สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 - ตอนที่ 83(4)
“หรงเฟย เจ้ากำลังตั้งครรภ์ จะวู่วามไปไย?” หลัวฮองเฮาสังเกตสีหน้าและคำพูด ด้านหนึ่งก็ปลอบฮ่องเต้อยู่ อีกด้านก็หันมาตำหนิอย่างไม่พอใจ
ทั่วป๋าหรงเหยาร้อนใจ น้อมคำนับต่อฮ่องเต้แล้วเอ่ยว่า “หม่อมฉันถูกปรักปรำ! ขอฝ่าบาทและฮองเฮาโปรดตัดสินด้วยเพคะ!”
“แต่หม่อมฉันกลับรู้สึกว่าที่องค์ชายสี่พูดมาก็มีเหตุผล” เต๋อเฟยที่ยืนอยู่ข้างฮองเต้กล่าว “หรงเฟย เจ้าเอาแต่พูดว่าตัวเองถูกใส่ร้าย แต่กลับมีนักฆ่าอยู่ที่ตำหนักของเจ้า อยู่ข้างกายเจ้า หากเจ้าไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน เกรงว่ายังไงก็คงจะฟังไม่ขึ้นน่ะสิ?”
ในใจทั่วป๋าหรงเหยายังคงร้องเรียก หาความเป็นธรรม
สาวใช้ที่ติดตามรับใช้นางอย่างใกล้ชิดก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นมา อย่างไรเสียนางก็ไม่มีทางปัดความรับผิดชอบไปได้
เต๋อเฟยเห็นนางหมดหนทางกลบเกลื่อนคำโกหกของตนเอง ก็เอ่ยเสียงเย็นอีกว่า “ถูกใส่ร้ายอะไร ข้าว่าเจ้าวางแผนร้ายมาตั้งนานแล้ว มาถึงขั้นนี้ ข้าขอเตือนให้เจ้ายอมรับสารภาพอย่างว่าง่ายดีกว่า! เจ้าเป็นคนสั่งนางบ่าวชั่วนั่นให้ฉวยโอกาสลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทใช่หรือไม่?”
“เจ้าพูดจาเหลวไหล!” ทั่วป๋าหรงเหยาหน้าซีด ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพราะอายุยังน้อยจึงหุนหันพลันแล่น ตะโกนตอบโต้เสียงแหลม แล้วลุกขึ้นตวาดด้วยสีหน้าโกรธแค้นทันที
“คุ้มกันเร็วเข้า!” เต๋อเฟยทำทีหวาดกลัวและขยับเข้าไปใกล้ฮ่องเต้อีก แล้วชี้นิ้วไปที่นางทันที
องครักษ์สิบกว่านายที่ถือทวนยาวอยู่ในมือก้าวมาข้างหน้าโดยพร้อมเพรียง ปลายทวนส่องสว่างดุจหิมะสะท้อนแสงแสบตา
เดิมทีทั่วป๋าหรงเหยาอยากจะเข้าไปอธิบายเหตุการณ์ให้ฮ่องเต้ฟัง แต่ยิ่งดูจากท่าทางดิ้นรนสุดชีวิตในตอนนี้ราวกับมีคมหอกและหน้าผาขวางอยู่ตรงหน้า บีบบังคับให้เธอหมดหนทางจนถึงที่สุด
ด้วยปัญหาที่รุมเร้าเข้ามากระทบจิตใจ ทำให้จิตใจนางว้าวุ่นไปชั่วขณะ
นัยน์ตาหลัวฮองเฮาส่องประกาย ชั่งน้ำหนักในใจอย่างรวดเร็ว จากนั้นตีสีหน้าเคร่งขรึมและตรัสเสียงเฉียบขาดว่า “พระวรกายของฝ่าบาทสำคัญยิ่งนัก คุมตัวหรงเฟยไว้ให้ข้าก่อน!”
