สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 - ตอนที่ 89.3 ใต้เท้าเหยียนหลิง มืออย่าสั่นสิ! (3)
ฉู่สวินหยางยังคงก้มหน้าลงต่ำ ไม่เผยให้เห็นสีหน้าใดๆ เมื่อนางได้ยินคำพูดดังนั้นก็คิดอยู่ครู่ใหญ่ ในท้ายที่สุดจึงลุกขึ้นคุกเข่าทำความเคารพหลัวฮองเฮา จากนั้นพูดขึ้นว่า “เสด็จย่าทรงคิดแทนหลานอย่างรอบคอบ สวินหยางรู้สึกขอบพระทัยยิ่งนัก เดิมทีเรื่องนี้ก็ต้องฟังคำพูดของคนเป็นพ่อเป็นแม่ของแม่สื่อแม่ชักอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างให้เสด็จย่าจัดการได้เลยเพคะ!”
หลัวฮองเฮาตะลึง
พระองค์เตรียมใจไว้แล้วว่าเด็กคนนี้จะปฏิเสธอย่างแน่นอน ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะตอบรับในทันทีเยี่ยงนี้
ควรจะโล่งอกโล่งใจด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในเวลานี้ภายในใจของหลัวฮองเฮากลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่นานนักก็ยิ้มอ่อนโยนขึ้นเต็มไปด้วยความรัก โอบอุ้มมือของสวินเหยาเอาไว้แล้วพูดว่า “เจ้าเป็นคนเข้าใจง่ายดี ไม่ทำให้ข้าเสียเวลาเตรียมการแทนเจ้าไปอย่างเปล่าประโยชน์!”
ฉู่สวินหยางยิ้มขึ้นเล็กน้อย ท่าทางให้ความเคารพนับถือ
หลัวฮองเฮาจับมือสวินหยางไว้ แล้วพูดเอาอกเอาใจขึ้นอย่างเหม่อลอยอีกสองประโยค เมื่อเห็นว่าใกล้ได้เวลาพบปะกับนางสนมและญาติผู้หญิงในตระกูลแล้ว ฉู่สวินหยางดึงมือของตนกลับ ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เสด็จย่ายังมีธุระต้องจัดการต่ออีก หลานขอตัวลาก่อนนะเพคะ”
หลัวฮองเฮาแสดงละครมาตั้งนาน เนื้อหนังบนหน้าเริ่มแข็งตึง จึงเห็นสมควรตามนั้นหาได้ปฏิเสธไม่
ฉู่สวินหยางกล่าวลาไปทั้งรอยยิ้ม เมื่อแม่นมเหลียงเห็นเข้า จึงรีบเรียกสาวใช้เข้าไปหยิบหีบทั้งสี่ออกมา
แต่ฉู่สวินหยางกลับเดินออกไปไม่แม้จะเหลือบมอง…
สิ่งของพวกนี้หากตนไม่รับไว้ ก็เสียของเปล่าประโยชน์ หวังว่าหลังจากนี้ฮองเฮาจะต้องเสียใจที่ตัดสินใจกระทำการนี้!
เมื่อนางเดินจากออกไป ภายในหลังม่านในห้องหนึ่งของตำหนัก ก็มีคนสองคนเดินตามกันออกมาอย่างเชื่องช้า พื้นรองเท้าหนาตึกเหยียบลงบนอิฐทองคำ ไร้ซึ่งเสียงใดดังขึ้น
คนที่อยู่ด้านหน้าที่ถือพู่ไว้ในมือ ดวงตาเรียวคม ทั้งยังสงบใจเย็นผู้นั้นก็คือขันทีคนสนิทของฮ่องเต้นามว่าหลี่รุ่ยเสียง ส่วนคนด้านหลังที่เดินตามอยู่นั้น ก็คือลูกศิษย์ของเขานามว่าเย่าสุ่ย
คนหนึ่งเดินนำอยู่หน้า อีกคนเดินตามอยู่ด้านหลังเดินออกมาจากด้านในตำหนัก หลี่รุ่ยเสียงไม่พูดร่ำทำเพลง รีบเดินเข้าไปถวายความเคารพแก่หลัวฮองเฮา
หลัวฮองเฮาโบกมือ เขาจึงก้มหัวคำนับหันหลังกลับไป ไม่แม้แต่เอ่ยคำใดขึ้นตั้งแต่เริ่มจนจบ
แม่นมเหลียงเดินเข้ามาภายในตำหนัก หลัวฮองเฮาพิงเบาะแล้วยกมือขึ้นนวดขมับอย่างเหนื่อยล้า พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “แม่นม เจ้าคิดว่าเหตุการณ์วันนี้มันเป็นยังไงกันแน่?”
