สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 - ตอนที่ 81 ผูกคอตาย? (3)
งานแต่งของฉู่เยว่หนิงกำหนดแล้ว วันเวลาที่ประมาณการไว้คร่าวๆ ก็คือช่วงเดือนห้าของปีถัดไป
สำหรับฮูหยินใหญ่ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าบุตรสาวของตนอีกแล้ว
ปีนั้น ฉู่เยว่เหยาทำเรื่องฉาวโฉ่ ฉู่อี้อันไม่พอใจหนัก ไม่ว่าสินเจ้าสาวหรืองานแต่งก็ทำไปอย่างถูๆ ไถๆ ตอนนี้มาถึงคราวของบุตรสาวตัวเอง ฮูหยินใหญ่ไม่อยากให้ฉู่เยว่หนิงต้องถูกทำร้ายจากประวัติศาสตร์ที่ซ้ำรอยอีก
คำพูดของฉู่สวินหยาง แม้จะสงบนิ่งเรียบ แต่ก็ทิ่มแทงนางถึงเจ็ดส่วน
ฮูหยินใหญ่มองนาง นัยน์ตาสุขุมเปลี่ยนอารมณ์ไปมาหลากหลาย สุดท้ายก็หัวเราะขื่น เอ่ยด้วยสีหน้าดังเดิมว่า “มิผิด งานแต่งของหนิงเอ๋อร์ ข้าคงต้องจัดเองเองถึงจะวางใจ ในเมื่อท่านหญิงพูดถึงขนาดนี้แล้ว ข้าก็จะไม่บ่ายเบี่ยงอีก”
“เช่นนั้นก็ลำบากฮูหยินใหญ่แล้ว” ฉู่สวินหยางยิ้มให้บางๆ
“มิกล้า!” ฮูหยินใหญ่ตอบ พูดอะไรอีกสองประโยคแล้วก็ขอตัวกลับไป
ฉู่สวินหยางยังอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ มีเพียงชิงหลัวที่ออกไปส่ง
ชิงเถิงเดินเข้ามาเก็บถ้วยชา พลางหันหน้าไปมองแผ่นหลังของฮูหยินใหญ่ที่ลานด้านนอก เอ่ยว่า “ท่านหญิง ท่านจะใช้ฮูหยินใหญ่ไปงัดข้อกับชายารองเหลยหรือเจ้าคะ?”
ชายารองเหลยเพิ่งออกมาได้ก็หาเรื่องพิพาทกับฮูหยินใหญ่แล้ว เพียงแต่ช่วงนี้ฉู่เยว่เหยียนทำให้ฉู่อี้อันไม่พอใจ นางจึงยังไม่อยากซวยไปด้วย หากว่าฮูหยินใหญ่มอบอำนาจการจัดการในมือคืนกลับไป สองฝ่ายก็คงจะยุติความขัดแย้งได้
“หญิงสาวบางคน หากว่าไม่แก่งแย่งชิงดีกับใครเลย ก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร” ฉู่สวินหยางเอ่ย ก้มหน้ามองนิ้วมือของตัวเอง มุมปากกดยิ้มบางๆ “ฝีมืออย่างฮูหยินใหญ่ จะกดคนแซ่เหลยนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ข้าเองก็คร้านจะไปยุ่งเกี่ยวกับสตรีพวกนั้น ยกให้นางจัดการไปดีกว่า ขอเพียงนางยอมออกแรง คนแซ่เหลยดิ้นไปไหนไม่หลุดหรอก”
ชิงเถิงแลบลิ้นใส่ “แบบนั้น ฮูหยินใหญ่อาจจะแค้นใจท่านก็ได้นะเจ้าคะ!”
