สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1 - บทที่ 100.3 สมรู้ร่วมคิดกันทำความผิด (3)
ซูหลินหันกลับไปมอง ยื่นมือผลักนางกลับเข้าไป พลิกตัวขึ้นคร่อมกดร่างนางเอาไว้ แล้วเอ่ยถามเสียงแหบกร้าวว่า “เจ้าบอกสิว่าวันนั้น เจ้าทำไปไม่ใช่แค่เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อ?”
หลัวอวี่ก่วนประชดใส่เขา นางเบือนหน้าหนี กัดฟันไม่เอ่ยคำใด
ซูหลินมองไปยังใบหน้าสละสลวยที่แฝงไปด้วยความโกรธของนาง แล้วค่อยๆ ก้มลงดมกลิ่นหอมที่เหมือนจะมีแต่ก็ไม่มีที่ขมับ กดตัวนางเอาไว้ไม่ปล่อย กลืนน้ำลายลงสองอึกแล้วกระทำกับนางอย่างรุนแรง ลบล้างความผิดที่หลงเหลือบนตัวนางออกไปจนหมด
หลัวอวี่ก่วนพยายามขัดขืนอยู่สองครั้งแต่กลับไม่เป็นผล ภายหลังโดนเขายั่วยวนเข้าหน่อยก็เคลิ้มจนหายใจระรัว ทั้งสองคนกอดรัดกันเป็นหนึ่งเดียวกัน
พลิกตัวไปมาอยู่สักพักใหญ่ ซูหลินพลิกตัวนอนหงาย แล้วหอบหายใจแรงอย่างมีความสุข
แต่ทว่าหลัวอวี่ก่วนยังคงโมโหอยู่ นางดึงผ้าห่มห่อร่างกายของตนเอาไว้ แล้วคลานไปหยิบเสื้อผ้าที่ข้างเตียง
ซูหลินมองอย่างเอื่อยเฉื่อย สายตาหันไปเห็นแผ่นหลังขาวผ่องและทรวดทรงองค์เอวของนางเข้า ลำคอของเขาแน่นตึงขึ้น พลันเอื้อมแขนไปโอบนางมาให้นั่งอยู่บนตัวของเขา
หลัวอวี่ก่วนยื่นมือดันหน้าอกของเขาอย่างกระอักกระอ่วน พูดขึ้นด้วยใบหน้าเขินอาย “ข้าต้องไปแล้ว ถ้าอยู่นานกว่านี้ท่านแม่จะสงสัยเอาได้!”
นางก้มตามองต่ำ ไม่กล้าเงยหน้าสบตาอีกฝ่ายตรงๆ
ไม่รู้เพราะว่าอะไร ทุกครั้งที่ซูหลินเห็นนางเป็นแบบนี้ เขามักจะรู้สึกสบายใจเสมอ เขาเคลื่อนมือไปบนร่างกายของนางหวังจะกระตุ้นอารมณ์นางอีกครั้ง
หลัวอวี่ก่วนร้องเสียงเบา แล้วรีบถอยหนี
เวลาก็ผ่านมานานแล้ว ซูหลินก็ไม่กล้าทำจนเลยเถิด แต่เขายังคงโอบนางไว้ไม่ยอมปล่อย หัวเราะกระซิบข้างหูนางเสียงแหบว่า “งั้นครั้งหน้าเราเจอกันเมื่อไรดี?”
หลัวอวี่ก่วนทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่เอ่ยตอบ พลางผลักตัวเขาออก แล้วลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้า
ซูหลินนอนมองนางอยู่บนเตียง ริมฝีปากยังคงเผยให้เห็นรอยยิ้มสบายอารมณ์
หลัวอวี่ก่วนจัดแจงใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่กำลังจะออกไปนั้น จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นออก นางหยุดฝีเท้าลงอย่างลังเล แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ซื่อจื่อ…”
“หืม?” ซูหลินตอบอย่างไม่ใส่ใจ
ราวกับว่าหลัวอวี่ก่วนมีเรื่องที่ยากจะเอ่ยปากออกมา นางเงียบไปชั่วขณะแล้วกัดฟันพูดมันออกมาว่า “ข้าว่า…เราทำเหมือนตามที่ตกลงกันไว้เถอะ วันหลังพวกเราอย่าเจอกันอีกเลย!”