ฮ่องเต้สั่งให้หลัวฮองเฮาออกหน้าเพื่อดูท่าทีของฉู่สวินหยางและบีบบังคับสั่งให้อีกฝ่ายทำตาม พระองค์เองก็เตรียมการไว้แล้วอย่างดิบดี แต่คิดไม่ถึงเลยว่าความเหนื่อยยากลำบากที่ตนอุตส่าห์เตรียมตัวไว้นั้น จะแลกมาได้แค่การพยักหน้าอย่างง่ายดายของแม่หญิงผู้นั้น
หากรู้ก่อนแต่ทีแรกว่าฉู่สวินหยางจะเป็นคนว่านอนสอนง่ายแบบนี้ ตนจะเปลืองแรงเปลืองสมองไปเพื่ออะไร?
“อย่าได้ทรงคิดมากเลยเพคะ พระองค์มิได้ทำให้ฮ่องเต้ผิดหวังแม้แต่น้อย!” แม่นมเหลียงเดินเข้าไปช่วยฮองเฮานวดขมับ พลางพูดปลอบขึ้นว่า “ขอเพียงแค่ท่านหญิงสวินหยางยอมตกลง เรื่องหลังจากนี้ท่านก็หาได้ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป เมื่อนางแต่งงานออกเรือนไปอยู่แคว้นโม่เป่ยแล้ว คำพูดของพระองค์ก็ถือเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำไปเพคะ!”
“อืม!” หลัวฮองเฮาขานตอบ ไม่ได้กังวลคิดมากต่อ จากนั้นค่อยๆ หลับตาลงบำรุงรักษาสุขภาพจิต
หลี่รุ่ยเสียงพาเย่าสุ่ยเดินออกจากตำหนักนั้นมา ก็เจอเข้ากับฉู่สวินหยางกำลังถลกกระโปรงกระโดดข้ามระเบียงตรงหน้า เพื่อหลบซ่อนไม่ให้ใครติดตามนางได้พอดิบพอดี
เย่าสุ่ยหันไปชะเง้อมอง พลางพูดขึ้นว่า “ใครบอกกันว่าท่านหญิงสวินหยางถูกองค์รัชทายาทตามใจจนกลายเป็นคนเอาแต่ใจ? นางก็เป็นคนมีเหตุผลดีนี่!”
หลี่รุ่ยเสียงไม่เอ่ยคำใด สายตาของเขาจับจ้องไปยังสุดทางเดินอยู่พักใหญ่ มุมปากยกขึ้นยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เข้าใจทุกสิ่งเป็นอย่างดี พลางเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า “ไปกันเถิด กลับไปแจ้งข่าวกัน!”
“ขอรับ!” เย่าสุ่ยรีบขานตอบ ทำหน้าตาขึงขัง ทั้งสองคนหาได้เดินเข้าออกทางประตูใหญ่ไม่ แต่เดินอ้อมออกไปทางประตูด้านข้าง
ฉู่สวินหยางที่พลิกตัวข้ามมาทางอีกฝั่งของระเบียงทางเดิน ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปในสวนตรงหน้า ก็เจอเข้ากับหลัวอวี่ก่วนและสาวใช้ที่ยกเครื่องยาบำรุงให้หลัวฮองเฮาอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี
ระเบียงทางเดินกว้างขวาง แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีคนเดินตามมาด้วยจำนวนมาก ทำให้ทางเดินแคบลงขึ้นทันตา
ใบหน้าของหลัวอวี่ก่วนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางเดินเชิดอกมุ่งตรงเข้ามา หาได้มีเจตนาที่จะถอยให้อีกฝ่ายก่อนไม่
ตามสถานภาพของนางแล้ว นางควรถอยให้ฉู่สวินหยางเดินก่อนเสียด้วยซ้ำ
ชิงเถิงขมวดคิ้ว กำลังจะอ้าปาก ฉู่สวินหยางกระตุกมุมปาก ยกมือขึ้น บอกเป็นนัยให้ข้ารับใช้หยุดฝีเท้าลง
ทุกคนถอยไปรอด้านข้างเปิดทางให้อย่างรู้ตัว
หลัวอวี่ก่วนเดินมาจากฝั่งตรงข้าม สายตาจดจ้องไปยังข้ารับใช้ที่ถือหีบไม้อยู่ กะพริบตา ส่งสายตาคลุมเครือไปให้สุ่ยอวี้สาวใช้ข้างกาย
เจ้านายลูกน้องสองคนนี้ช่างเข้าขากันได้ดี แต่ละครพวกนี้ไม่ระคายมือฉู่สวินหยางและชิงหลัวแม้แต่น้อย
เมื่อทั้งสองฝ่ายกำลังเดินเฉียดผ่านกันไปนั้น จู่ๆ ฉู่สวินหยางก็คว้าข้อมือของหลัวอวี่ก่วนอย่างแรง ยิ้มอ่อนแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านหญิงหลัวลืมถวายความเคารพข้าหรือเปล่า? ที่ข้ายอมเปิดทางให้หมายถึงยาบำรุงของเสด็จย่า หาได้ยอมเปิดทางให้เจ้าไม่!”