“ไม่หรอก นางเป็นคนฉลาด!” ฉู่สวินหยางส่ายหน้าหัวเราะ จับกระโปรงให้เรียบร้อยแล้วลุกเดินเข้าไปด้านใน ตอนที่ผ่านตั่งนอนตัวยาว ก็หยิบเอาผ้าปักบุบผาที่อยู่ในสะดึงมาพิจารณาอย่างละเอียด พลางเอ่ยว่า “เรื่องนี้นางวางแผนเอาไว้เพื่อบุตรสาวตั้งแต่ทีแรกแล้ว ข้าก็แค่อำนวยความสะดวกให้นิดหน่อย หากว่านางไม่แยกแยะถูกผิด นางก็คงไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้แล้ว”
ชิงเถิงไม่รู้สึกระแวงฮูหยินใหญ่เลย แต่ฟังที่ฉู่สวินหยางพูดก็มีเหตุผล จึงไม่เอ่ยมากความอีก
ระหว่างทางที่กลับเรือนหย่าถิง พอเดินไปถึงจุดที่ไร้ผู้คน หรูโม่ก็กดเสียงต่ำเอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “คุณหนู ท่านก็รู้ว่าท่านหญิงสวินหยางคิดยืมมือท่าน ใช้ท่านไปต่อกรกับชายารองเหลย หากว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป กลัวว่าสุดท้ายจะเป็นปัญหานะเจ้าคะ”
หรูโม่เป็นสาวใช้ที่ติดตามฮูหยินใหญ่มาแต่จวนเก่า สองคนโตมาด้วยกัน ดังนั้นคำเรียกขานจึงใช้เหมือนแต่ก่อนที่คุ้นเคย
ฮูหยินใหญ่ก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขื่น เอ่ยว่า “หาใช่หลอกใช้หรือไม่หลอกใช้อะไรหรอก เดิมก็เป็นความตั้งใจของข้า ต่อให้นางไม่อนุญาต เรื่องงานแต่งของหนิงเอ๋อร์อย่างไรข้าก็ต้องหาวิธีเลี่ยงลูกไม้ของผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้ไม่ใช่นางหลอกใช้ข้า เป็นข้าต่างหากที่ได้รับความเมตตาจากนาง”
หรูโม่ขบคิด ยังกังวลใจอยู่ “แต่ชายารองเหลยคงไม่เลิกราง่ายๆ คุณหนูอดทนอย่างยากลำบากมาหลายปี วันนี้จะต้อง…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว!” ฮูหยินใหญ่ตัดบทนางเบาๆ กลางหว่างคิ้วยังมีความสุขุมดังเก่า “ตั้งแต่แรกที่ข้าตัดสินใจแต่งให้เขา ภายในเรือนหลังแห่งนี้ ข้าก็รู้ดีว่าไม่อาจวางตัวเหนือเรื่องราวไปได้ตลอด อีกอย่างนี่ก็เพื่อหนิงเอ๋อร์ คงต้องเป็นเช่นนี้แหละ!”
นิสัยอย่างฮูหยินใหญ่ พูดไว้อย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น
หรูโม่เห็นว่านางตั้งใจแน่วแน่แล้ว ก็ไม่พูดอะไรต่อ
เมื่อประชุมเช้าที่ท้องพระโรงจบลง ทุกฝ่ายในวังหลวงก็ได้รับข่าวดีที่น่าสะเทือนเลือนลั่น…
หรงเฟย ชายาคนโปรดองค์ใหม่ของฮ่องเต้ตั้งครรภ์แล้ว
ฮ่องเต้อายุมากขึ้น เกือบสิบปีที่ผ่านมาในวังมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นน้อยยิ่งกว่าน้อย แม้จะมีสนมโชคดีตั้งครรภ์บ้าง แต่ก็ล้วนแท้งครรภ์ หรือไม่เด็กก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังแบเบาะ
ฮ่องเต้เข้าสู่วัยชราแล้ว จึงเห็นความสำคัญกับข่าวนี้มากเป็นพิเศษ ได้ทราบเรื่องก็ดีอกดีใจ พระราชทานรางวัลชั้นดี ข้าวของมากมายต่างหลั่งไหลไปทางตำหนักของหรงเฟยอย่างไม่ขาดสาย
ฮองเฮาผู้เป็นประมุขในวังหลัง รวมถึงชายาสนมทุกผู้ทุกนามต่างก็แห่กันไปเยี่ยมดู วังหลวงเหมือนหม้อที่ถูกระเบิดออก ครื้นเครงอย่างผิดหูผิดตา ราวกับจัดงานปีใหม่ล่วงหน้าอย่างไรอย่างนั้น
ตอนที่ข่าวนี้แพร่ไปทั่ววังหลวง ฉู่สวินหยางไม่ได้อยู่ด้วย นางพาชิงหลัวออกไปดื่มชาที่หอยลนทีเพียงลำพัง
ฉู่สวินหยางหายไปครึ่งวัน ตอนที่กลับถึงจวนฟ้าก็มืดแล้ว
ชิงเถิงมารอคนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่นานแล้ว จึงรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้นางฟังทันที
“จริงรึ?” ฉู่สวินหยางฟังแล้วก็แค่ยิ้มๆ “ฮูหยินใหญ่รู้หรือยัง? หรงเฟยตั้งครรภ์ถือเป็นเรื่องประเสริฐใหญ่หลวง ของขวัญจากทุกฝ่ายต้องครบพร้อม วังบูรพาของพวกเราก็อย่าได้ชักช้า ให้ฮูหยินใหญ่จัดการให้เรียบร้อยด้วย!”
