สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 - ตอนที่ 81 ผูกคอตาย? (2)
ท่าทีที่นางมีต่อคนแซ่ฟาง เหยียนหลิงจวินไม่ค่อยเข้าใจนัก ตามหลักแล้ว ต่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะห่างเหินเพียงใด อย่างไรก็คือแม่ลูกแท้ๆ แต่พอเอ่ยถึงสตรีผู้นั้น ฉู่สวินหยางกลับเย็นชาใส่ตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก อารมณ์เจ็บปวดผิดหวังเสียใจ ก็หาได้มีให้เห็นสักนิด
เหยียนหลิงจวินเห็นท่าทางเช่นนั้นของนางก็ไม่เซ้าซี้อีก เพียงขมวดคิ้วพลางถามว่า “เจ้าทานมื้อกลางวันหรือยัง?”
ถ้วยชาในมือฉู่สวินหยางชะงัก เพิ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้
เหยียนหลิงจวินเห็นปฏิกิริยาของนางก็รู้ว่าตัวเองเดาถูก ทำหน้าจนปัญญา ตะโกนออกไปด้านนอกว่า “ใครอยู่บ้าง?”
เหยียนหลิงจวินไม่ได้เรียกหาอิ้งจื่อตรงๆ คนที่ผลักประตูเข้ามาก็คืออิ้งจื่อกับชิงหลัว
เหยียนหลิงจวินหันไปสั่งชิงหลัวทันทีว่า “ไปดูที่โรงครัว เจ้านายเจ้าชอบทานอะไร ก็ให้พวกนั้นรีบเตรียมขึ้นมาเถอะ!”
ตอนแรกชิงหลัวก็งุนงงกับคำสั่งเสียงแข็งทื่อของเขา แต่พอเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการแล้ว ก็รีบรับคำแล้วเดินออกไป
เวลาไม่นาน สาวใช้สองคนก็ประคองกับข้าวที่ดูพิถีพิถันสองสามอย่างมาให้
ฉู่สวินหยางไม่ได้เกรงใจ คว้าตะเกียบแล้วตั้งอกตั้งใจทานข้าว เหยียนหลิงจวินมองอยู่ข้างๆ ไม่ได้ทานด้วย คอยสังเกตว่านางชอบจานไหน จากนั้นก็ช่วยคีบมาใส่จานน้อยตรงหน้านาง ท่วงท่ายังคงสง่างามน่ามองดังเก่า แม้แต่ตำหนิสักจุดก็มองหาไม่เจอ
ฉู่สวินหยางทานไปเล็กน้อยก็วางตะเกียบลง
เหยียนหลิงจวินมองข้าวที่เหลือครึ่งถ้วยของนางแล้วมุ่นคิ้วอีกครั้ง ไม่รอให้เขาถาม ฉู่สวินหยางก็รีบชิงพูดก่อน “อีกเดี๋ยวก็ต้องกลับไปรับมื้อเย็นที่จวนแล้ว”
ฉู่อี้อันมักคอยจับตาดูนางบนโต๊ะอาหาร หากมื้อใดทานน้อย เขาก็ไม่เปิดปากพูด แต่จะเอาแต่ขมวดคิ้วจนนางรู้สึกผิด
เหยียนหลิงจวินฟังแล้วก็ไม่ว่าอะไร เพียงเรียกคนให้เข้ามาเก็บโต๊ะ
นั่งไปสักพัก ด้านนอกเฉี่ยนลวี่ก็รีบร้อนมาตาม บอกว่าหรงเฟยในวังเกิดเจ็บป่วยกะทันหัน หมอหลวงหลายคนรวมหัวกันแล้วก็ยังแก้ไม่ตก ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้เรียกตัวเหยียนหลิงจวินเข้าวังด่วน
“เจ้าไปทำธุระของเจ้าเถอะ!” ฉู่สวินหยางบอก
เหยียนหลิงจวินมองท้องฟ้าที่ค่อยๆ มืดลง รู้สึกไม่ค่อยวางใจนัก “ข้าทิ้งอิ้งจื่อไว้กับเจ้าที่นี่!”