หลัวอวี่ก่วนคาดไม่ถึง นางหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน ส่วนข้ารับใช้ข้างกายสุ่ยอวี้ที่เดินตามหลังอยู่ก็ไม่ทันได้คิด นางเดินผ่านหน้าหลัวอวี่ก่วนไป เดินไปแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงเล็กแหลมตะโกนร้อง จึงล้มหน้าคว่ำลง จนถ้วยลายครามในมือหล่นระจายไปรอบด้าน
หลัวอวี่ก่วนเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี อยากรีบหนีออกไป แต่กลับโดนฉู่สวินหยางจับข้อมือไว้แน่น หาได้มีโอกาสหลุดพ้นไปได้แม้แต่น้อย
ตัวฉู่สวินหยางขยับหันกายไปด้านข้าง เดิมทีนางตั้งใจจับศีรษะของอีกฝ่ายกดลงบนซุปรังนกเสียด้วยซ้ำ แต่กลับถูกซุปรังนกนั้นกลับราดใส่บนแขนเสื้อของทั้งสองคนพอดิบพอดี
ซุปรังนกถ้วยนั้นเตรียมจะเอาไปให้หลัวฮองเฮา เพื่อความสะดวกสบายให้การรับประทาน ตอนยกออกมาซุปก็เย็นลงจนเหลือความร้อนเพียงแค่แปดในสิบส่วนแล้ว ถึงแม้ความร้อนนั่นจะไม่ทำให้บาดเจ็บ แต่หลังมือของหลัวอวี่ก่วนก็ยังมีแผลไฟไหม้หลงเหลืออยู่
เมื่อซุปร้อนราดลงมา นางจึงส่งเเสียงร้องโอดครวญขึ้นอย่างน่าอนาถ
ฉู่สวินหยางปล่อยมือ จากนั้นผลักนางออกอย่างโซซัดโซเซ
ส่วนสุ่ยอวี้ที่นอนคว่ำอยู่บนพื้นอึ้งตาค้างกับเหตุการณ์ตรงหน้า ข้ารับใช้ที่เหลือรีบเข้าไปพยุงนางขึ้น
แม่นมเหลียงรีบวิ่งเข้ามาจากสวนหลังจากที่ได้ยินเสียง เมื่อเห็นซุปสาดกระจายไปทั่วพื้น และภาพเหตุการณ์ผู้คนชุลมุนวุ่นวายตรงหน้า สีหน้าของนางก็นิ่งขรึมลง
ณ เวลานี้นางมิกล้าทำให้ฉู่สวินหยางไม่พอใจ จึงหันไปซักไซ้ข้ารับใช้ข้างกายของหลัวอวี่ก่วนว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“คือว่า…คือว่า…” ข้ารับใช้ผู้นั้นอ้ำๆ อึ้งๆ หลบตาไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร
ถึงแม้ฮองเฮาจะไม่ชอบพอท่านหญิงสวินหยาง แต่เมื่อครู่เพิ่งประทานรางวัลให้อย่างงดงาม ผู้ใดก็เดาใจเจ้านายของตนไม่ออก เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ดูแล้วเป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่ใครจะรู้ว่าเป็นอุบัติเหตุจริงหรือไม่ ในเมื่อมีละครแบบนี้เกิดขึ้นในวังบ่อยครั้งถมไป
มือของหลัวอวี่ก่วนโดนลวกจนเป็นแผลพุพอง เจ็บปวดจนเหงื่อไหลไปทั่วศีรษะ พูดขึ้นด้วยใบหน้าซีดเซียว “ข้าน้อยเดินไม่ระวังเองเจ้าค่ะ จนทำให้เสื้อผ้าของท่านหญิงสวินหยางสกปรก ข้าน้อยขออภัยเป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ!”
