สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 - ตอนที่ 85.4
ตอนนั้นหลัวฮองเฮากำลังอารมณ์ดี จึงดุนางแล้วพูดว่า “ก็มีแต่เจ้าที่ชอบเที่ยวเล่น”
“ก็มีแต่เสด็จป้าที่รักหม่อมฉัน!” หญิงสาวขยิบตาส่งยิ้มหยาดเยิ้ม แล้วจับกระโปรงวิ่งออกไป หันหลังแล้วมองย้อนกลับมากะทันหัน ยักคิ้ว ดวงตาจ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังฮองเฮาท่าทางสงบเสงี่ยมอายุใกล้เคียงกับนาง
หญิงสาวจ้องสายตาที่เร่งเร้าของนางแต่นางกลับเมินเฉย และหลบสายตาไปด้านข้าง ฮองเฮากลับทำเป็นไม่สนใจเรื่องนี้ เพียงแต่ยิ้มแล้วตรัสว่า “พวกเจ้าก็ไปเที่ยวเล่นเถอะ แม่นมเหลียงสั่งให้คนคอยติดตามและระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย!”
“เพคะ ฮองเฮา!” แม่นมเหลียงรับคำสั่งพลางยิ้ม
สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ ท่าทางดีใจเก็บอารมณ์ความรู้สึกไม่ไหว พากันกล่าวขอบคุณ แล้วท่านหญิงก็พาสาวรับใช้วิ่งไป เน่ยซื่อกำลังช่วยกันลองจุดดอกไม้ไฟ จากนั้นก็มองดูประกายของดอกไม้ไฟที่กระจายออกจากดอกไม้ไฟที่พวกเขาถือ
เหล่าหญิงสาวที่อยู่ด้านล่างต่างครึกครื้น ยิ่งยกระดับบรรยากาศเฉลิมฉลองคืนวันส่งท้ายปีเก่าไปถึงจุดสูงสุด
เพื่อให้เหมาะกับบรรยากาศ ฉู่สวินหยางก็จุดดอกไม้ไฟสองอันตามพวกนาง จากนั้นก็คว้าประทัดแล้วหลบไปไกลอยู่หลังต้นเหมย ค้ำราวประคองนำเอาด้ามถือดอกไม้ไฟที่อยู่ในมือโยนไปมา ขณะนั้นจิตใจของนางรู้สึกผ่อนคลาย
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ที่นางสติหลุดลอย ทันใดนั้นนางสังเกตได้ว่าด้ามถือดอกไม้ไฟที่โยนไปตั้งนานก็ไม่กลับมาสักที นางสังเกตได้ว่ามีความผิดปกติ สายตามองย้อนกลับมา แต่กลับเห็นร่างที่สวมชุดแดงหม่น นั่นคือเหยียนหลิงจวินรูปร่างหน้าตาหล่อเหลายืนยิ้มอยู่ด้านหลังนาง
มือของเขาถือประทัดซึ่งเหมือนกับประทัดที่ก่อนหน้าสวินหยางโยนเล่นเพื่อแก้เบื่อ สายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มสาวน้อยที่วิ่งเล่นสนุกสนาน มองไปรอบๆ และมองกลับมา มองเห็นสาวน้อยที่พิงกำแพงตรงทางเดินอย่างเฉยชา เขาอดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าควรไปเล่นกับพวกนาง มัวแต่อุดอู้ทำอะไรอยู่คนเดียวรึ?”
ลักษณะนิสัยของฉู่สวินหยางไม่ใช่ว่าไม่อยากเข้าสังคม เพียงแต่ต้องดูว่านางอยากไปหรือไม่
“มีเรื่องกังวลใจ จะเล่นก็ไม่สนุก!” ฉู่สวินหยางถอนหายใจด้วยความฟุ้งซ่าน ขาขวาที่วางขวางราวประคองก็ถอยออกมาแล้วขยับตัวเพื่อให้มีที่ว่างตรงนั้น
พอเหยียนหลิงจวินสะบัดชุดที่สวมแล้วนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ
ฉู่สวินหยางใช้คางชี้ทางที่เขามาจากวังหลังพลางเอ่ย “เป็นเช่นไรบ้าง? เขาไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
“ตั้งแต่ต้นจนจบทุกอย่างเป็นเพียงการแสดงฉากหนึ่ง จะเป็นอะไรไปได้ล่ะ?” เหยียนหลิงจวินเบะปากหน้าบึ้ง โยนประทัดขึ้นสูงแล้วรับ หมุนด้ามจับประทัดควงเล่นเป็นวงกลมแล้วพูดแดกดันออกนอกหน้าว่า “จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องทำให้เขาลำบากใจ คนอย่างเขาขี้สงสัยและระแวง วันนี้ถูกใช้เป็นเหยื่อล่อเพื่อผลกำไรอันน้อยนิด ฮ่องเต้ของเจ้าอายุมากเช่นนี้ก็ยังทะเยอทะยานไม่เปลี่ยนจริงๆ!”
