สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 108.4 ชีวิตของพวกเจ้าล้วนขึ้นอยู่กับข้า (4)
ฉู่อี้เจี่ยนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพียงมองเขาราวกับดูเรื่องขบขันเท่านั้น ทว่าในแววตากลับไม่มีทีท่าล้อเล่นสักนิด
องครักษ์ข้างกายเขาแต่ละคนต่างก็ได้คว้าดินปืนและกระบอกไฟออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งได้เตรียมใจมาเสร็จสรรพที่จะพังพินาศไปด้วยกัน
ทางด้านฮ่องเต้นั้นล้วนวุ่นวายโกลาหลไปหมด
ฉู่อี้เจี่ยนไม่อยากอยู่ แต่เขานั้นยังไม่อยากตาย
ฉู่อี้เจี่ยนเห็นใบหน้าที่ตื่นตกใจของเขา ก็หัวเราะอย่างเหยาะเย้ย “ยามนี้ท่านยังกล้าพูดประโยคนั้นต่อหน้าข้าได้อีกหรือไม่ ว่าเรื่องที่ล้างบางสกุลฉู่ตั้งแต่แรกนั้นสรุปแล้วท่านมีความละอายใจบ้างไหม?”
คำพูดที่เขาถามออกมา กลับไม่ได้รอให้ฮ่องเต้ได้ตอบกลับไปอย่างสิ้นเชิง…
แท้จริงแล้วในเวลานี้ ฮ่องเต้ก็ไม่คิดสนใจอีกแล้วว่าเขาจะพูดอะไร เพราะความสนใจทั้งหมดล้วนถูกดึงไปอยู่ที่ชนวนดินปืนที่ติดไฟดังซี่ๆ ทางด้านหลัง จึงทำได้เพียงพยายามวิ่งหนีเอาตัวรอดอย่างทุลักทุเลเท่านั้น
ฉู่อี้เจี่ยนเห็นเขาลุกลี้ลุลนวิ่งเตลิดเปิดเปิงก็กล่าวขึ้นอย่างเยียบเย็น “หากท่านไม่มีใจคิดเอาชีวิตพวกเขาแล้วพวกเขาจะตายได้อย่างไรเล่า? เหลียงจิ่นเยี่ยไร้ความชอบธรรม แต่ก่อนที่ท่านจะก่อเรื่องขึ้นเขาก็ไม่เคยสงสัยในตัวท่านมาก่อน แต่ในเมื่อท่านมีแผนที่จะทำ เพียงแค่ส่งข่าวบอกกล่าวกันล่วงหน้า ให้คนในสกุลทั้งหมดได้หลบหนีไปก่อน ก็คงจะไม่ทำให้พวกเขามีจุดจบเช่นนี้ไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร หรือการเสียสละของฮ่องเต้ที่ทำเพราะจนใจ แต่คนเหล่านั้นเดิมทีก็ถูกท่านวางแผนให้ตายตั้งแต่แรกแล้ว เพราะท่านต้องการให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ไม่อยากติดร่างแหจากพวกเขา กลัวว่าหากพวกเขายังมีชีวิตอยู่ก็จะกลายเป็นจุดอ่อนของท่าน หรือกระทั่งจะเป็นตัวถ่วงท่านได้ ดังนั้นท่านจึงไม่สนใจใครหน้าไหน กลับยืมมือเหลียงจิ่นเยี่ยมากำจัดพวกเขา ไม่เพียงกำจัดปัญหาในอนาคตทั้งหมด แต่ภายหลังก็ไม่ต้องการให้พวกเขามาชุบมือเปิบ เสวยความสุขจากสิ่งที่ท่านคิดเอาเองว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่ได้ทำด้วยมือของตนเอง แผนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเช่นนี้ ทั้งใต้หล้าก็คงมีแต่ท่านคนเดียวเท่านั้นที่คิดออกมาได้ พูดอย่างถึงที่สุดแล้ว เชื้อสายสกุลฉู่ทั้งหมด เดิมทีก็ถูกสังหารล้างบางจากแผนนั้นทั้งหมด มีเพียงคนอย่างท่านพ่อเท่านั้นแหละที่เอาแต่ปักใจเชื่อในสัมพันธ์พี่น้องอะไรนั่น เชื่อมั่นว่าท่านทำอย่างนี้เพราะความจนใจ เขาช่างโง่เขลา…โง่เขลาอะไรขนาดนี้…เพื่อจะให้ท่านได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ก็ยอมทอดทิ้งพ่อแม่ญาติพี่น้อง ทนมองลูกและภรรยาของตนถูกตัดหัวต่อหน้าต่อตาทีละคน”
เมื่อพูดถึงพ่อของตน ก็ไม่รู้ว่าโมโหเพราะผิดหวังในตัวเขาหรือเป็นความโศกเศร้าที่มาจากข้างใน จึงทำให้จู่ๆ อารมณ์ของฉู่อี้เจี่ยนก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ให้เปลวไฟที่บ้าคลั่งด้านหลังนั้นค่อยๆ แผดเผาความชื้นที่หางตาออกไป
