สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 - ตอนที่ 89.4 ใต้เท้าเหยียนหลิง มืออย่าสั่นสิ! (4)
ฉู่หลิงอวิ้นไม่ยอมถอย ฉู่สวินหยางเองก็ไม่รีบร้อน หันไปกำชับกับชิงเถิงว่า “ฮูหยินใหญ่ใกล้จะมาแล้ว เจ้าพาพวกเขาเอาของไปไว้บนรถม้าก่อนเถิด แล้วดูว่าน้องสี่ทางนั้นมีเสื้อผ้าสะอาดชุดใหม่หรือเปล่า ยืมมาให้ข้าหน่อยสักชุดหนึ่ง”
“เจ้าค่ะ ท่านหญิง!” ชิงเถิงขานรับคำสั่ง แล้วพาข้ารับใช้ยกของขวัญหนักอึ้งเดินออกไป
ฉู่หลิงอวิ้นมองซุปรังนกที่แข็งเป็นก้อนบนพื้น หัวเราะเยาะเย้ยขึ้นว่า “ท่านหญิงหลัวผู้นั้นนี่ช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย ไม่ยอมคิดให้ถี่ถ้วน ทำไมถึงได้กล้าชนใส่ฉู่สวินหยางได้เนี่ย ก็แค่ของขวัญรางวัลนิดๆ หน่อยๆ จำเป็นต้องโกรธกันถึงขั้นนี้ด้วยหรือนี่?”
“เจ้าพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก!” ฉู่สวินหยางไม่ยอมความ นางยิ้มตอบอย่างเกรงขาม เดินไปยืนขนาบข้างอีกฝ่ายอยู่ด้านหลังระเบียงทางเดิน “นางควรเจียมตัวเองให้มากกว่านี้ ริอาจแก่งแย่งความดีความชอบของท่านหญิงอันเล่อ ถึงแม้ท่านหญิงอันเล่อใกล้จะออกเหย้าออกเรือนแล้วก็ตามที เพราะวันหลังคงไม่มีเวลาว่างมาเข้าวังมาอยู่เป็นเพื่อนฮองเฮาแล้ว จึงได้มีคนคอยจ้องมองตำแหน่งนี้กันตาเป็นมัน แต่ฮองเฮาเองก็สนใจแต่ท่านหญิงอันเล่อเพียงผู้เดียวเท่านั้น!”
ฉู่หลิงอวิ้นน่ะหรือช่วยนาง? เพียงเพื่อเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เนี่ยนะ? ที่แท้ฉู่หลิงอวิ้นทำไปก็เพราะความแค้นส่วนตัวเท่านั้นแหละ!
แววตาของฉู่หลิงอวิ้นเย็นชาลง ชายตามองมาที่นาง ยิ้มแล้วพูดขึ้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมืดมน “ฉู่สวินหยาง เจ้าคงรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ ว่าเป้าหมายที่เสด็จย่ายกย่องเชิดชูเจ้าคืออะไร? เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังยิ้มได้อยู่อีกรึ? เจ้าไม่กลัวว่าหนทางมันจะลำบากยาวไกลรึ ในภายภาคหน้ามีแต่ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ถึงเจ้าได้ของขวัญพวกนี้ไป เจ้าคิดว่าตนจะมีโอกาสได้ใช้มันรึ?”
ฉู่สวินหยางกล้าคิดถึงนางด้วยงั้นรึ? แบบนี้ก็ดี ทุกคนต่างก็เหมือนกัน ผลกรรมที่ก่อไว้เห็นผลเร็วเสียจริง แค่ต้องแต่งงานออกเรือนไปอยู่แคว้นโม่เป่ย ฉู่สวินหยางเอ๋ย ทั้งชีวิตนี้เจ้าอย่าได้คิดจะกลับมาอีกเลย!
“ไม่จำเป็นหรอก!” ฉู่สวินหยางไม่ต่อปากต่อคำกับนาง “แต่เรื่องเล็กน้อยของข้า ท่านหญิงอันเล่ออย่าได้เป็นกังวลไปเลย วันมงคลสมรสของท่านใกล้จะเข้ามาแล้ว รีบหาโอกาสใกล้ชิดกับท่านย่าเสียเถิด เรื่องบางเรื่องหามีโอกาสครั้งที่สองไม่ และงานมงคลสมรสของท่านครั้งนี้ก็คงสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีนะ!”