ไม่ว่าทั่วป๋าหรงเฟยจะเป็นคนทำเรื่องนี้จริงหรือไม่ ในเมื่อมีโอกาสดีขนาดนี้มากองอยู่ตรงหน้า นางก็จะใช้กำจัดคนช่างประจบสอพลอต่อหน้าธารกำนัลอย่างเต็มที่
ทั่วป๋าหรงเหยาตื่นตระหนกจนหน้าซีด ร้องตะโกนอย่างหวาดหวั่น “ฝ่าบาท!”
พอเหล่าองครักษ์ก้าวเข้าไปหวังจะล้อมจับนาง
นางก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ
เพียงชั่วครู่องครักษ์ที่อยู่ใกล้นางที่สุดพลันสังเกตเห็นระหว่างคิ้วนางเปลี่ยนเป็นสีเทาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นอยู่ๆ ร่างกายของนางกลับแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้แล้วล้มหงายไปด้านหลังโดยไม่มีสาเหตุท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย
พอนางล้มลงไปอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนต่างรับมือไม่ทัน
สาวใช้สองคนที่อยู่ด้านหลังรีบเข้าไปหวังจะรับร่างของนางเอาไว้ แต่นางกลับนอนหมดสติตัวแข็งทื่ออยู่บนพื้นเสียแล้ว
ทั่วป๋าไหวอันรีบวิ่งเข้าไปดูอย่างไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น พอเห็นว่าหว่างคิ้วของทั่วป๋าหรงเหยายังเหลือร่องรอยอยู่ก็เกิดพาลโกรธขึ้นมาดื้อๆ คุกเข่าหันไปทางฮ่องเต้กล่าวอย่างเดือดดาลว่า “ฝ่าบาท พระสนมเหมือนจะถูกพิษเหมือนกันพะยะค่ะ! เช่นนี้ก็ชัดเจนแล้วว่ามีคนต้องการให้พวกเราพี่น้องเป็นแพะรับบาป ดังนั้นจึงต้องฆ่าปิดปาก ถึงแม้โม่เป่ยของกระหม่อมจะเป็นเพียงประเทศเล็กๆ บริเวณชายแดน แต่ก็หาใช่พวกไม่มีสัจจะ หากฝ่าบาททรงสงสัยว่าพวกเราพี่น้องมีเจตนาไม่ดี สามารถสอบสวนความจริงได้อย่างเต็มที่เลยพ่ะย่ะค่ะ ถ้ามีพยานและหลักฐานจริง กระหม่อมก็ไม่มีอะไรจะพูดทั้งนั้น แต่ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์และยังต้องมาประสบกับความไม่เป็นธรรมในครั้งนี้ ก็ถือว่าฝ่าบาททรงมีอคติต่อพวกเราชาวโม่เป่ย แต่พระองค์จะไม่สนใจแม้กระทั่งลูกที่อยู่ในท้องพระสนมเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะถูกคนวางยา แต่ก็เมินเฉยต่อเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์เองไม่ได้
ทั่วป๋าไหวอันพูดแบบนี้มีเจตนาข่มขู่พระองค์อย่างชัดเจน แต่ด้วยทิฐิจึงถือตนว่าจะมองข้ามพระองค์ซึ่งเป็นฮ่องเต้ผู้อยู่เหนือประชาชนไม่ได้
เพราะทั่วป๋าหรงเหยาล้มลงอย่างกะทันหัน ฮ่องเต้เองก็สับสนไปชั่วครู่ อีกทั้งยังโดนทั่วป๋าไหวอันยั่วยุ สีหน้าจึงยิ่งโมโหมากขึ้น
“ยังไม่ไปดูอีก?” ฮ่องเต้ตรัส ทอดมองเหยียนหลิงจวินและคนอื่นอย่างไม่สบอารมณ์
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” แต่เหยียนหลิงจวินกลับไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนตอนที่ตรวจอาการฮ่องเต้เมื่อครู่ เขาทำความเคารพฮ่องเต้อย่างนอบน้อม หลังจากนั้นก็พอเดาได้ ไม่ต้องรอให้เขาลงมือ คนอื่นก็แย่งกันเข้าไปรักษาทั่วป๋าหรงเหยากันให้วุ่นแล้ว
