สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 - ตอนที่ 81 ผูกคอตาย? (4)
เช้าวันถัดมา ฉู่สวินหยางกำลังรับอาหารเช้า ก็เห็นชิงเถิงสาวเท้าฉับๆ เข้ามา ก่อนจะรายงานอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจว่า “ท่านหญิง ท่านหญิงห้าแขวนคอตายแล้วเจ้าค่ะ!”
ฉู่สวินหยางกำลังละเลียดเกี๊ยวน้ำร้อนกรุ่น ตอนได้ฟังยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองสักนิด
ชิงเถิงรู้ว่าลีลาท่ามากก็ไม่มีประโยชน์ จึงพูดต่อไปเองว่า “ตั้งแต่เช้านางก็วิ่งไปโหวกเหวกที่เรือนฮูหยินใหญ่ โทษว่าฮูหยินใหญ่ลำเอียง รังแกนาง อาศัยว่ามีอำนาจในมือ เอ่ยคำยุยุงต่อหน้านายท่าน เลือกเจ้าบ่าวให้นางลวกๆ โวยวายจะให้ฮูหยินใหญ่ออกหน้าไปยกเลิกงานแต่งกับสกุลเหลยให้จงได้!”
“นางไปหาเรื่องฮูหยินใหญ่รึ?” ฉู่สวินหยางร้องเหอะทีหนึ่ง “ใครเป็นคนชี้โพรงให้กระรอก นางคิดเองไม่ได้หรอก”
“งานแต่งของนางเป็นคำสั่งของนายท่าน ไปโหวกเหวกใส่ฮูหยินใหญ่แล้วจะได้อะไร? แต่ก็คงจะเพิ่มความยุ่งยากให้ฮูหยินใหญ่ได้อยู่หรอก” ชิงหลัวกล่าว แล้วทำเสียงดูถูกเย้ยหยันว่า “อย่างน้อยๆ ก็ช่วยเอาคืนแทนชายารองเหลยได้บ้าง!”
“ก็ใช่น่ะสิ!” ชิงเถิงว่า คล้ายว่ายินดีกับความทุกข์ของผู้อื่น “ฮูหยินใหญ่เป็นคนใจเย็น กล่อมนางเสียงหวานอยู่ครึ่งชั่วยาม สุดท้ายบอกว่าสัญญาไม่อาจคืนคำ ใครจะคิดว่าพอนางออกมา ก็เที่ยวหาเชือกมาผูกกับต้นจันทร์อบเชยกลางลานเรือนฮูหยินใหญ่ บอกใครๆ ว่าฮูหยินใหญ่บีบบังคับนาง”
“คนตายแล้วรึ?” ฉู่เยว่เหยียนจะก่อเรื่องอย่างไร ฉู่สวินหยางหาได้สนใจใคร่รู้ เพียงถามเบาๆ ออกมาประโยคหนึ่ง
“ยังเจ้าค่ะ คนถูกช่วยลงมาแล้ว แต่ว่าเรื่องราวลุกลามใหญ่โต ตอนนี้…” ชิงเถิงกล่าว ก่อนจะหันไปมองท้องฟ้าด้านนอกทีหนึ่ง “ชายารองเหลยคงรู้ข่าวแล้ว น่าจะกำลังตามไป!”
“อยู่ดีๆ วิ่งไปแขวนคอตัวเองที่หน้าเรือนผู้อื่น? ไม่ว่าเป็นใครก็คงถูกครหาไปด้วย” ชิงหลัวกล่าว
ฉู่สวินหยางไม่ปริปาก เอาแต่จัดการอาหารเช้าของตนอย่างขะมักเขม้น
ชิงเถิงเริ่มทนไม่ไหว เอ่ยว่า “ท่านหญิง ชายารองเหลยคงคิดจะก่อเรื่องเป็นแน่ เกรงว่าสุดท้ายก็ต้องเป็นท่านออกหน้าจัดการกับนางให้อยู่หมัด!”