พูดจบก็สะบัดชายเสื้อเดินไปยังตำหนักที่อยู่ด้านข้าง
ฉู่หลิงอวิ้นยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ออกแรงที่นิ้วแล้วกดทิ่มลงบนฝ่ามือ สีหน้าเต็มไปด้วยความมืดมน
จื่อเหวยและจื่อซวี่สบตามองหน้ากัน ในที่สุดจื่อเหวยก็รวบรวมความกล้าเอ่ยปากขึ้นว่า “ท่านหญิงเจ้าคะ ท่านอย่าไปฟังคำพูดของท่านหญิงสวินหยางเลยนะเจ้าคะ นางกำลังยั่วโมโหท่านอยู่…”
ด้วยนิสัยของฉู่หลิงอวิ้นแล้ว พวกนางกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับงานมงคลสมรสครั้งนี้อีก แต่ช่วงนี้ฉู่หลิงอวิ้นเองก็ทำหน้าที่ทุกอย่างได้ดี ไม่เห็นมีเรื่องผิดปกติอะไร
“ไม่ต้องให้เจ้ามาบอกข้าหรอก!” ฉู่หลิงอวิ้นหันขวับไปมองด้วยสายตาโหดเหี้ยม ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
นางรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับงานมงคลสมรสครั้งนี้ไปไม่ได้ ไม่งั้นนางคงโดนหลัวฮองเฮาลอยแพเป็นแน่ ถึงคราวนั้นทุกอย่างก็จบสิ้นแล้ว
“ข้ารู้สึกว่าคำพูดของนางคนนั้นมีอะไรแอบแฝงอยู่!” คิดอยู่ชั่วครู่ ฉู่หลิงอวิ้นก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่ดี จากนั้นพูดขึ้นว่า “จื่อซวี่เจ้าไปหาวิธีสอดแนมมาหน่อย ครั้งนี้อย่าโดนนางคนนั้นจับได้เข้าล่ะ!”
“เจ้าค่ะ!” จื่อซวี่ขานตอบ วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วด้วยจิตใจที่กำลังกรีดร้องโอดครวญ
เมื่อฉู่สวินหยางมาถึงตำหนักด้านข้าง รอไม่นานชิงเถิงก็เดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าสะอาดชุดใหม่ที่เอามาให้นางเปลี่ยน จัดแจงเปลี่ยนเสร็จก็เดินออกมา ก็ถึงเวลาพบปะนางสนมของฮ่องเต้พอดี ในขณะที่ฉู่สวินหยางกำลังจะออกไปจากตำหนักด้านข้าง ก็เห็นหลี่รุ่ยเสียงเดินมา
“ทำความเคารพท่านหญิงสวินหยางขอรับ!” หลี่รุ่ยเสียงย่อตัวทำความเคารพ
“หัวหน้าขันที ท่านสบายดีนะเจ้าคะ!” ฉู่สวินหยางยิ้มตอบ “ท่านมาเข้าเฝ้าเสด็จย่ารึ?”
“มิใช่หรอก!” หลี่รุ่ยเสียงตอบ แล้วชี้นิ้วไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ด้านนอกวังโซ่วคัง “ข้าน้อยได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ ให้เชิญท่านหญิงไปเข้าเฝ้าที่ห้องทรงอักษรขอรับ!”
สถานที่สำคัญอย่างห้องทรงอักษร ปกติแล้วไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้านี่
แต่ฮ่องเต้กลับส่งหลี่รุ่ยเสียงมารับนางด้วยตัวเอง ฉู่สวินหยางไม่ถามให้มากความ เดินตามไปบุคคลตรงหน้าแล้วขึ้นรถม้าไป
รถม้าเดินทางออกไป หลี่รุ่ยเสียงหาได้แจ้งข่าวการมาถึงของนางไม่ เดินนำหน้าพานางเข้าไปด้านในทันที
สถานการณ์ด้านในไม่ต่างจากที่ฉู่สวินหยางคิดเอาไว้ นอกจากฮ่องเต้กับฉู่อี้อันแล้ว ยังมีทั่วป๋าไหวอันบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกคน
ฉู่สวินหยางเดินเข้าไปในตำหนัก จากนั้นถวายความเคารพให้แก่ฮ่องเต้ แล้วถอยมายืนอยู่ด้านหลังฉู่อี้อัน เอ่ยขึ้นอย่างเชื่อฟังว่า “ท่านพ่อ!”