เมื่อซูหลินได้ยินดังนั้น รอยยิ้มนั้นก็นิ่งหยุดลงในทันที ลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง พยายามเอื้อมมือดึงนางกลับมา เดิมทีเขาอยากจะระเบิดอารมณ์ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองหน้านาง ก็เห็นน้ำตาที่ไม่รู้ว่าไหลออกมาเมื่อใด
“ซื่อจื่อ…” หลัวอวี่ก่วนมองเขา น้ำตาไหลริน กลั้นอย่างไรก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่ “ท่านมีภรรยาแล้ว พวกเราทำแบบนี้กันต่อไปได้เยี่ยงไร? หากฮองเฮากับท่านแม่รู้เรื่องนี้ล่ะก็ พวกเขาต้องสั่งประหารข้าแน่! คนอย่างท่านหาผู้หญิงแบบไหนก็หาได้ ท่านทำเป็นเหมือนไม่เคยพบเจอข้าเถิด ปล่อยข้าไปนะเจ้าคะ!”
เรื่องแบบนี้สำหรับผู้ชายแล้ว ก็แค่ได้ชื่อว่าเป็นคนเจ้าชู้ แต่สำหรับผู้หญิงนั้น…
โดยเฉพาะคนอย่างหลัวอวี่ก่วน ที่เป็นถึงลูกสาวสุดที่รักของตระกูลสูงศักดิ์ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป นางต้องตายแน่อย่างไม่ต้องสงสัย อีกอย่างหลัวฮองเฮาเองก็เป็นคนที่ไม่ให้อภัยกับเรื่องไม่เป็นธรรมเยี่ยงนี้แน่นอน!
นางร้องไห้ฟูมฟาย ซูหลินมองแล้วรู้สึกปวดใจยิ่งนัก
มันก็แค่ความรักระหว่างชายหญิง ว่าตามหลักเหตุผลแล้ว หากต้องการตัดขาดก็ตัดขาดได้ ซูหลินเองก็เกือบจะตอบตกลงแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด สุดท้ายเขายังคงลังเลอยู่ ราวกับว่าเขานั้น…
รู้สึกตัดขาดไม่ลง
เขาชอบผู้หญิงสูงส่งสง่างามไร้ที่ติอย่างฉู่หลิงอวิ้น แต่หลายปีมานี้ก็มีนางในหลายคนมาคลอเคลียเขาไม่น้อย ถึงแม้หน้าตาของหลัวอวี่ก่วนจะไม่นับว่าแย่ ด้วยใบหน้านั้นเองก็ไม่ถึงขั้นทำให้เขาลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนั้น
เรื่องเมื่อคืนวันนั้น ตอนนั้นเขาเหลิงดีใจจนเสียสติ ภายหลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาคิดออกหมดแล้ว…
คุณหนูแห่งจวนกั๋วกงอย่างหลัวอวี่ก่วนกลับถวายร่างกายให้เขาในสถานการณ์แบบนั้น นางทำแบบนั้นไปก็เพราะมีแผนการอื่นแอบแฝงแน่นอน
นางต้องการรักษาชีวิตตนเองไว้ แต่เขา…
เขาเองก็ต้องการใช้นางเป็นพยานเพื่อบอกหลัวฮองเฮา เพื่อล้างมลทินเรื่องเหตุผลการตายของซูหว่านเช่นกัน
ต่างฝ่ายต่างหลอกใช้กันก็เท่านั้น!