“หึ…” ฉู่สวินหยางหัวเราะแต่นางกลับไม่ได้แสดงความคิดเห็นกับเรื่องนี้ นางงอเข่า เอาคางวางบนเข่า ผ่านไปสักพักจึงพูดว่า “จะว่าไปทั่วป๋าไหวอันครั้งนี้ถือว่าโชคร้าย ใครจะคิดว่าเขามีแผนการร้าย วินาทีที่เขาไปจากโม่เป่ยในตอนนั้นก็ตกอยู่ในกลอุบายอย่างสมบูรณ์แบบ”
เหยียนหลิงจวินเม้มปากแต่ไม่ได้พูดอะไร
ฉู่สวินหยางคิดอยู่พักหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พระชายาองค์ที่เพิ่งถูกแต่งตั้งใหม่จากอ๋องโม่เป่ยเป็นผู้ใดกัน? แท้จริงแล้วแอบสมรู้ร่วมคิดกับฝ่าบาทฉกชิงอำนาจของโม่เป่ยในนามอ๋องโม่เป่ยอย่างนั้นงั้นรึ?”
“นางเป็นใครไม่สำคัญ ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนคนโง่ที่อวดฉลาด” เหยียนหลิงจวินเย้ยหยันอย่างไม่พอใจพลางพูดว่า “นางช่างเป็นคนที่คิดสั้นไม่มองการไกล ยังคิดที่จะยืมมือซีเยว่เชาถิงมาใช้ในการยึดครองอำนาจอีกรึ? ฮ่องเต้ที่ปกครองซีเยว่ของพวกเจ้าองค์นี้ อย่าคิดว่าจะหาผลประโยชน์จากเขา เมื่อกระทำการสำเร็จแล้วโม่เป่ยก็จะยอมจำนนรึ? นับประสาอะไรกับเด็กที่อายุที่ไม่ถึงสองขวบ? ว่ากันว่าฉางจื่อ ลูกชายของอ๋องโม่เป่ยก็ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ ขอเพียงแค่โม่เป่ยและทั่วป๋าไหวอันตายไปทีละคน ก็สามารถยึดครองโม่เป่ยได้ทั้งหมด สำหรับซีเยว่แล้วทุกอย่างก็ช่างง่ายดาย เขาและนางเหตุใดต้องวางแผนกระทำการเช่นนี้กัน หากยังทำเช่นนี้ต่อไปจะทำให้ตัวเขาเดือดร้อนในภายหลัง”
“นั่นน่ะสิ!” ฉู่สวินหยางถอนหายใจ
ข่าวคราวที่ซูอี้ได้รับก่อนหน้านี้ บอกว่าทั่วป๋าไหวอันมาเมืองหลวงภายในสองเดือนที่ตำหนักโม่เป่ยได้มีจดหมายส่งมาให้ฮ่องเต้หลายครั้ง ฉู่สวินหยางและเหยียนหลิงจวินเข้าใจว่าระหว่างอ๋องโม่เป่ยและฮ่องเต้มีอุบายมาโดยตลอด กระทั่งไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ทั่วป๋าหรงเหยาถูกวินิจฉัยว่าตั้งครรภ์ ตอนที่ทั่วป๋าอวิ๋นจีก็แอบนัดพบนางอย่างลับๆ ฉู่สวินหยางเองก็เพิ่งรู้
จดหมายเหล่านั้นจริงๆ แล้วไม่ใช่อ๋องโม่เป่ยหรือฮ่องเต้ส่งมา แต่แท้จริงแล้วเป็นฝีมือของหวังเฟยส่งมา