แต่ไม่คาดคิดว่า เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ทางด้านอุทยานหลวง จู่ๆ ก็ปรากฏกองทหารองครักษ์จำนวนมากวิ่งกรูเข้ามา ในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็รีบพาฮ่องเต้หลบถอยไป ทว่าเด็กหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีม่วงหรูหราผู้หนึ่งกลับไม่สนใจอันตรายจากดินปืนที่สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อแม้แต่น้อย กลับถลาตัวเข้ามาเสียอย่างนั้น
องครักษ์ข้างกายของฉู่อี้เจี่ยนต่างก็พากันตะลึงงันกับท่าทีที่ไม่กลัวตายของเขา
เด็กหนุ่มผู้นั้นทะยานตัวไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกเท้าขึ้นมาอย่างฉับพลัน ใช้ฝ่าเท้าบดสายชนวนให้มอดดับก่อนที่มันจะลุกไหม้ไปถึงหัวดินปืน
ยามที่ฉู่อี้เจี่ยนเก็บสายตากลับมาอีกครั้ง ก็ปะทะกับใบหน้าเรียบเย็นไร้อารมณ์ของฉู่ฉีเฟิงพอดี
มองเห็นแววตาที่เคลือบไปด้วยน้ำแข็งของเด็กหนุ่มตรงหน้า นัยน์ตาของฉู่อี้เจี่ยนก็ปรากฏความรู้สึกซับซ้อนวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว….
ฉู่ฉีเฟิงและฉู่สวินหยางพี่น้องสองคนนี้ ก็พูดไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร แม้จะรู้ว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่เขากลับรู้สึกไม่อยากให้เด็กสองคนนี้ต้องมาเกี่ยวข้องเสียอย่างนั้น
ตอนแรกเขาเคยช่วยเด็กพวกนี้ไว้โดยไม่คาดคิดครั้งหนึ่ง ผ่านมาหลายปี…
เขารับรู้ได้ว่า การปฏิบัติตัวและความรู้สึกของเด็กสองคนนี้ที่มีต่อเขาล้วนเป็นเรื่องจริง
แต่ในเวลานี้ ความเป็นจริงก็ต้องมาปรากฏอยู่ตรงหน้า เขาต้องมาเปิดเผยใบหน้าที่โหดร้ายและบิดเบี้ยวเช่นนี้ให้ทั้งสองคนได้เห็น…
กลับรู้สึกขื่นขมในใจอย่างแปลกประหลาด
หากเป็นไปได้ ใครต้องการจะเป็นคนเลวที่ยอมให้มือเปื้อนเลือดอย่างโหดร้ายเช่นนี้?
หากเป็นไปได้ มีใครอยากจะทนรับสายตาที่เคียดแค้นดั่งศัตรูและเตรียมการปะทะต่อสู้เช่นนี้?
แต่ว่าเส้นทางของเขา ได้ถูกกำหนดไว้ตั้งนานแล้ว มันมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับแล้ว!
“เจ้ามาแล้ว!” ในใจนั้นมีความรู้สึกนับร้อยนับพันถาโถมเข้ามา เขาลังเลไปเพียงชั่วขณะ คล้อยหลังฉู่อี้เจี่ยนก็ยิ้มราวกับเรื่องทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
สถานการณ์พลิกเปลี่ยนอย่างกะทันหัน พวกฮ่องเต้ที่วิ่งเตลิดอยู่ด้านหลังก็เพิ่งที่จะเก็บสติกลับคืนมาได้ ต่างก็หยุดฝีเท้าไว้
ฉู่ฉีเฟิงเพียงแค่เผยใบหน้าราบเรียบมองฉู่อี้เจี่ยนไปเท่านั้น ทุกคนต่างก็คิดว่าเขามาเพื่อคุ้มกันฮ่องเต้ ทว่าประโยคแรกที่หลุดมาจากปากเขากลับทำให้ทุกคนล้วนแต่คาดไม่ถึงมาก่อน
“น้องสาวข้าล่ะ?” ฉู่ฉีเฟิงถาม เสียงไม่สูงมาก ในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้คนไม่อาจละความสนใจจากเขาได้
ฉู่อี้เจี่ยนชะงักไปชั่วครู่ คล้อยหลังเมื่อตั้งสติได้ก็หัวเราะดังลั่น
ฉู่ฉีเฟิงกลับไม่สนใจว่าเขาจะมีอารมณ์หรือความรู้สึกแบบไหน ทำเพียงแค่มองเขม็ง จดจ้องเขาอย่างไม่ลดละ
“ท่านพานางไป แล้วนางอยู่ที่ใด? จวนรุ่ยชินอ๋องรึ?”