“ไม่ต้องหรอก!” ฉู่สวินหยางรีบบอกปัด แล้วเอ่ยเสริมว่า “อีกสักพักพี่รองก็มาแล้ว เดี๋ยวข้าต้องหาคำอธิบายให้เขาอีก ข้ามีชิงหลัวแล้ว อีกอย่างไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรหรอก”
“เอาแบบนั้นก็ได้!” เหยียนหลิงจวินหยุดคิด แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก หมุนกายเดินไปทางประตูได้สองก้าว พลันนึกบางอย่างออก เลยร้องเรียกอิ้งจื่อ “อิ้งจื่อ”
อิ้งจื่อตะลึงไป ตอนที่ได้สติถึงเพิ่งเข้าใจความหมาย รีบควักถุงหอมสีมรกตออกมาจากอก แล้วส่งไปที่เบื้องหน้าฉู่สวินหยาง “สิ่งนี้เป็นของที่ท่านหญิงสี่ทำหายเมื่อครั้งก่อน สิ่งสกปรกด้านในบ่าวทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
“หากวันนี้เจ้าไม่พูดข้าก็ลืมไปแล้วนะเนี่ย” ฉู่สวินหยางยักคิ้วให้เหยียนหลิงจวิน “เรื่องวันนั้น อย่างไรก็ต้องขอบคุณเจ้าด้วย”
เหยียนหลิงจวินไม่ชอบให้นางเกรงใจกับตน แต่ตอนนี้สายตากลับจ้องถุงหอมที่นางถือเอาไว้ในมืออย่างไม่สนใจทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ เมื่อนึกบางอย่างออก “พูดกันว่า บุญคุณยิ่งใหญ่ไม่อาจทดแทนด้วยวาจาขอบคุณ เจ้าลองไปคิดมาเถอะ ว่าสมควรจะตอบแทนข้าอย่างไร!”
เห็นว่าท้องฟ้าไม่เช้าแล้ว เขาไม่อาจชักช้า เอ่ยจบก็พาสาวใช้ทั้งสองลาจากไป
ฉู่สวินหยางหาได้นำคำเขามาใส่ใจ เพียงเก็บถุงหอมเข้าแขนไปก็เท่านั้น
ฉู่ฉีเฟิงเดินทางจากนอกเมืองมาถึงที่นี่ก็ค่ำแล้ว ฉู่สวินหยางมองรถม้าของเขาผ่านประตูเมืองเข้ามาแต่ไกลๆ นางออกมารออยู่ด้านหน้า ก่อนจะขึ้นรถกลับไปกับเขา
วันนี้ฉู่อี้อันติดงานเลี้ยง ฉู่สวินหยางจึงทานมื้อเย็นกับฉู่ฉีเฟิงที่เรือนจิ่นฮว่า
เพราะว่าเป็นมื้อเย็น สองพี่น้องจึงทานไม่มาก ฉู่ฉีเฟิงนั่งอยู่สักพักก็ขอตัวกลับ รุ่งเช้าวันถัดไปก็กะเวลาตื่นของฉู่สวินหยางแล้วมาหาใหม่ สองพี่น้องฝึกดาบออกกระบวนท่ากันอยู่ครึ่งชั่วยาม จากนั้นก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาทานมื้อเช้าด้วยกัน
ตอนที่นั่งจิบชาหลังจบมื้ออาหาร ฉู่ฉีเฟิงพลันเหลือบไปเห็นสะดึงดอกไม้ที่ฉู่สวินหยางทิ้งเอาไว้บนตั่งตัวยาว เขาหลุดหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยว่า “ก็ว่าทำไมตอนที่ข้าซ้อมดาบกับเจ้าถึงรู้สึกว่าเจ้าฝีมือตก อยู่ดีๆ ทำไมนิสัยถึงเปลี่ยนไปได้เสียเล่า!”