ไม่ใช่ว่าฮูหยินใหญ่ไร้ความสามารถ แต่ฐานะของนางยังไม่สูงพอ
“ไม่รีบ!” ฉู่สวินหยางตอบ ยกชามโจ๊กขึ้นมาดื่มอย่างสบายอารมณ์ “ปล่อยให้วุ่นวายไปก่อน พวกนั้นมีคนเบื่อจะหายใจ รีบร้อนอยากแขวนคอตายใจจะขาด แต่ท่านหญิงของพวกเจ้ายังไม่อยากหิวตาย”
ดวงตาของชิงเถิงกลอกไปมา เห็นว่านางคงมีแผนเตรียมไว้อยู่แล้ว ก็หัวเราะร่า “ดีสิเจ้าคะ เช่นนั้นเชิญท่านรับมื้อเช้าต่อ บ่าวจะคอยจับตาดูทางนั้นเอาไว้ให้เอง!”
ชิงเถิงหมุนกายจากไป ฉู่สวินหยางถึงได้เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะแล้วส่งสายตาให้ชิงหลัวทีหนึ่ง
ชิงหลัวผงกศีรษะ หมุนตัวเดินออกไปที่ลานแล้วเรียกสาวใช้มาสองสามคน สั่งให้ไปเรือนฝั่งขวาแล้วขนของขวัญเล็กใหญ่มากองหนึ่ง แล้วรออยู่ที่ลานเรือน
ใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่ฉู่สวินหยางจะเรื่อยเฉื่อยจนทานอาหารเรียบร้อย พอบ้วนปากเสร็จ ก็เดินผ่านสาวใช้ที่ยืนคอยอยู่กลางลานแล้วออกนอกประตูไป
ชิงหลัวพาสาวใช้ที่ประคองของขวัญอยู่ในมือตามไปติดๆ
คนทางนี้กำลังเคลื่อนขบวนไปอย่างเอ้อระเหย ตอนที่ลอยชายไปถึงเรือนหย่าถิง มองแต่ไกลๆ ก็เห็นศีรษะคนยุบยับ เอะอะกันให้มั่วไปหมด
“โอ๊ะ! ครึกครื้นกันดีจัง!” ฉู่สวินหยางทำหน้ายิ้มแย้ม พลางส่งเสียงหัวเราะเบาๆ
สถานการณ์ตรงนั้นพลันชะงักกึก กลุ่มบ่าวที่มุงดูอยู่รอบๆ พากันก้มหน้างุดๆ หลีกทางให้
ฉู่สวินหยางเดินเข้าไปหาอย่างโอหัง
ท่ามกลางกลุ่มคน ฮูหยินใหญ่ยืนหน้าเครียดอยู่หน้าเรือนของตน ชายารองเหลยหน้าตาเกรี้ยวกราดตั้งท่าจะเอาเรื่องนางเต็มที่ ส่วนฉู่เยว่เหยียนที่ถูกช่วยไว้ก็ยังไม่ถูกส่งออกไป มีคนยกเก้าอี้มาให้ สาวใช้ประคองนางให้นั่งพิงไว้อย่างไร้เรี่ยวแรง
ฉู่สวินหยางจงใจเหลือบมองลำคอของนางแวบหนึ่ง เห็นว่ามีรอยแดงเป็นเส้นสะดุดตา เหมือนผิวจะถลอก แสดงว่าเด็กคนนี้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วจริงๆ
สายตาของฉู่เยว่เหยียนประทะกับนางพอดี ยังคงไม่ลืมจิกตาใส่นางอย่างเกลียดชังทีหนึ่ง
“ท่านหญิง…” ฮูหยินใหญ่ก้าวขึ้นมาหา กำลังจะเอ่ยปาก ชายารองเหลยกลัวนางลงมือก่อน รีบก้าวขาแทรกเข้ามาขวางด้านหน้า พลางเอ่ยว่า “คนแซ่เหยา วันนี้เจ้าต้องให้คำอธิบายแก่ข้า สิบกว่าปีที่ผ่านมาทุกคนต่างอยู่ร่วมกันอย่างผาสุข แต่วันนี้เจ้ากลับบีบคั้นจะเอาชีวิตลูกสาวข้า หากว่าไม่มีเหตุผลดีๆ ก็อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้า!”