เมื่อสามปีก่อนหวังเฟยองค์นี้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหวังเฟยองค์ใหม่ คนโม่เป่ยไม่สนใจเกี่ยวกับเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแต่สนับสนุนผู้ที่มีพลังอำนาจ ดังนั้นหวังเฟยองค์นี้จึงได้รับตำแหน่งนี้ อย่างไรก็ตามหวังเฟยองค์นี้กลับไม่กลัวตาย หลังจากมีลูกชายก็มักใหญ่ใฝ่สูง ในการแย่งชิงบัลลังก์โม่เป่ย ทั่วป๋าไหวอันเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งรองจากซื่อจื่อจึงกลายเป็นขวากหนามของหญิงผู้นี้ ดังนั้นจึงถือโอกาสใช้ประโยชน์จากการที่เขาได้ไปเป็นทูตที่ซีเยว่ ในครั้งนี้ หวังเฟยจึงแอบนำเอาความลับอ๋องโม่เป่ยใช้เป็นช่องทางส่งจดหมายลับโต้ตอบกับฮ่องเต้เพื่อวางอุบายฆ่าทั่วป๋าไหวอันในการกำจัดขวากหนาม
ก่อนหน้าฉู่สวินหยางรู้สึกแปลกใจ แม้ว่าไม่ได้เตรียมจะสมรสเพื่อสันติเพียงฮ่องเต้รับสั่งคำเดียวทุกอย่างก็จบ แต่เขากลับดันทุรังยื้อเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อให้ทั่วป๋าไหวอันอยู่เมืองหลวงหลายเดือน จนกระทั่งไม่กี่วันที่ผ่านมาได้รับข่าวที่น่าประหลาดใจจึงรู้แจ้ง
สมรสเพื่อสันติอะไรกัน แท้จริงฮ่องเต้เตรียมวางแผนกำหนดการที่จะทำให้ทั่วป๋าไหวอันถูกกำจัด! ถ้าจะกำจัดเขาก็ต้องมีความสมเหตุสมผล ไม่สามารถเอาเรื่องที่เขาทำผิดมาเล่นงาน เช่นนี้จะมีอะไรที่สามารถกล่าวหาให้คนหลงกลเชื่อว่ามีผู้ลอบทำร้ายฮ่องเต้ในงานเลี้ยงได้ดีไปกว่านี้อีกรึ?
ไม่เพียงสามารถฆ่าทั่วป๋าไหวอันได้ ซ้ำยังทำให้หวังเฟยมีความมั่นคง ทั้งยังมีข้ออ้างหนึ่งที่สมเหตุสมผลในการส่งกองกำลังไปโจมตีอีก ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ช่างเป็นอุบายที่แยบยลยิ่ง
“ครั้งนี้เขาก็ได้เสียสละเลือดเนื้อ” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉู่สวินหยางก็ยิ้มเยาะเย้ย
“โดยนิสัยของเขา เขาจะต้องทำการตรวจสอบให้แน่ใจว่าในมือที่หรงเอียนถือคือยาถอนพิษ ถึงเขาจะโดนยาพิษเสียเอง เขาจะต้องหาคนมาลองทดสอบยาพิษนี้ก่อนแน่นอน” เหยียนหลิงจวินพูดต่อ
ครั้งก่อนเขาได้รับยาแก้พิษจากหรงเอียน ฮ่องเต้ไม่ลังเลกลืนยาถอนพิษลงไป เพียงแค่สิ่งนี้ก็ไม่ใช่นิสัยของฮ่องเต้แล้ว
ฉู่สวินหยางเอ่ยอย่างไม่เต็มใจ “โชคดีที่เฉินเกิงเหนียนรอบคอบ ปิดปากใต้เท้าคัง มิเช่นนั้นเขาคงเป็นหมาจนตรอกสลัดไพ่ใบสุดท้ายของฮ่องเต้ออกไป ทำให้งานเลี้ยงแคว้นในวันนี้อาจกลายเป็นเรื่องตลก”
เรื่องทั้งหมดไม่เป็นเพียงแผนการอันขมขื่น ที่ฮ่องเต้เป็นผู้กำกับและแสดงเอง ใต้เท้าคังน่าจะเป็นหนอนบ่อนไส้ ตอนนั้นเตรียมพร้อมที่จะพยายามใช้ยาถอนพิษช่วยชีวิต มิเช่นนั้นพอโดนยาพิษเต๋อเฟยจะบังเอิญเห็นได้อย่างไร? เพียงแต่หมากรุกที่วางตัวนี้กลับถูกเหยียนหลิงจวินทำลายแผนลงโดยไม่รู้ตัว ส่วนทางใต้เท้าคังก็ปรารถนาที่จะเห็นเหยียนหลิงจวินถูกดึงลงจากตำแหน่ง
