแต่งกับเหลยซวี่ นางก็ทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ
เมื่อเจอทางตันไปทุกด้าน ฉู่เยว่เหยียนจึงทรุดตัวนั่งยองบนพื้น กุมศีรษะกรีดร้องไม่หยุด
ฉู่ฉีฮุยไม่พูดอะไร เพียงเดินผ่านนางออกไปข้างนอกอย่างเงียบๆ
วันเดียวกันนี้เอง ฝั่งจวนอ๋องหนานเหอก็ไม่อาจหาความสงบได้
วันนี้เป็นวันกลับบ้านของฉู่หลิงซิ่วหลังจากแต่งออกไปครบสามวันตามประเพณี แต่ด้วยสกุลซูกับจวนอ๋องหนานเหอกลายเป็นศัตรูกัน ซูหลินย่อมไม่ยอมมาแน่ ทว่าต้องไว้หน้าฮ่องเต้ที่อยู่ในวัง จึงปล่อยฉู่หลิงซิ่วออกมาอย่างไม่มีทางเลือก
ฉู่หลิงซิ่วไปอยู่จวนสกุลซูได้สามวัน ระยะเวลาเพียงเท่านี้ก็ผ่ายผอมซูบลงจนสะดุดตา สีหน้าอมทุกข์ แม้จะลงแป้งจนหนาแต่ก็ไม่อาจกลบปิดร่องรอยบาดแผลบนหน้าได้ทั้งหมด
ความจริงวันนี้นางไม่อยากกลับมาเลย อยู่ที่จวนสกุลซู แม้ซูหลินจะไม่ชอบนาง แต่ด้วยมีราชโองการของฮ่องเต้ค้ำคออยู่ เขาจึงได้แต่ขังนางเอาไว้ ไม่ได้ทำอะไรนางอีก แต่กลับมาจวนอ๋องหนานเหอคราวนี้ คนแซ่เจิ้งคงถลกหนังของนางแน่
ดวงตาของฉู่หลิงซิ่วหดเล็กด้วยความหวาดกลัว ฝืนใจพาตัวผ่านประตูใหญ่หน้าจวนเข้าไป
แม้ซูหลินจะไม่ได้มาด้วย แต่ซูหว่านกลับออกตัวขอตามมาแทน
ขณะกำลังรอคนแซ่เจิ้งอยู่ที่เรือนรับรอง ฉู่หลิงซิ่วไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสักครั้ง เอาแต่ใช้นิ้วพันผ้าเช็ดหน้าไปมาอย่างกระวนกระวาย
ซูหว่านนั่งดื่มชาอยู่ด้านข้าง ตวัดสายตามามองนางเป็นพักๆ แสดงชัดถึงความดูถูก
คนแซ่เจิ้งจงใจให้พวกนางรอจนแกร่ว ทั้งสองนั่งอยู่ร่วมครึ่งชั่วยาม ถึงค่อยเห็นป้ากู้ประคองแขนนางเข้ามาจากด้านนอก
ฉู่หลิงซิ่วเกร็งไปทั่วร่าง ก่อนจะกระเด้งตัวลุกขึ้น เอ่ยเสียงแผ่วว่า “หลิงซิ่วคารวะท่านแม่!”
คนแซ่เจิ้งกำลังหัวใจสลายเพราะเรื่องของฉู่หลิงอวิ้น ทั้งที่รู้เต็มอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนางแต่กลับแสดงความชิงชังที่อัดแน่นอยู่เต็มท้องออกมาอย่างไม่ปิดบัง เอาแต่ใช้สายตาน่ากลัวมองนาง
นางไม่เปิดปาก ฉู่หลิงซิ่วยิ่งขนลุกชันไปทั้งตัว เกือบจะทนไม่ไหวร้องไห้ออกมา
ซูหว่านก็ไม่ได้สนใจจะออกหน้าช่วยนาง เพียงกล่าวกับคนแซ่เจิ้งว่า “พระชายา ท่านหญิงอันเล่อสบายดีไหม? ข้าอยากจะไปคุยเล่นกับนางสักหน่อย ไม่ทราบว่าสะดวกหรือไม่?”
คนแซ่เจิ้งหันมามองซูหว่านทีหนึ่ง นางไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อคนสกุลซูนัก แต่นึกได้ว่าในมือของซูหว่านยังกำจุดอ่อนของฉู่หลิงอวิ้นเอาไว้ ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะสั่งคนให้ไปถามความ
รอจนได้รับคำตอบจากฉู่หลิงอวิ้นแล้ว ซูหว่านก็จากไปหาฉู่หลิงอวิ้นเพียงลำพัง
หลังจากที่กำหนดฤกษ์แต่งงานได้แล้ว ฉู่หลิงอวิ้นก็เริ่มเก็บเนื้อเก็บตัว แม้จะอยู่ในจวนก็ขังตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกมาพบหน้าผู้คน
ตอนที่ซูหว่านผลักประตูเข้าไปนางนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพอดี มือกำลังเลือกเครื่องประดับอย่างอ้อยอิ่ง แต่ดวงหน้าที่สะท้อนในกระจกกลับซูบเซียวกว่าหลายวันก่อน ทว่าด้วยรูปโฉมที่โดดเด่น มองแล้วก็เหมือนกิ่งเหมยต้องลมแรง บุรุษใดได้เห็นเกรงแต่จะสงสารเห็นใจ
ในใจของซูหว่านยังโกรธเคืองเรื่องวันงานมงคล ส่งเสียงเหอะใส่แล้วเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งที่ตั่งข้างๆ จากนั้นเปิดประเด็นด้วยท่าทีที่เหนือกว่าว่า “เรื่องในวันนั้น เจ้าต้องให้คำอธิบายแก่ข้า!”
ทั้งๆ ที่แผนทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่ฉู่สวินหยาง ต่อสุดท้ายนางกลับเป็นลมล้มพับไปด้วย หลายวันนี้ข่าวลือเรื่องฉู่เยว่เหยียนถูกกระพือไปทั่ว นางได้ฟังก็อดจะหวั่นใจไม่ได้ ยังดีที่อีกฝ่ายโจมตีแค่ฉู่เยว่เหยียน ไม่ได้ลากนางเข้าไปเกี่ยว
“อธิบายอะไร?” ฉู่หลิงอวิ้นส่งเสียงเหอะกลับไป เอ่ยอย่างไม่รีบร้อนว่า “นี่ยังชัดเจนไม่พอ? พวกเราสู้อีกฝ่ายไม่ได้จนถูกซ้อนแผนกลับมา วันนี้เจ้ามาเอาคำอธิบายกับข้า? จะให้ข้าอธิบายอะไร?”
“แต่พวกเราตกลงกันไว้แล้ว!” ซูหว่านไม่พอใจ น้ำเสียงเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ “ในเมื่อฉู่สวินหยางไม่หลงกล เหตุใดสาวใช้ของเจ้าไม่มาแจ้งข้าก่อน นี่ข้าหาทางรับมือไม่ทัน จนเกือบจะแย่ไปด้วยแล้ว!”
คิ้วของฉู่หลิงอวิ้นขมวดมุ่น แต่ไม่ได้เถียงกลับ เพียงหลุดออกมาสั้นๆ ว่า “ข้าไม่รู้!”
ซูหว่านอึ้งไป ดวงหน้ามีความเดือดดาลเคลือบเพิ่มอีกชั้น
————————————————————————