“วาจาของชายารองเหลยช่างน่าขันเสียจริง!” ฮูหยินใหญ่หัวเราะ แต่สีหน้ายังคงสุภาพอ่อนโยนอย่างเช่นวันเก่า “ท่านหญิงห้าเป็นบุตรสาวของท่าน เหตุใดท่านไม่ดูแลนางให้ดี? ตอนนี้กลับมาถามความกับอนุอย่างข้า? ข้าเป็นคนเลือกสถานที่ให้นางแขวนคอหรือไง? ข้าเป็นคนสั่งให้ผูกเชือกอย่างนั้นรึ? ปีใหม่ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ข้ายังไม่ทันตำหนินางที่นำเคราะห์ร้ายมาสู่หน้าเรือนข้า ท่านกลับจะให้ข้ารับผิดชอบ? ต้องโทษที่อนุคนนี้โง่เขลา ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าท่านต้องการให้ข้ารับผิดชอบอย่างไร?”
แต่ก่อนฮูหยินใหญ่ไม่เคยทำให้ใครลำบาก นี่เป็นครั้งแรกที่นางแข็งข้อต่อหน้าธารกำนัล เพียงวาจาไม่กี่ประโยคก็อุดปากชายารองเหลยให้เงียบได้
ฉู่เยว่เหยียนไม่พอใจเรื่องงานแต่งงาน แล้วงานแต่งนี้ก็ใช่ว่าฮูหยินใหญ่เป็นคนกำหนด นางมาก่อเรื่องวุ่นวาย เดิมก็เป็นการกระทำอันไร้เหตุผล
วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมาแล้ว หากฮูหยินใหญ่อ่อนปวกเปียกเหมือนที่ผ่านมาก็แล้วไปเถอะ แต่ไฉนคนกลับเปลี่ยนนิสัยไปเสียนี่
ชายารองเหลยตะลึงอยู่ครึ่งวัน ตอนที่รู้ตัวก็คิดว่าจะยอมแพ้อย่างนี้ไม่ได้ เอ่ยเสียงกร้าวว่า “ข้าไม่สน เกิดเรื่องเช่นนี้กับบุตรสาวข้าหน้าเรือนของเจ้า คนในเรือนเจ้าตายไปหมดแล้วหรือไง? ไม่รู้จักห้ามนางรึ? ตอนนี้ยังมีหน้ามาพูดจาปัดความรับผิดชอบ? มองคนที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ สินะ สตรีเช่นเจ้า จิตใจอำมหิตไร้เมตตา!”
ฮูหยินใหญ่ไม่ต่อปากต่อคำกับนาง ตวัดสายตาไปมองพวกหรูโม่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง เอ่ยตำหนิว่า “ท่านหญิงห้าคิดสั้น พวกเจ้าไม่เห็นรึ?
“เปล่านะเจ้าคะ พวกบ่าวห้ามแล้ว แต่ท่านหญิงห้าไม่ฟัง ยังฟาดแส้ใส่อีก บอกว่าใครขวางจะฆ่าให้ตาย!” บ่าวเฒ่าผู้หนึ่งคุกเข่าลงทันที ถลกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นผิวที่ถลอกเป็นรอยแส้
สายตาเย็นเยือกของฮูหยินใหญ่กวาดไปทางชายารองเหลยทีหนึ่ง
ชายารองเหลยหน้าแดงก่ำ โบกมือไหวๆ เอ่ยว่า “อย่างไรเรื่องนี้ข้าก็ไม่ยอมจบง่ายๆ แน่ พวกเจ้า พาเหยียนเอ๋อร์ไปหานายท่าน จะเรื่องใดก็ให้นายท่านตัดสิน!”
แม่นมกุ้ยจะพาคนเข้าไปพยุงฉู่เยว่เหยียน
ฉู่สวินหยางที่ยืนดูอยู่ข้างๆ มานานพลันยื่นแขนออกมากั้น แล้วเดินออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
“ชายารองยังไม่ต้องรีบร้อนไป!” ฉู่สวินหยางกล่าว ขยับไปยืนขวางอยู่เบื้องหน้าของฉู่เยว่เหยียน เอ่ยเสียงเอื่อยเฉื่อยว่า “ได้ยินว่าน้องห้าแขวนคอตัวเอง ข้าเลยนำยาบำรุงมาให้ ชายารองเหลยก็อยู่พอดี หากไม่รอดูด้วยกัน ก็คงสิ้นเปลืองน้ำใจของข้ายิ่งนัก!”