เดิมทีมันเป็นแค่ข้อตกลง ทั้งเจ้าทั้งข้าต่างสมยอม เมื่อเหตุการณ์ผ่านพ้นลืมเลือนไปก็จบสิ้นแล้ว
ก่อนหน้านี้ซูหลินเองก็คิดเยี่ยงนั้น
แต่วันรุ่งขึ้นเมื่อเขาเห็นหลัวอวี่ก่วนเข้า ท่าทางปลอมเปลือกที่ทำเป็นสงบนิ่งรู้สึกผิดเยี่ยงนั้น กลับสะกิดให้เขานึกถึงความทรงจำเมื่อคืนนั้นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
หลัวอวี่ก่วนเป็นบุตรสาวสุดที่รักของตระกูลสูงศักดิ์ ลีลาบนเตียงย่อมสู้ผู้หญิงจากหอนางโลมและพวกสาวใช้ที่เข้ามาให้ท่าเขาหวังไต่เต้าไม่ได้แม้แต่นิดเดียว แต่เพราะความอ่อนแอและอ่อนหวานในตัวของนางเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด
ไม่จู่โจมมากเกินไป แต่ทว่าสวยงามอ่อนช้อยราวกับนกตัวน้อยที่คอยพึ่งพามนุษย์ตัวใหญ่
ที่ผ่านมาเวลาเขาอยู่ต่อหน้าฉู่หลิงอวิ้น ก็ทำได้เพียงแหงนมองทำตามสิ่งที่นางต้องการเท่านั้น เกียรติแห่งความเป็นลูกผู้ชายและความภาคภูมิใจของตนโดนนางเหยียบย่ำดูหมิ่นอยู่บ่อยครั้ง เขาอดทนมานานมากพอแล้ว และในวันนี้หลัวอวี่ก่วนอยู่ที่นี่ กลับทำให้เขาหาความรู้สึกพึงพอใจนั้นเจอ
ต้องบอกว่า หลัวอวี่ก่วนนั้นได้ขโมยหัวใจของเขาไปแล้ว
ไม่ว่านางจะทำไปเพียงเพราะต้องการแก้แค้นผู้หญิงอย่างฉู่หลิงอวิ้นที่ไม่รู้ดีชั่วคนนั้น ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ปล่อยนางไปไม่ลงอยู่ดี
ซูหลินนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ในที่สุดก็ยกมือเช็ดน้ำตาให้นาง ขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “ร้องไห้ทำไม? ข้าทำร้ายเจ้าไม่ลงหรอก!”
“แล้วท่านจะทำอย่างไร?” หลัวอวี่ก่วนกล่าว สีหน้าหวาดกลัวเสียใจ “ท่านจะรับข้าเป็นอนุภรรยางั้นรึ? ถึงแม้ข้าจะไม่ถือสา แต่ท่านคิดว่าฮองเฮาและคนของจวนกั๋วกงจะยอมรับหรือเยี่ยงไร? ถึงเวลานั้นไม่ใช่แค่ข้า ซื่อจื่อเองก็จะกลายเป็นที่นินทาของผู้คน โดนประณามเอาได้นะเจ้าคะ”
บุตรสาวแห่งตระกูลสูงศักดิ์ ออกเรือนไปแล้วกลับลำบากยิ่งกว่าเดิม ไม่มีผู้ใดยอมให้เกิดเรื่องดูแคลนขายขี้หน้าแบบนี้ขึ้นเป็นแน่
จู่ๆ ซูหลินก็โมโหหัวร้อนขึ้นเพราะคำว่า ‘อนุภรรยา’ นี้ แต่เมื่อคิดถึงว่ามีคนวางแผนเล่นงานเขา จนถึงขั้นยกผู้หญิงเข้ามาถวายถึงที่แล้ว เขาก็ยับยั้งความโกรธนั้นไว้ได้
เขาหัวร่อขึ้นอย่างเย็นชา ถอดเสื้อคลุมออก แล้วพูดขึ้นเสียงเยือกเย็นว่า “เจ้าเองก็ไม่ใช่ไม่รู้ ชายาของข้าตอนนี้ก็หาใช่เป็นคนที่ข้ารักไม่ ผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่ภรรยาในนามเท่านั้น หากเจ้ายินยอม ช้าเร็วอย่างไรข้าจะให้นางหลีกทางให้เจ้า!”