“ใช่ที่ไหน? เพราะฝีมือดาบของพี่ดีขึ้นมากต่างหากล่ะ!” ฉู่สวินหยางกลอกตามองเขา ก่อนจะคว้าสะดึงดอกไม้มาแล้วโยนทิ้งข้างๆ ไป
ฝีมือดาบของนางถดถอยไปจริงๆ นั่นเพราะว่างเว้นไม่ได้ฝึกฝนมาหกปี ตอนนี้ทำอย่างไรก็ไม่ชินมือเสียแล้ว
สองพี่น้องนั่งคุยสัพเพเหระอยู่สักพัก จากนั้นก็มีสาวใช้เข้ามาแจ้งว่าฮูหยินใหญ่มาเยี่ยมเยียน
ฉู่สวินหยางออกจะประหลาดใจเล็กน้อย “เชิญฮูหยินใหญ่เข้ามาเถอะ!”
สาวใช้รับคำแล้วเดินออกไป
ฉู่ฉีเฟิงวางถ้วยน้ำชาแล้วลุกขึ้น
“งั้นข้าไปก่อนแล้วกัน ต้องไปจัดการธุระอีกนิดหน่อย ตอนเย็นค่อยมาหาเจ้าใหม่”
“อืม!” ฉู่สวินหยางไม่รั้งไว้ เดินไปส่งเขาที่ประตู ก็เจอกับหรูโม่ที่พยุงฮูหยินใหญ่เข้ามาจากด้านนอกพอดี
“ท่านชาย!” เจอฉู่ฉีเฟิง ฮูหยินใหญ่ย่อกายคารวะอย่างรู้สึกผิด เอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “ถ้ารู้แต่แรกว่าท่านชายอยู่ที่นี่ ข้าคงจะมาให้เย็นสักหน่อย”
“ไม่เป็นไร ข้ามาคุยเรื่อยเปื่อยกับฉู่สวินหยาง กำลังจะกลับพอดี” ฉู่ฉีเฟิงตอบ พยักหน้าให้เบาๆ ก่อนจะสาวเท้ายาวจากไป
ฉู่สวินหยางหมุนกาย พาฮูหยินใหญ่เดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ยกชาเข้ามา
ฮูหยินใหญ่เป็นคนอ่อนน้อม หลายปีมานี้ก็เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในเรือนหย่าถิง น้อยครั้งที่จะออกมา การมาเยือนฉู่สวินหยางถึงหน้าประตูเช่นนี้นับเป็นครั้งแรก
“เหตุใดจู่ๆ ฮูหยินใหญ่จึงมาถึงนี่ได้เล่า?” ฉู่สวินหยางเอ่ยถาม
“อ้อ ข้าควรจะมาตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว แต่คิดว่าไม่ค่อยเหมาะสมจึงไม่ได้เดินมาเสียที” ฮูหยินใหญ่ตอบด้วยสีหน้าซาบซึ้ง “เรื่องของหนิงเอ๋อร์หลายวันก่อน ไม่มีโอกาสได้ขอบคุณท่านหญิงอย่างเป็นทางการเสียที ขอท่านหญิงอย่าได้ถือโทษ”
“ฮูหยินใหญ่อย่าได้เกรงใจ ข้ากับน้องสี่เป็นพี่น้องกันแท้ๆ ตอนนั้นลากนางออกมาก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร ข้ารับความขอบคุณของเจ้าไม่ไหวหรอก” ฉู่สวินหยางตอบ แอบส่งสายตาให้ชิงเถิงทีหนึ่ง
ชิงเถิงหมุนกายเดินหายไปข้างใน ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับถุงหอม ส่งมันให้ฮูหยินใหญ่
“นี่เป็นของใช้ติดตัวน้องสี่ ในเมื่อฮูหยินใหญ่มาพอดี ก็นำกลับไปเลยเถอะ ประหยัดเวลาข้าเดินไปอีกรอบ” ฉู่สวินหยางตอบ ยิ้มให้เล็กๆ
ฮูหยินใหญ่รับถุงหอมมาถือไว้ในมือ พลันอดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้ จากนั้นก็รีบตั้งสติ “อืม กลับไปข้าจะคืนให้นางเอง”
ฉู่สวินหยางเผยยิ้ม ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก แล้วเปลี่ยนเรื่องไป “พูดกันว่า หากไม่มีเรื่องเดือดร้อนก็คงไม่มาหา วันนี้ฮูหยินใหญ่มาหาข้า คงไม่ใช่แค่มากล่าวคำขอบคุณกระมัง?”