จากการคาดการณ์ล่วงหน้า หลังจากที่ฉู่อี้เจี่ยนพาฉู่สวินหยางไปก็คงจะพานางไปหาเหยียนหลิงจวิน
แต่ฉู่ฉีเฟิงก็เพิ่งจะได้รับข่าวว่า ฉู่สวินหยางไม่ได้อยู่ทางนั้นกับเหยียนหลิงจวิน
ฉู่อี้เจี่ยนทำเพียงมองเขาโดยไม่ตอบอันใด
และในช่วงเวลานี้ ก็เพียงพอให้พวกฮ่องเต้ทางนั้นได้สงบจิตสงบใจลงมา
ลู่หยวนเห็นฉู่ฉีเฟิงตามมา ก็รีบเร่งถลาเข้ามา ก่อนจะเขม็งตาใส่ฉู่อี้เจี่ยนอย่างเป็นปรปักษ์ก่อน จึงค่อยกล่าวเสียงต่ำเตือนฉู่ฉีเฟิง “องค์รัชทายาทได้รับบาดเจ็บจากลูกดอกอาบยาพิษขอรับ!”
ใจของฉู่ฉีเฟิงราวกับถูกแช่แข็งไว้ ลมหายใจก็ชะงักไปโดยไม่รู้ตัว
เขามองไปที่ฉู่อี้เจี่ยนอีกครั้ง ยังคงเผยใบหน้าไร้อารมณ์เช่นเคย “มียาถอนพิษหรือไม่? ข้าเพียงต้องการให้ท่านพ่อและน้องสาวปลอดภัยเท่านั้น มอบยาถอนพิษมา แล้วก็ปล่อยน้องข้า จากนั้นท่านจะประสงค์ทำสิ่งใดก็แล้วแต่ท่านเถิด!”
เวลานี้พวกฮ่องเต้นั้นล้วนอยู่ไกลจากที่นี่ แม้ว่าจะฟังไม่ออกว่าทั้งสองคนกำลังพูดอะไรกันอยู่แต่ฉู่ฉีเฟิงกลับเสนอข้อแลกเปลี่ยนออกมาตรงๆ เช่นนี้ กลับอยู่เหนือความคาดหมายของฉู่อี้เจี่ยนอยู่บ้าง
ใบหน้าที่วางท่าสบายๆ ของเขาหยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเริ่มใช้มุมมองใหม่พินิจเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าสง่างามราวกับหยกประดับกวานตรงหน้าอย่างจริงจัง
ฉู่ฉีเฟิงในความทรงจำนั้น เป็นเด็กที่มีนิสัยของผู้ใหญ่อยู่เล็กน้อย ไม่ว่าทำเรื่องอะไรก็ล้วนแต่ละเอียดรอบคอบ
แต่เด็กหนุ่มที่ดูคล้ายกับทำเรื่องทุกอย่างได้เพียบพร้อมเช่นนี้…
ความเฉียบขาดไร้เมตตาของเขานั้น เมื่อเทียบกับฉู่เป้ยแล้วก็ล้วนแทบไม่ต่างกัน
ฉู่อี้เจี่ยนตรึกตรองอยู่ในใจ ก่อนจะอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น ในวังมีกองทหารองครักษ์นับแสน เจ้ามาแลกเปลี่ยนกับข้านับว่ามีประโยชน์อันใด? หากฉู่เป้ยจะลงมือ ข้าก็คงหนีไม่พ้นเช่นเดิมไม่ใช่หรือ?” ฉู่อี้เจี่ยนกล่าว พลางถอดถอนหายใจออกมา
ฉู่ฉีเฟิงจึงไม่หยั่งเชิงต่อรองอะไรกับเขาอีก เพียงแค่มองเขาไปอย่างเยียบเย็น
“เจ้าไม่สนใจความเป็นความตายของฉู่เป้ยอย่างนั้นหรือ?” ฉู่อี้เจี่ยนเบนสายตามองเขา ไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ จู่ๆ กลับกระตุกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ “อย่างนี้ดีกว่า อย่างไรเจ้าก็ไม่มีความผูกพันลึกซึ้งอันใดกับเขา ทั้งคนผู้นั้นก็แก่ชราและโหยโรยแรง ราวกับจะพร้อมฝังลงดินได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว เจ้าไปสังหารเขา ทำให้ความปรารถนาข้าสำเร็จ เป็นเช่นนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นยาถอนพิษขององค์รัชทายาทหรือว่าฉู่สวินหยาง ข้าก็ล้วนมอบให้เจ้าได้ทั้งหมด!”
——————————————————–