“ฮูหยินใหญ่เป็นคนรอบคอบ คิดว่าคงจะเตรียมการไว้หมดแล้วเจ้าค่ะ!” ชิงเถิงคล้ายมีเรื่องในใจ เอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย
ฉู่สวินหยางหัวเราะ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง “ใช่สิ ฮูหยินใหญ่เป็นคนรอบคอบ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง!”
พูดจบก็เดินเข้าเรือนไปทันที ทิ้งสาวใช้ทั้งสองคนไว้ตรงนั้นอย่างไม่ใยดี
ไม่ว่าสมัยใด เหล่าสตรีในวังหลังล้วนมีแต่ความขัดแย้ง ยิ่งวังหลังของฮ่องเต้ที่สงบจนน่ากลัวมานานจะมีสมาชิกคนใหม่มาเพิ่ม หากว่าไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย ออกจะทำให้คนไม่เชื่อนัก
หลายวันต่อมา บรรยากาศในเมืองหลวงต่างอบอวลด้วยความเปรมปรีดิ์ ทุกบ้านเรือนไม่ว่ายากดีมีจนต่างก็เตรียมของข้ามปีกันอย่างเป็นสุข
หลังจากที่คนแซ่เหลยถูกกักอยู่ในห้องพระนานถึงสองเดือน ออกมาครานี้จึงดูแก่ลงไปมาก น้อยครั้งที่จะออกไปอวดตัวด้านนอก เอาแต่เก็บตัวอยู่ที่เรือนจิ่นซิ่วของตน เพียงแต่คนนอกไม่รู้ว่าคนข้างกายนางล้วนคอยรับใช้อย่างระมัดระวัง เพราะ…
นายหญิงนับวันยิ่งอารมณ์รุนแรง ยิ่งเอาใจยากมากขึ้นทุกที
วันนี้หลังจบมื้อเช้า ฉู่เยว่เหยียนก็วิ่งมาโวยวายไปรอบหนึ่ง สองสามวันมานี้ นางจะมาร้องงอแงที่นี่ทุกวัน คนแซ่เหลยเห็นแล้วก็ให้หงุดหงิด จึงสั่งให้คนกักนางไว้ด้านนอกไม่ยอมให้พบ
“นายหญิง ท่านหญิงห้าวันนี้มาเป็นรอบที่สองแล้ว ท่านให้นางเข้าพบสักครั้งไหมเพคะ?” แม่นมกุ้ยประคองเม็ดบัวต้มน้ำขิงเข้ามา ทางหนึ่งก็ลอบสังเกตสีหน้าของชายารองเหลย อีกทางก็หยั่งเชิงอย่างระมัดระวัง
“พบแล้วอย่างไร? ตัวข้าเองทุกวันนี้ยังแทบไม่รอด นางไม่เพียงไม่รู้จักเข้าใจสถานการณ์ที่ข้าเป็นอยู่ ยังมาก่อเรื่องอีก?” ชายารองเหลยยกถ้วยไว้ในมือ ได้ฟังดังนั้นก็กระแทกถ้วยลงบนโต๊ะดังเคร้ง เพราะออกแรงมากไปหน่อย น้ำแกงจึงกระฉอกออกมาด้านนอก
แม่นมกุ้ยรีบควักผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้นาง
ชายารองเหลยปัดมือนางออกอย่างไม่สบอารมณ์ หันไปมองนอกหน้าต่างอย่างว้าวุ่นใจ
“นายท่านยังไม่มีคำสั่งอะไรอีกหรือ?”
ที่นางถาม ย่อมหมายถึงเรื่องกิจธุระในจวน
แม่นมกุ้ยปวดหัวใจ แต่ไม่อาจแสดงออกไปให้นางเห็น เพียงเอ่ยว่า “งานถวายพระพรของเหล่าขุนนาง แล้วยังงานเลี้ยงในวังหลวง ล้วนมีนายท่านเป็นคนจัดการทั้งสิ้น คงจะไม่ทันนึกถึงเรื่องนี้นะเจ้าคะ!”
“เรื่องที่จัดการได้แค่เพียงประโยคเดียว มันยากอะไรนักหนา?” ชายารองเหลยไม่พอใจ ยกถ้วยกระเบื้องขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างแค้นเคืองว่า “ให้อนุคนหนึ่งมาถือกุญแจห้องเสบียง หากคนนอกรู้เข้า เขาจะพูดกันอย่างไร?”
