สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 - ตอนที่ 90.3 บุคคลผู้นำพาให้บ้านเมืองลำบาก (3)
ทั่วป๋าไหวอันมองสีหน้าไม่แยแสของนาง ความรู้สึกเจ็บปวดโกรธแค้นในใจไม่เพียงแต่จะไม่หายไป แต่กลับยิ่งสะสมมากขึ้นกว่าเดิม…
มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า ในขณะที่เขาตั้งใจพูดเหยียดหยามนางนั้น ตัวเองมีความรู้สึกนึกคิดยังไงอยู่
ก็แค่รู้สึกไม่ชอบใจก็เท่านั้น!
หากไม่มีเรื่องที่ฮ่องเต้ทรงประทานคู่ครองให้เขาในวันนี้แล้ว บางทีเขาอาจจะไม่ต้องเสียพันธมิตรไปเพราะเหตุนี้ แล้วทำให้ตนเองเสียใจไปชั่วชีวิตหรอก
แต่แม้ว่าจะเสียใจไปแค่ไหน มันก็ทำได้เพียงแค่นั้น
ทั่วป๋าไหวอันก้าวเท้าเดินไปด้านข้าง พยายามบังคับความนึกคิดของตนให้ไม่ไปคิดถึงเรื่องนี้อีก ไม่นานหลังจากนั้นจู่ๆ ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ในเมื่อระหว่างเราไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเชื่อมมิตรสัมพันธไมตรีกันได้อีกแล้ว งั้นพวกเรามาทำข้อตกลงกันเถอะ!”
ฉู่สวินหยางผงะเล็กน้อย จากนั้นลืมตาหันข้างไปมองเขา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้ม
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าคนที่วิ่งมาอย่างรีบร้อนดังขึ้นมาจากไกลๆ จึงหันไปมองที่มาของเสียง กลับเห็นหยางเฉิงกังโหรหลวงจากสำนักหอดูดาวหลวง เดินเข้ามาอย่างรีบร้อนด้วยสีหน้าจริงจัง
มาเพื่อ…
ทำนายเรื่องงานเลี้ยงฉลองเมื่อคืนงั้นรึ?
ฉู่สวินหยางและคนอื่นจึงเตรียมพร้อมตั้งรับ
เย่าสุ่ยเดินเข้าไปกราบทูล ไม่นานนักก็เดินออกมาเรียกให้เขาเข้าไปในตำหนัก
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ฮ่องเต้ที่ทรงประทับอยู่ด้านในกำลังปวดหัวกับเรื่องของทั่วป๋าไหวอันและซูหว่านอยู่ ฉู่อี้อันกับเขากำลังคิดวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียอยู่อย่างไม่ยอมลดละ พลางพูดขึ้นเสียงเย็นชาว่า “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้แผนการของคนคนนั้นงั้นรึ? อย่าลืมสิ อำนาจทหารอยู่ในมือของพวกคนสกุลซูนะ หากพวกเขาแต่งงานผูกสัมพันธ์กับแคว้นโม่เป่ยแล้ว คนหนึ่งอยู่ฝั่งตะวันออก อีกคนหนึ่งอยู่ฝั่งเหนือ ถึงแม้ตรงกลางจะมีพื้นที่อาณาเขตกั้นขวาง ไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะรวมกันเป็นปึกแผ่นได้ก็เถอะ แต่ถ้าหากสกุลซูกับพวกแคว้นโม่เป่ยเกิดแปรพักตร์เมื่อไหร่ เพียงแค่พวกเขาร่วมมือกันขึ้น ก็ปิดกั้นล้อมกรอบอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลของข้าไว้ตรงกลาง นั่นก็หมายความว่าหน้าหลังล้วนมีแต่ศัตรู ผลลัพธ์ที่ตามมาน่าหนักใจเป็นอย่างยิ่ง!”