ในงานเลี้ยงฮ่องเต้มีท่าทีเงียบทำให้เห็นความจริงทั้งหมดได้อย่างชัดแจ้ง
แผนการที่เขาวางไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า ทำเป็นเพิกเฉยเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น มองดูใต้เท้าคังกำลังรนหาที่ตายและถือเป็นการปิดฉากเรื่องนี้ลง
แผนการและความตั้งใจของฮ่องเต้ในครั้งนี้ ช่างทำให้คนเกรงกลัว
ทว่าเหยียนหลิงจวินพูดถึงเรื่องนี้กลับไม่รู้สึกอะไร เขาชะงักชั่วขณะแล้วเปลี่ยนน้ำเสียง หัวเราะออกมา “จะว่าไปทั่วป๋าไหวอันไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพื่อปกป้องตัวเองให้พ้นจากปัญหาจึงพึ่งพาฉู่ฉีเหยียน เขาทั้งสองกำลังคาดเดาเจตนาที่แท้จริงของฮ่องเต้ แต่แสร้งรอดูการเคลื่อนไหวของเขาว่าจะมาไม้ไหน โยนให้ทั่วป๋าไหวอันกลายเป็นแพะรับบาป ขณะฮ่องเต้กำลังตัดสินคำพูดของเขาความผิดก็ได้ปรากฏขึ้น ในเวลานั้นฮ่องเต้กลบเกลื่อนคำพูดปดและพูดเพื่อเอาใจ ต่อมาอ๋องหนานเหอก็ลุกขึ้นมา “หากมิได้องค์รัชทายาทขัดจังหวะ เกรงว่าจะต้องพูดเรื่องการสมรสอีกน่ะสิ”
ฉู่สวินหยางมองไปที่เขา “ใช่แล้ว ก่อนที่ทั่วป๋าไหวอันประกาศสู่ขอฉู่หลิงอวิ้นต่อหน้าสาธารณชน เวลานี้หากเรื่องเก่าถูกยกขึ้นมาพูดเรื่องที่เขาเพิ่งไม่ได้รับความเป็นธรรม เพื่อปรับความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองแคว้น เมื่อใดที่เขาพูดขึ้นมานั่นหมายความว่าตระกูลจางคงหมดคำพูด หากให้ข้าเดา ฉู่หลิงอวิ้นคงไม่รู้อุบายของบิดาและน้องชายตนเอง นิสัยของนางให้ตายก็ไม่ยอมแต่งกับโม่เป่ยแน่นอน”
“เพลานี้ไม่ใช่เวลามาเป็นห่วงนาง” เหยียนหลิงจวินกล่าว แสดงออกว่าไม่สนใจอย่างชัดเจน เขาลุกขึ้นจัดระเบียบชุดที่ใส่ แล้วก็ค่อยๆ พูดว่า “ตอนนี้ข้ากำลังคิดว่า หากเรื่องนี้ยังไม่สำเร็จ ไม่ว่าฮ่องเต้ก็ดี ทั่วป๋าไหวอันก็ดีหรือฉู่ฉีเหยียนก็ดีคงไม่ยอมแพ้แน่นอน เจ้าเดาสิว่าพวกเขาทั้งสองจะใช้วิธีไหนอีก?”
เรื่องที่ฉู่สวินหยางเป็นกังวลจริงๆ ก็คือเรื่องนี้ เมื่อได้ยินก็ยักคิ้วแล้วรู้สึกกังวลตาม ขณะที่เขาคิดและกำลังจะพูดก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาจากลานกว้างด้านหน้าดังขึ้น
————————————————————————