ฉู่สวินหยางพูดยังไม่ทันจบดีก็ยกมือส่งสัญญาณ ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้ปฏิเสธ
ชิงหลัวก้าวออกมาด้านหน้า ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ไล่เปิดกล่องของขวัญน้อยใหญ่เจ็ดแปดชิ้นที่อยู่ในมือของสาวใช้ทุกคนจนครบ จากนั้นก็นำโสม หลินจือ ไข่มุก ผ้าพับและของดีอื่นๆ ที่อยู่ด้านในเทลงบนพื้นทีละกล่องๆ
สิ่งของเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับหรือยาบำรุง ทุกชิ้นล้วนมีมูลค่าเป็นพันชั่ง นับเจ็ดแปดกล่องรวมๆ กัน ก็คงจะถึงหมื่นตำลังอยู่ ทว่าตอนนี้มันกลับกระจายอยู่เต็มพื้น ของบางชิ้นที่บอบบางหน่อยอย่างเช่นเครื่องหยก บัดนี้ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ ไปทั่วทุกทิศแล้ว
ข้ารับใช้ที่อยู่ตรงนั้นต่างตาพร่าลายไปหมด เสียงสูดหายใจเข้าลึกดังอยู่ทุกที่ จ้องมองอย่างตั้งอกตั้งใจ
ชายารองเหลยเบิกตากว้าง เห็นการกระทำของฉู่สวินหยางก็กำลังจะร้องโวยวาย แต่พอมองข้าวของที่อยู่บนพื้นชัดๆ แล้ว ดวงหน้าพลันซีดเผือดไร้เลือด คล้ายกับคนตายอย่างไรอย่างนั้น
“เป็นอย่างไร? ของเหล่านี้เป็นของชั้นเยี่ยมทั้งนั้น เป็นเพราะน้องห้าเลยนะ ถ้าเป็นคนอื่นข้าคงตัดใจหยิบออกมาใช้ไม่ลงหรอก” ฉู่สวินหยางไม่สนสีหน้าของนาง ยกเท้าบดขยี้เศษหยกหรูอี้ที่อยู่ตกอยู่ข้างเท้าออกเป็นสองท่อน เอ่ยว่า “ในเมื่อน้องห้าอุตส่าห์รอดตายมาได้อย่างยากลำบาก เช่นนั้นก็นำของบำรุงพวกนี้ไปเถอะ คาดว่าคงรักษาให้หายขาดได้เลยเชียว!”
พูดแล้วก็เลื่อนสายตาไปที่ใบหน้าของชายารองเหลยอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
ดวงหน้าของชายารองเหลยกลายเป็นสีเขียวคล้ำ
ฮูหยินใหญ่มองของที่กองอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง ก่อนจะแสยะยิ้มเย็นชา…
ไม่ต้องเปลืองแรงแล้ว เห็นทีฉู่สวินหยางคงไม่ให้โอกาสชายารองเหลยได้พลิกตัวอีก
“กลับกันไปได้แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่วันนี้ ใครกล้าพูดออกไปแม้เพียงครึ่งคำ ข้าจะขายมันออกไปทั้งตระกูล!” ฮูหยินใหญ่สูดลมหายใจลึก ก่อนจะออกคำสั่งเสียงน่ากลัว
กลุ่มคนที่มาดูเรื่องสนุกต่างรีบรับคำ แล้วพากันแยกย้ายจากไป
ผ่านไปพริบตาเดียว ตรงนั้นก็เหลือเพียงเจ้านายทั้งสี่ กับสาวใช้ที่ติดตามข้างกายของแต่ละคน
ชายารองเหลยขบฟันแน่น ไม่พูดอะไรสักแอะ
ฉู่สวินหยางมองข้าวของที่อยู่บนพื้น จากนั้นก็หัวเราะเสียงหยัน ตวาดเสียงกร้าวว่า “คนแซ่เหลย เจ้าช่างบังอาจนัก!”
————————————————————————