“ท่านพ่อ ก่อนหน้านี้ซูจิ่นรั่งเคยรับปากต่อหน้าท่านด้วยทุกสิ่งทุกอย่างของสกุลซูไว้ว่า คนบ้านสกุลซูจะจงรักภักดีต่อราชสำนักตราบชั่วชีวิตตลอดจนลูกหลาน มาวันนี้คนบ้านสกุลซูก็แค่ส่งตัวลูกสาวมาหนึ่งคน ซูหังเองก็ไม่ได้เป็นคนอาจหาญอะไรอยู่แล้ว ตอนนี้ภายใต้การปกครองของท่านพ่อเองก็ประเทศสงบประชาชนร่มเย็นกันถ้วนหน้า เขาเองก็หาได้มีเหตุผลที่จะเคลื่อนพลไม่ อีกทั้งเหตุการณ์บังเอิญแบบนั้นก็น้อยนักที่จะเกิดขึ้น” ฉู่อี้อันกล่าวอธิบายเป็นอย่างๆ “ตอนนี้ทั่วป๋าไหวอันกำลังโมโห ซูหลินก็เข้ามาโวยวายถึงที่นี่อย่างไม่ลดละเพราะไม่รู้ความจริง เห็นได้ชัดเลยว่าเรื่องนี้จะปล่อยไว้ไม่ได้ หากทิ้งไว้นานกว่านี้ มีแต่จะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม”
ฮ่องเต้อยากทำลายล้มล้างแคว้นโม่เป่ยอยู่แล้ว แต่ก็หวังต้องการยึดฐานันดรของสกุลซูโดยที่ไม่วู่วามด้วย เดิมทีเป็นเรื่องง่ายมาก แต่เพราะเขาคิดมากเกินไป อยากได้แผนการที่สมบูรณ์แบบจึงทำให้มันกลายเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเดิม
ถึงแม้ฉู่อี้อันจะรู้ความต้องการของเขาดี แต่กลับพูดออกไปตรงๆ ไม่ได้ ทำได้เพียงพูดโน้มน้าวเขาเท่านั้น
ฮ่องเต้เม้มปากไม่เอ่ยสิ่งใด
หยางเฉิงกังเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างรีบร้อน “ข้ากระหม่อมหยางเฉิงกังถวายบังคมฝ่าบาทพะยะค่ะ ถวายบังคมองค์รัชทายาทขอรับ!”
“อืม!” ฮ่องเต้ลืมตาขึ้น สีหน้าเข้มขรึมขึ้นอย่างไม่รู้ตัว พลางพูดขึ้นว่า “เป็นยังไง? ทำนายเรื่องเมื่อคืนมาได้หรือยัง?”
“พะยะค่ะ!” หยางเฉิงกังขานตอบ ก้มศีรษะแนบพื้น สีหน้าจริงจัง ฮ่องเต้จึงถามขึ้นต่อ
“ใคร?” ฮ่องเต้เอ่ย มือที่โอบถ้วยชาอยู่พลันหยุดชะงักลง
“คือ…” หยางเฉิงกังหยุดเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นหยิบม้วนกระดาษออกมาจากแขนเสื้อ สองมือยกไว้ทูลขึ้นเหนือศีรษะ
หลี่รุ่ยเสียงรับมา แล้วถวายต่อให้ฮ่องเต้
หยางเฉิงกังเอ่ยปากพูดขึ้นอีกครั้ง “คือท่านหญิงซูหว่านแห่งจวนอ๋องฉางซุ่นพะยะค่ะ!”
แววตาของฮ่องเต้จดจ้องไปยังตัวอักษรคำทำนายนั้น มือลูบไปบนกระดาษ สีหน้าคงเดิมไม่เปลี่ยน แต่คนในตำหนักตรงนั้นต่างรู้จักนิสัยของเขาดี ต่างก็สัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตที่แผ่กระจายออกมา
“ซูหว่าน?” ฉู่อี้อันพึมพำ นิ้วมือค้างอยู่บนฝาถ้วยชาอยู่นานไม่ขยับ “เรื่องนี้มันเป็นยังไงกันแน่? พูดมาให้ละเอียด!”