นางเห็นท่าทีของแม่นมเหลียงชัดเจน ในเวลานี้หากยิ่งว่าร้ายฉู่สวินหยาง เรื่องมีแต่ยิ่งจะแย่ลง นางจึงจำเป็นต้องรับผิดชอบไว้ด้วยตนเอง
แม่นมเหลียงโล่งอก ไม่พูดประโยคที่ตั้งใจจะพูดออกไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะสดใสเดินใกล้เข้ามา พลางพูดขึ้นอย่างไม่สนใจใยดีว่า “อยู่ในวังยังไม่ระมัดระวังแบบนี้ โชคดีนะที่วันนี้ชนแค่พี่น้องอย่างสวินหยาง ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูเสด็จย่าจะเป็นอย่างไรนะ?”
สุ่ยอวี้ตกใจ รีบลุกขึ้นมาขออภัยโทษ “ข้าน้อยสมควรตาย! ข้าน้อยสมควรตาย!”
“เจ้าสมควรตายอยู่แล้ว!” ฉู่หลิงอวิ้นยิ้มหวาน พลางปรายตามอง “ทำของว่างที่เตรียมถวายให้เสด็จย่าเละจนหมด เป็นการหยามเกียรติ แถมยังทำให้เสื้อผ้าของผู้เป็นนายสกปรกอีก ตายครั้งเดียวยังไม่พอเลยด้วยซ้ำ!”
สุ่ยอวี้ได้ยินดังนั้นก็ตัวสั่น
หลัวอวี่ก่วนรีบเอ่ยปากพูดขึ้น “นางไม่ได้ตั้งใจ แม่นม…”
“ในวังนี้หาได้ต่างจากที่อื่นไม่ ทุกสิ่งทุกอย่างมีกฎเกณฑ์บังคับ ไม่ใช่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจคำเดียว แล้วเรื่องก็จบ!” ฉู่หลิงอวิ้นไม่รอให้นางพูดจบ พูดแทรกขึ้นทันที
หลัวอวี่ก่วนเดินตัวเอียง ใบหน้าขาวซีดเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว
แม่นมเหลียงได้แต่ฝืนอดทน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างไม่ลังเลว่า “ใครก็ได้ลากตัวนังผู้นี้ออกไปที!”
“ไม่นะเจ้าคะ…” ดวงตาของสุ่ยอวี้เบิกโพลง นางเพียงแค่ทำตามคำสั่งท่านหญิงของตัวเอง ที่บอกว่าอยากทำให้ท่านหญิงสวินหยางโมโหเพียงเท่านั้น แต่นางไม่คิดเลยว่าตนจะต้องสละชีวิตตัวเองไปเพื่อการนี้ด้วย
แต่ทว่าวังโซ่วคังแห่งนี้หาใช่สถานที่ธรรมดาไม่ ข้ารับใช้ทุกคนต่างต้องได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นระเบียบ เมื่อคำสั่งการของแม่นมเหลียงจบลง ไม่ทันที่นางจะได้ตะโกนร้อง ก็มีขุนนางเข้ามาปิดปากลากตัวนางผู้นั้นไปทันที
หลัวอวี่ก่วนตะลึงตาค้าง พยายามจะอ้าปากหลายครั้ง แต่สุดท้ายแล้วก็อ่อนแอพิงแขนของข้ารับใช้ไม่กล้าเอ่ยเสียงใดออกมา
แม่นมเหลียงเห็นดังนั้น ก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “พาท่านหญิงสามไปเสีย แล้วเรียกท่านหมอมาด้วย!”
ข้ารับใช้พยุงหลัวอวี่ก่วนออกไปอย่างไม่รอท่า
แม่นมเหลียงเห็นแขนเสื้อของฉู่สวินหยางสกปรก ก็ยิ้มเป็นการขอโทษแล้วพูดขึ้นว่า “เสื้อของท่านหญิงสกปรกแล้ว ข้าน้อยพาท่านไปเปลี่ยนที่ตำหนักด้านข้างนะเจ้าคะ!”
“ท่านแม่นมไม่ต้องกังวลหรอก แค่ช่วยชี้ตำแหน่งทางไปตำหนักให้ข้าก็พอ เดี๋ยวข้าให้คนไปหยิบเสื้อผ้ามา แล้วเข้าไปเปลี่ยนเองก็ได้แล้ว” ฉู่สวินหยางตอบ
แม่นมเหลียงก็ไม่ฝืน กล่าวขอโทษขึ้นแล้วพาข้ารับใช้เดินจากไป
————————————————————————