เหยียนหลิงจวินสอดมือเข้าไปยุ่งไม่ได้เลย จึงถือโอกาสยืนดูอยู่แค่ด้านข้างแล้วกัน
ฉู่สวินหยางนั่งอยู่ด้านล่าง ห้องอุ่นฝั่งนี้ของฮ่องเต้เป็นพื้นที่เฉพาะของฝ่ายใน ถึงแม้พวกนางจะเป็นพระญาติ แต่หากไม่มีรับสั่งของฮ่องเต้ก็ไม่สามารถเข้าไปตามใจชอบได้ ดูสถานการณ์ฝั่งนั้นแล้วก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันทีเหมือนกัน
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง?” ฉู่สวินหยางพึมพำ ถึงแม้จะยังคงรักษาสีหน้าปกติ แสดงออกมาเฉพาะตอนไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่น ในน้ำเสียงยังคงแฝงความประหลาดใจเล็กน้อย
ชายและหญิงแยกที่นั่งกัน ตอนนี้ทั้งฉู่อี้อันและฉู่ฉีเฟิงต่างก็ไม่ได้นั่งด้วยกันกับนาง
“ทำไมหรงเฟยอยู่ดีๆ ก็ล้มลงไป?” ชิงหลัวไม่สบายใจยิ่งกว่า “เมื่อครู่ข้ามองอยู่ตลอด ก่อนหน้านั้นนางก็ดูปกติดี ไม่เห็นว่ามีคนลงมือเลย”
ฉู่สวินหยางขบคิดอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลับยิ้มเยาะเหยียดหยามว่า “ใครเป็นคนลงมือไม่สำคัญ ตอนนี้ที่สำคัญคือ…นางหมดสติไปเช่นนี้ ต้องการให้พุ่งเป้าไปที่ผู้ใดกันแน่!”
จะพุ่งเป้ามาที่วังบูรพาของตนเองหรือไม่?
ฝั่งวังบูรพากับฝ่ายในของวังหลวงต่างขีดเส้นแบ่งกันชัดเจนมาโดยตลอด ถ้าหากพุ่งเป้ามาที่นางหรือวังบูรพาจริง ก็ไม่รู้ว่าเงื่อนงำนี้จะมาผูกโยงเข้ากับตนเองได้ยังไง
ถ้าเป็นฉู่ฉีเหยียนคงไม่ทำเรื่องเสี่ยงแบบนี้แน่ แต่หากเขามีส่วนพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย เช่นนั้นครั้งนี้ก็อันตรายมาก
ฉู่สวินหยางคิดไปก็ยิ่งถลำลึกเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว กลายเป็นเกาะติดสถานการณ์ห้องอุ่นด้านนั้นเป็นพิเศษ
หลังจากหมอหลวงทั้งกลุ่มรักษาด้วยความเร่งรีบ สุดท้ายยังคงเป็นหมอคังที่มารายงานฮ่องเต้อย่างหวาดหวั่นว่า “ฝ่าบาท พิษเข้าสู่ร่างกายพระสนมหรงเฟย หม่อมฉันขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ย้ายพระสนมกลับตำหนักก่อน จะได้รักษาได้อย่างเต็มที่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้ลังเลอยู่ชั่วครู่ ไม่ได้ตรัสกลับไปในทันที
แต่องค์ชายสี่ฉู่อี้ชิงกลับไม่ยอมรามือ รีบยืนขึ้นมาพูดเสียงเย็นชาว่า “เสด็จพ่อถูกลอบปลงพระชนม์ และนางยังเป็นผู้ต้องสงสัย จะย้ายคนออกไปงั้นรึ? คิดไม่ได้รึไง? ถึงแม้นางจะตั้งครรภ์อยู่ แต่ในโลกนี้ก็ไม่มีชีวิตใครมีค่ามากไปกว่าเสด็จพ่อ ถ้ายังสืบหาความจริงเรื่องลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อให้กระจ่างไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ออกจากตำหนักนี้ไม่ได้ทั้งนั้น!”