เมื่อหลัวอวี่ก่วนได้ยินดังนั้น ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความตกใจ มองไปยังเขาอย่างตกตะลึง “ซื่อจื่อ…”
ซูหลินหันมองนาง ถามกลับว่า “ทำไม? เจ้าไม่เชื่อข้างั้นรึ?”
ถึงแม้จะไม่มีหลัวอวี่ก่วนอยู่ เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ฉู่หลิงอวิ้นทำตัวขวางหน้าขวางตาเขานานอยู่แล้ว
ทำไมหลัวอวี่ก่วนจะไม่เข้าใจจุดนี้? แต่เพราะว่าเข้าใจดีต่างหาก นางถึงได้พยายามหลอกใช้ซูหลินด้วยวิธีนี้อย่างสุดฝีมือ
เดิมทีที่นางให้ท่าซูหลินนั้นเพราะแผนการล้วนๆ แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เวลานี้นางเองก็ไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ยังจะคาดหวังอย่างอื่นอะไรได้อีก? ทำได้แต่เพียงจับต้นไม้ใหญ่อย่างซูหลินเอาไว้ให้แน่นอย่าปล่อยมือเท่านั้นแหละ
เพราะฉะนั้นนางถึงได้ทำเป็นปฏิเสธไปเช่นนั้นไงเล่า แสดงสิ่งที่เขาต้องการเห็นออกไป ไม่ว่าอย่างไรตำแหน่งของชายาเอกของซื่อจื่อแห่งอ๋องฉางซุ่นก็ไม่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ตัวซูหลินเองก็เป็นคนรูปหล่องดงาม ควรแค่แก่การให้นางลงมือ
ในเมื่อได้รับการปลอบโยนจากซูหลินแล้ว เวลานี้นางเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธอีก นางยิ้มเล็กน้อยแล้วซุกเข้ากอดเขาราวกับเป็นนกตัวเล็กๆ พูดเสียงเบาว่า “ข้ารอได้เจ้าค่ะ แต่ข้าแค่ไม่อยากทำให้ซื่อจื่อลำบากใจ!”
ในขณะเดียวกันนั้นเองในใจของนางกลับดีใจโลดแล่น คิดหาวิธีว่าจะกำจัดฉู่หลิงอวิ้นอย่างไรไม่ให้กระโตกกระตากเกินไป
ในเมื่อตำแหน่งฐานะของฉู่หลิงอวิ้นเองก็พิเศษกว่าปกติ นางเป็นถึงท่านหญิงแห่งจวนอ๋องหนานเหอ ไม่ได้คิดที่จะอยากโค่นล้มลงได้ง่ายๆ หากจัดการไม่ดีก็อาจจะผิดใจกับจวนอ๋องหนานเข้า ไม่แน่เรื่องราวอาจจะแย่ถึงขนาดเสียชีวิตเลยทีเดียว
เรื่องนี้ต้องใช้วิธีที่สมบูรณ์แบบ ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์เท่านั้น!
หลัวอวี่ก่วนจะรีบกลับไปยังจวนหลัวกั๋วกง ที่จวนเองก็มีแขกผู้ใหญ่มาเยี่ยมเยือนตลอดเวลา ซูหลินปลีกตัวออกมานานมากเกินไปก็ไม่ได้ ทั้งสองคนรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินกลับไปด้านหน้า
ซูหลินสั่งการข้ารับใช้คนสนิทให้ไปเตรียมรถส่งหลัวอวี่ก่วนกลับจวน ส่วนตนก็เดินไปยังห้องโถงต้อนรับแขกต่อ
—————————————————