ใบหน้าของฉู่อี้อันไร้ซึ่งอารมณ์ใด สีหน้าไม่ค่อยสู้ดี เมื่อได้ยินเสียงนั้นก็พยักหน้าตอบรับ
ทั่วป๋าไหวอันที่ยืนอยู่ตรงข้ามใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา บนด้านขวาของใบหน้ามีแผลอยู่ ร่างกายไม่มีร่องรอยใดที่เห็นได้ชัด แต่ดูจากสีหน้าซีดขาวของเขาแล้ว ก็คงได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อยเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ฮ่องเต้กำลังพูดคุยกับทั่วป๋าไหวอันอย่างออกรส เรื่องที่คุยกันก็เป็นเรื่องใดไปไม่ได้ นอกเสียจะปลอบขวัญให้กำลังใจเรื่อง “อุบัติเหตุ” เมื่อคืน จากนั้นเย่าสุ่ยที่อยู่ด้านนอก ก็เดินเข้ามากราบบังคมทูลว่า “ฮ่องเต้ขอรับ ใต้เท้าเหยียนหลิงมาถึงแล้ว บอกว่าถึงเวลาฝังเข็มเพื่อที่จะได้ขับไล่พิษในร่างกายแล้วขอรับ!”
รู้ทั้งรู้ว่าฮ่องเต้กำลังสะสางเรื่องงานอยู่ แต่กลับเลือกเวลานี้มาหาเขาเนี่ยนะ?
ฉู่สวินหยางขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่มีใครสังเกตเห็น จากนั้นทอดมองลงต่ำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับร่างกายของตนเป็นอย่างมาก คิดอยู่สักพักก็ไม่ปฏิเสธเรื่องตรงหน้า บอกให้คนเรียกตัวเขาเข้ามา
เหยียนหลิงจวินสวมชุดขุนนางสีแดงเลือดหมูเดินเข้ามา ก็ไม่รู้เหมือนกับว่าเป็นเพราะสีของชุดหรือเปล่า ทำให้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมืดมน เขาทำความเคารพฮ่องเต้ จากนั้นหันไปยกมือคำนับฉู่อี้อัน “องค์รัชทายาท!”
ในขณะที่โค้งตัวลงทำความเคารพ สายตาของเขาก็เลิกมองขึ้นไปยังทิศทางที่ฉู่สวินหยางยืนอยู่
ฉู่สวินหยางรู้สึกได้ จึงยิ้มกว้างให้เขาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด
เหยียนหลิงจวินตะลึง เขาเองคิดไม่ถึงเช่นเดียวกัน เมื่อเขาเหม่อลอยไป สองมือที่ ‘คำนับ’ อยู่นั้นก็ค้างไว้นานเกินความจำเป็น
ฮ่องเต้สงสัย จึงกระแอมออกมา
เหยียนหลิงจวินรีบดึงสติกลับคืน ถือกล่องยาแล้วเดินเข้าไป
ร่างกายของฮ่องเต้ไม่สู้ดีเท่าไหร่ เอนกายพิงลงบนพนักเก้าอี้ พลางพูดกับทั่วป๋าไหวอันถึงความคิดที่เขาจะปลอบขวัญผู้คนยังไงต่อ พลางถลกแขนเสื้อขึ้นให้เหยียนหลิงจวินฝังเข็มเพื่อขับไล่พิษ
คำพูดที่ต้องพูดก็ได้กล่าวไปหมดแล้ว เขาแสดงความต้องการออกอย่างชัดเจน ถึงแม้ทั่วป๋าไหวอันจะรู้ดีอยู่แก่ใจก็ตาม ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่มีหลักฐาน ถึงแม้จะมีก็…
ตอนนี้เขาตกอยู่ในกำมือของอีกฝ่าย เขาจะทำอะไรได้? ในท้ายสุดแล้วก็ทำได้เพียงแสดงความสามารถออกมาให้เห็นก็เท่านั้น!
เมื่อฮ่องเต้รู้สึกว่าพอประมาณแล้ว จึงกระแอมไอแล้วพูดขึ้นว่า “หาได้ยากที่จะเห็นเจ้าใจกว้างเยี่ยงนี้ อุตส่าห์คำนึงถึงความลำบากของข้า ทางฝั่งผู้บุรุกนั้น ข้าได้สั่งให้ศาลาว่าการพระนครกับศาลต้าหลี่แล้วว่าให้ร่วมมือกันสืบค้นคดีนี้ให้เร็วที่สุด จะได้ตอบแทนให้เจ้าด้วย ตอนนี้ร่างกายของเจ้าบาดเจ็บ เกรงว่าคงต้องพักฟื้นอยู่ที่นี่หลายวันหน่อยแล้วล่ะ”
ทั่วป๋าไหวอันขมวดคิ้ว…
ผู้เฒ่าคนนี้มีความคิดแบบนี้ด้วยงั้นรึ หรือแท้จริงแล้วต้องการจะกักขังเขาไว้ที่นี่งั้นรึ?