“แต่ว่าอาการของพระสนมเป็นอันตรายต่อชีวิตนัก…” หมอคังเอ่ยสองจิตสองใจ
“เรื่องนี้จะยากสักแค่ไหนกัน? ในเมื่อพวกเจ้าสงสัยว่าพระสนมหรงเฟยวางแผนร้ายวางยาฝ่าบาท เช่นนั้นยาพิษนี้ก็ควรจะมีที่มาที่ไปหน่อยใช่หรือไม่? ลองเริ่มสืบสวนจากเบาะแสนี้ไป ยังไงความจริงก็ต้องปรากฏออกมา!” ทั่วป๋าไหวอันตาต่อตาฟันต่อฟัน สีหน้าเย็นชาเช่นเดียวกัน
“ผลของยาชนิดนี้แปลกประหลาด เกรงว่าคนทั่วไปคงผสมออกมาไม่ได้!” หมอจูหมออีกท่านหนึ่งเสริมมาอีกประโยค แล้วเผลอลูบเคราอย่างไม่รู้ตัว
“ตอนแรกที่เข้าวังก็ตรวจสอบทั้งสินสอดและของที่เตรียมมาจากบ้านของพระสนมโดยละเอียดแล้ว ไม่เคยเอาของผิดแปลกอะไรเข้ามาอย่างแน่นอน” ขณะนั้นสาวใช้นางหนึ่งออกมายืนข้างกายทั่วป๋าหรงเหยา นางสะอึกสะอื้นทูลฮ่องเต้ “ฝ่าบาท พระสนมของพวกเรามาไกลจากโม่เป่ย ในวังนี้ไม่มีทั้งเพื่อนและญาติพี่น้อง ช่วงที่ผ่านมานี้นางมักเก็บตัวไม่ยอมออกมาจากห้อง แม้แต่องค์ชายของพวกเราก็ไม่เคยได้เจอหน้ากันด้วยซ้ำ พระองค์จะปรักปรำนางเช่นนี้ไม่ได้ หม่อมฉันขอร้อง ให้คนพาพระสนมไปรักษาดีกว่าได้ไหมเพคะ?”
ฮ่องเต้เม้มปาก ราวกับยังลังเลอยู่ ไม่ยอมเอ่ยในทันที
แต่เต๋อเฟยกลับไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้หลุดรอดไป นางเอ่ยอย่างสงสัยว่า “เจ้าว่าหรงเฟยไม่เคยพบคนนอกรึ? งั้นไม่แปลกรึ? หรือยาพิษนี้สามารถหล่นลงมาจากท้องฟ้าได้?”
“ความจริงเป็นเช่นนี้ ท่านอย่ามาใส่ร้ายกันมั่วๆ!” สาวใช้คนนั้นกล่าวเสียงดัง “พระสนมของเราตั้งครรภ์ ใต้เท้าเหยียนหลิงเคยกำชับว่ายังท้องอ่อนให้นางพักผ่อน พระสนมก็อยู่แต่ในตำหนักไม่ออกไปข้างนอกจริงๆ ไม่เคยเจอคนนอกด้วย!”
ไม่เคยพบคนนอก แต่กลับเคยเจอใต้เท้าเหยียนหลิงที่ไปตรวจแทนนางแค่คนเดียว แถม…
เหยียนหลิงจวินยังมีอีกด้านที่เป็นหมอที่มีฝีมือเก่งกาจด้วย!
ฉู่สวินหยางฟังถึงตรงนี้ก็ยิ้มเยาะ รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก…
ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง หมากกระดานนี้ยากยิ่งนัก ทั้งลำบากลงแรงไปตั้งมาก มาถึงจุดนี้ความจริงถึงได้เปิดเผยออกมาทั้งหมด เดิมทีทำไปไม่ใช่เพื่อใครที่ไหน…
แต่เพื่อให้พุ่งเป้าไปที่เหยียนหลิงจวินนั่นเอง!
……………………………………………………………………