“กระหม่อมได้วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้วพะยะค่ะ พระสนมหรงเฟยเกิดตอนยามอู่[1] ส่วนท่านหญิงเกิดตอนยามจื่อ[2] เวลาเกิดของทั้งสองคนหาได้เป็นเรื่องบังเอิญแม้แต่น้อย แต่กลับขัดแย้งกันเป็นหยินหยาง ต่างฝ่ายต่างต่อสู้ต่อกันและกัน ทำให้แรงอาฆาตร้ายแรงเป็นอย่างมากพะยะค่ะ” หยางเฉิงกังกล่าว
“เจ้าจะบอกว่าชะตากรรมของพระสนมหรงเฟยอ่อนแอเกินไป ถึงได้ขัดแย้งกับดวงชะตาของแม่หญิงแห่งจวนสกุลซูงั้นรึ?” ฮ่องเต้ถามขึ้นเสียงเรียบ ยากจะหยั่งถึงว่ายินดีหรือโมโห
“ก็ไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมดพะยะค่ะ” หยางเฉิงกังตอบ พลางเงยหน้ามอง ราวกับว่ากำลังลังเลอะไรอยู่
ฉู่อี้อันเอ่ยเสียง “อืม” ออกมาหนึ่งคำ จากนั้นวางถ้วยชาลงแล้วลุกขึ้น “ท่านโหรหยางมีเรื่องจะกราบทูลฝ่าบาท งั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะขอรับ”
“ไม่เป็นไร!” ฮ่องเต้ยกมือขึ้นขัดอย่างผิดปกติ จากนั้นพูดกับหยางเฉิงกังต่อว่า “ที่นี่ไม่มีคนนอกคนอื่น มีเรื่องอะไร พูดมาเลยไม่ต้องกังวล!”
เรื่องแคว้นโม่เป่ยเขาก็รู้แล้ว เวลานี้ถึงเขาจะรู้มากขึ้นอีกก็หาได้กลัวไม่
ถึงแม้หยางเฉิงกังจะรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็เก็บสีหน้านั้นไว้ไม่แสดงออกมา จากนั้นเงยหน้าขึ้นบอกเป็นนัยให้ฮ่องเต้ดูกระดาษในมือ “ฝ่าบาทลองดูดวงชะตาอย่างละเอียดของท่านหญิงซูหว่านสิพะยะค่ะ ดวงชะตาแบบนี้น้อยนักที่จะได้เห็น ดวงชะตาของผู้ที่เกิดในช่วงยามจื่อนั้นพลังหยินแรงอยู่แล้ว แถมวันเกิดของท่านหญิงซูคือวันที่สิบสามเดือนเจ็ด เพื่อความปลอดภัยกระหม่อมเองก็ได้ไปตรวจสอบความจริงที่บ้านเกิดของสกุลซูได้ความมาว่า ท่านหญิงซูแจ้งเกิดช้าไปสองวัน เพราะฉะนั้นวันเกิดที่แท้จริงของนาง ก็คือวันที่อยู่กลางเดือนเจ็ดพอดีพะยะค่ะ!”
วันที่สิบห้าเดือนเจ็ดงั้นรึ นั่นมันหนึ่งในสี่ของเทศกาลผี[3]นี่!
จากคำเล่าลือในวันนั้น ประตูนรกและสวรรค์จะเปิดออก เป็นช่วงเวลาที่พลังหยินแรงที่สุดวันหนึ่งในหนึ่งปีเลยทีเดียว!
มนุษย์เราต่างเชื่อในสิ่งลี้ลับ ฮ่องเต้เองก็เช่นเดียวกัน เมื่อได้ยินคำพูดดังนั้นก็ตบโต๊ะด้วยความโมโห “บังอาจ! พวกคนแห่งบ้านสกุลซูช่างบังอาจยิ่งนัก ริอาจเล่นสกปรกต่อหน้าข้า ทำตัวหน้าไหว้หลังหลอกถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
ฉู่อี้อันเงียบไม่เอ่ยคำใด ปรายตามองหยางเฉิงกังที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า ท่าทางเหมือนว่าคิดอะไรบางอย่างอยู่
หยางเฉิงกังรีบพูดขึ้น “ฝ่าบาทใจเย็นก่อนนะพะยะค่ะ กระหม่อมคิดว่าจวนอ๋องฉางซุ่นเองก็หาได้มีเจตนาปิดบังไม่ ท่านหญิงซูเป็นถึงบุตรสาวของตระกูล ทางสกุลซูเองก็คงเห็นว่าดวงชะตาของนางไม่เป็นมงคล ถึงได้เลื่อนออกไปสองวัน ตัวท่านหญิงซูอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้นะพะยะค่ะ!”