แม่นมกุ้ยไม่ปริปาก แต่ในใจกลับคร่ำครวญไม่หยุด…
นายหญิงของตนจนวันนี้ก็ยังไม่เข้าในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ อนุรึ? ตัวนางเองต่างกันตรงไหน ก็แค่มีชื่อชายารองประดับให้ฟังเพราะหูเท่านั้น อีกอย่างจวนนี้ก็ไม่มีชายาเอก ความจริงนายท่านจะเชิดชูใครออกหน้าก็แล้วตามใจท่าน มีแต่นายหญิงของตนนี่แหละที่ไม่เข้าใจอะไรๆ เอาเสียบ้าง
เพราะว่าชายารองเหลยไม่ยอมออกมาเสียที ฉู่เยว่เหยียนจึงไม่มีที่ระบายอารมณ์ นางโวยวายยิ่งกว่าเก่า โหวกเหวกจนหน้าประตูชุลมุนวุ่นวายไปหมด
แม่นมกุ้ยเห็นว่าปล่อยไปแบบนี้ไม่เข้าที จึงเอ่ยเป็นนัยว่า “นายหญิง ให้ท่านหญิงห้าเข้ามาคุยข้างในเถอะเจ้าค่ะ หากนางส่งเสียงดังไม่หยุด เรื่องจะไปถึงหูนายท่าน และนายหญิงก็จะลำบากไปด้วย”
ชายารองเหลยครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนจะโบกมือให้อย่างรำคาญ “ให้นางเข้ามา!”
แม่นมกุ้ยถอนหายใจเฮือก รีบนำคำไปบอกที่หน้าประตู วินาทีต่อมาฉู่เยว่เหยียนก็ยกประโปรงวิ่งข้ามประตูมา พุ่งไปคุกเข่าอยู่แทบเท้าชายารองเหลย เงยหน้ามองนางเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านต้องช่วยข้า ข้าไม่อยากแต่งให้เหลยซวี่ ข้าไม่อยากแต่ง!”
ชายารองเหลยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ออกแรงจิกขอบโต๊ะไว้แน่น เค้นเสียงเย็นออกมาว่า “ท่านพ่อของเจ้าจนตอนนี้ยังไม่ยอมพบหน้าข้า เจ้ามาคร่ำครวญที่นี่จะมีประโยชน์อะไร?”
“แล้วจะให้ข้าทำอย่างไร?” อยู่ดีๆ ฉู่เยว่เหยียนก็กรีดร้องออกมา นางเด้งตัวขึ้น เดินไปรอบห้องเหมือนหนูติดจั่น หลังจากวนได้ครบสองรอบแล้วก็โถมตัวมาเกาะแขนชายารองเหลยเอาไว้ คร่ำครวญว่า “ท่านแม่ แม้แต่ท่านยังไม่สนใจข้า หรือท่านอยากเห็นข้าตายไปเลยใช่ไหม?”
ชายารองเหลยรู้สึกเจ็บแปลบที่แขนซึ่งนางบีบอยู่
แม่นมกุ้ยรีบมาแยกนางออกไป รีบชั่งน้ำหนักในใจอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยกับฉู่เยว่เหยียนด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ว่า “ท่านหญิงห้า ไม่ใช่นายหญิงไม่ช่วยท่าน แต่ท่านก็เห็นอยู่ว่าตอนนี้นายหญิงตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน แม้นางจะอยากช่วยแต่ก็จนปัญญา แม้ตอนนี้นายหญิงจะถูกปล่อยตัวแล้ว แต่ก็ถูกนายท่านยึดอำนาจไป ตอนนี้…”
“เฮ้อ!” แม่นมกุ้ยพูดไปพลางถอนหายใจหนักหน่วงทีหนึ่ง “ต่อให้นางอยากจะช่วย เกรงว่าจะมีเพียงใจแต่ไร้กำลังแล้ว” ฉู่เยว่เหยียนตะลึงไป ทิ้งก้นกระแทกตั่งอย่างหมดแรง ฟุบหน้าบนโต๊ะข้างแล้วร้องไห้โฮ
นัยน์ตาของชายารองเหลยสว่างวาบ พลันเงยหน้าส่งสายตาเป็นนัยให้แม่นมกุ้ยทีหนึ่ง
แม่นมกุ้ยพยักหน้าให้นางเบาๆ นายบ่าวสองคนผละสายตาหนีอย่างเข้าใจกันโดยไม่ต้องป่าวประกาศ
ฉู่เยว่เหยียนไปโวยวายกับรองชายาเหลยรอบหนึ่งแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายก็ได้แต่กลับเรือนของตนไปอย่างโกรธแค้น