ในเวลานี้ แคว้นโม่เป่ยชุลมุนไปทั่วทุกหนแห่ง เป็นช่วงเวลาที่แย่งชิงราชสมบัติที่ดีที่สุด ตัวเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับคำนี้แน่นอน กำลังจะอ้าปากปฏิเสธ เสียงของฮ่องเต้ก็ดังขึ้น มองไปยังฉู่สวินหยางที่ยืนอยู่ด้านหลังฉู่อี้อัน ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “สวินหยางเอ๋ย คนคนนี้เก่งทั้งบู๊และบุ๋น มีความสามารถมากเหลือล้น ข้าเองก็สังเกตพฤติกรรมเขาแทนเจ้ามาสักพักแล้ว คิดว่าไม่เลว จึงอยากประทานชายผู้นี้ให้เจ้าเป็นสามี เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
น้ำเสียงนี้ ถึงแม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่ ฟังดูแล้วเป็นแค่คำพูดล้อเล่นเท่านั้น แต่เมื่อมันออกมาจากปากของฮ่องเต้…
ดังคำพูดที่ว่า ผู้เป็นราชาหาได้เอ่ยคำโกหกไม่ ใครหน้าไหนก็ไม่กล้าละเลย
ทั่วป๋าไหวอันตกใจ เขาคิดไม่ถึงเลย ลืมคำพูดที่เตรียมเอาไว้จะพูดปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมจนหมดสิ้น เพียงเงยหน้ามองไปยังฉู่สวินหยาง
รูปร่างหน้าตาของแม่หญิงผู้นี้สละสลวย คิ้วและดวงตาสดใสสวยงาม กิริยาวาจามิได้ปรุงแต่ง ภายใต้ใบหน้างดงามนั้นยังแฝงไปด้วยท่าทางสดใสเป็นธรรมชาติอีกด้วย
ผู้หญิงเยี่ยงนี้ ไม่ต้องพูดถึงเมืองซีเยว่เลย ขนาดในแคว้นโม่เป่ยยังหาแทบไม่มี ถึงแม้เขาจะไม่ถึงขั้นหลงใหล แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า…
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอนาง เขาก็มีความรู้สึกดีไปกว่าครึ่งแล้ว แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ช่วงหลังบีบบังคับ เขาจึงจำยอมปล่อยความรู้สึกดีๆ นั้นทิ้งไป
ในวันนี้จู่ๆ ฮ่องเต้ก็มาเกี่ยวความทรงจำที่เขาฝังลึกไว้ในซอกหลืบของจิตใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ตอนนี้เขารู้สึกสับสนปนเปเป็นอย่างมาก ถึงแม้หากคิดด้วยเหตุผลแล้ว สิ่งที่ฮ่องเต้ทำอยู่นั้นคือการบงการเขาให้ตกลงในหลุมพรางอยู่ แต่ในเวลานั้นกลับพูดปฏิเสธออกมาไม่ได้เสียที
ฮ่องเต้เห็นสีหน้าของเขา พลันรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
เมื่อได้ยินดังนั้น เข็มในมือของเหยียนหลิงจวินก็ฝังลงผิดตำแหน่ง
ฮ่องเต้ทนไม่ไหวจนส่งเสียงร้องออกมา เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
เปลือกตาของเหยียนหลิงจวินปิดลง ราวกับว่าเขากำลังตั้งใจฝังเข็มให้ฮ่องเต้อยู่ แต่จริงๆ แววตาของเขาเหม่อลอยไปตั้งนานแล้ว ชายตามองฉู่สวินหยางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาโมโห
ฮ่องเต้เห็นว่านางไม่ตอบก็ถามขึ้นอีกว่า “ที่นี่ไม่มีใครอื่น ข้าถามเจ้าอยู่ เจ้าตอบมาตามความจริงเสียเถิด ไม่มีใครว่าอะไรเจ้าหรอก!”
ฉู่สวินหยางทอดตามองลงต่ำจับมุมเสื้อของตนไว้
ฉู่อี้อันก้มหน้าดื่มชาเงียบๆ ไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องนี้
ฉู่สวินหยางคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเดินขึ้นหน้าไป คุกเข่าลงตรงหน้าโต๊ะทรงอักษร พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ทุกสิ่งทุกอย่างขอมอบให้เสด็จปู่เป็นผู้ตัดสินใจเพคะ!”
คำพูดไม่กี่คำนั้น หนักแน่นมั่นคง ชัดเจนทุกถ้อยคำ!
ฮ่องเต้รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดขึ้น ก็ขมวดคิ้วสบถออกมาหนึ่งคำ…
เมื่อก้มหน้าลง ก็เห็นว่ามีเลือดไหลออกมาจากรอยฝังเข็มที่หลังมืออย่างไม่หยุดหย่อน
ใต้เท้าเหยียนหลิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษา มือสั่นอีกแล้ว!
————————————————————————