“ไม่มีเรื่องใดปิดบังท่านหญิงได้จริงๆ!” ฮูหยินใหญ่ไม่อ้อมค้อม เอ่ยสีหน้าจริงจังว่า “เกี่ยวกับเรื่องในจวน ตอนนี้นายท่านยกเลิกการลงโทษชายารองแล้ว ตัวนางก็กลับมาแล้วเช่นนั้น กิจธุระในจวนที่อยู่ในมือข้าก่อนหน้านี้คิดว่าสมควรมอบคืนกลับไปจะดีกว่า หลายวันนี้นายท่านยุ่งๆ อยู่ ข้าจึงลองมาถามความเห็นของท่านหญิงก่อน”
ตำแหน่งของชายารองยังคงอยู่ ก่อนหน้านี้นางถูกขังไว้ก็แล้วไปเถอะ ตอนนี้ได้รับการปล่อยตัวแล้ว หากว่าอำนาจในจวนยังมีฮูหยินใหญ่คอยคุมอยู่ คงยากจะเลี่ยงเป็นที่นินทาครหา เรื่องนี้ไม่เป็นผลดีต่อฉู่อี้อัน
ฉู่สวินหยางไม่รู้สึกว่าฮูหยินใหญ่หวาดกลัวชายารอง ที่นางเสนอให้คืนอำนาจกลับไป คงเพราะคำนึงถึงชื่อเสียงภายนอกจวนมากกว่า
ฉู่สวินหยางหัวเราะ ก่อนจะจิบชาอย่างไม่ค่อยแยแส เอ่ยว่า “ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ส่งคืนไปคืนมามีแต่จะยุ่งยาก ข้าเห็นว่าสองเดือนมานี้ฮูหยินใหญ่ก็จัดการเรื่องราวได้เรียบร้อยดี ในเมื่อท่านพ่อไม่ว่ากระไร เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรอก”
“แต่ว่าชายารองเหลยทางนั้น…” ฮูหยินใหญ่ยังรู้สึกว่าไม่เหมาะนัก
“มิใช่ว่าช่วงนี้นางต้องคอยอบรมกฎระเบียบให้น้องห้ารึ? จะมีอะไรสำคัญไปกว่าการสั่งสอนให้บุตรสาวดูแลครอบครัวอีก?” ฉู่สวินหยางแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเอ่ยวาจาที่คล้ายจะแฝงความนัยว่า “งานแต่งน้องสี่ผ่านปีใหม่ไปก็ต้องเริ่มเตรียมแล้ว คิดว่าฮูหยินใหญ่คงหวังให้นางแต่งออกไปอย่างสมเกียรติเช่นกัน!”
ฮูหยินใหญ่อึ้งไป ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมองฉู่สวินหยางอย่างไม่อาจทำใจเชื่อ
ฉู่สวินหยางพูดต่อไปด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งเศษเสี้ยวความใยดี “พวกเราล้วนเป็นบุตรสาวของท่านพ่อ งานพี่ใหญ่คราวก่อนก็ทำงามหน้าไว้ แต่ต่างกรรมต่างวาระไม่อาจเทียบกันได้ พ้นปีใหม่ไปก็ต้องจัดเตรียมงานแต่งน้องสี่แล้ว หากมอบให้คนอื่นไปจัดการ ฮูหยินใหญ่คงจะวางใจไม่ลงกระมัง? ดังนั้นข้าเห็นว่า ผู้ใดมีความสามารถก็ต้องทำงานหนักกว่าผู้อื่น ช่วยแบ่งเบากิจของจวนในช่วงนี้ไปก่อน”