ที่จริงแล้วไม่เพียงแค่ซูหว่านคนเดียวหรอก พวกขุนนางใหญ่โตทั้งหลายเองก็มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้เช่นกัน วันเวลาที่เผยแพร่แก่สาธารณะหาใช่วันเวลาเกิดตามจริงของเด็กไม่ หลีกเลี่ยงวันที่ไม่เป็นมงคลออกไปอย่างพลการ
ซูหว่านเขียนวันเวลาเกิดดวงชะตาของตนออกมาโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ หากฮ่องเต้คิดใช้ข้ออ้างนี้สั่งการก็ดูท่าจะไม่เหมาะสม แต่ในเมื่อตอนนี้ดวงชะตาของซูหว่านกลับทำร้ายผู้คน แถมคนคนนั้นยังเป็นผู้หญิงที่ตั้งท้องลูกของเขาอยู่อีกด้วย เขาจึงรู้สึกเจ็บปวดทรมานใจยิ่งนัก
“ท่านโหรหยาง ท่านมีอะไรก็พูดออกมาให้จบในทีเดียวเถิด!” ฉู่อี้อันพยายามพูดประนีประนอม
หยางเฉิงกังก้มหัวลงอีกครั้ง “ฝ่าบาท ดวงชะตาของท่านหญิงซูนั้นหาได้ยากมาก การที่ขัดแย้งกันกับดวงชะตาของพระสนมหรงเฟยเป็นหนึ่งในเรื่องทั้งหมดเท่านั้น หากผู้ที่เกิดในเวลานี้เป็นผู้ชาย ก็หาได้มีปัญหาอะไรไม่ แต่หากเป็นผู้หญิงแล้วล่ะก็…มันจะเป็นภัยต่อวงศ์ตระกูลอย่างใหญ่หลวงเลยพะยะค่ะ!”
คำพูดของเขาอ้อมค้อม ฮ่องเต้เองก็อายุมากแล้ว ความนึกคิดหาได้ปราดเปรียวเหมือนอย่างสมัยหนุ่มๆ ไม่ เขาคิดในใจ พลันมีแสงสว่างส่องขึ้นในแววตาขุ่นหมองนั้นชั่ววูบ “คำพูดนั้นหมายความว่ายังไง?”
“หากพูดง่ายๆ แล้ว ดวงชะตาของนางนั้นเป็นภัยต่อครอบครัวและคู่ครอง ทั้งยัง…” หยางเฉิงกังพูดไปก็ ถอนหายใจออกมาเพราะความกลัว หยุดไปครู่ใหญ่จากนั้นกล่าวขึ้นต่อ “อาจจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางในอนาคตของวงศ์ตระกูลพะยะค่ะ!”
แววตาของฮ่องเต้กะพริบขึ้นอีกครั้ง จากนั้นนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน
ฉู่อี้อันเข้าใจทุกอย่าง แต่ไม่เอ่ยปากแม้เพียงครึ่งคำ
————————————————————————
[1] ยามอู่ คือช่วง 11:00 – 14:00 ในเวลาปัจจุบัน
[2] ยามจื่อ คือช่วง 23:00 – ตีสอง ในเวลาปัจจุบัน
[3] เทศกาศผี ประเพณีจัดไหว้เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ รวมถึงผีที่ไร้ญาติมิตร
Comments for chapter "ตอนที่ 90.3 บุคคลผู้นำพาให้บ้านเมืองลำบาก (3)"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
nene
ขอบคุณค่ะ