สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 108.5 ชีวิตของพวกเจ้าล้วนขึ้นอยู่กับข้า (5)
ฉู่ฉีเฟิงมองเขา ทั้งเผยใบหน้าคล้ายผืนน้ำที่สงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลงอันใด “ข้าสามารถรับประกันได้ว่าย่อมต้องทำให้เขาไม่ได้ตายดีเพื่อให้เจ้าสมปรารถนาแน่นอน แต่อย่างไรก็ยังไม่ใช่ในเวลานี้”
เขาไม่สนใจวามเป็นความตายของฉู่เป้ย ทั้งไม่สนว่าจะถูกผู้คนนินทาอย่างไร แต่กลับไม่อาจไม่แยแสต่อฉู่อี้อันได้
เมื่อถูกตราหน้าว่าสังหารฮ่องเต้เพื่อชิงตำแหน่ง แม้ว่าภายหลังพวกเขาพ่อลูกจะปกครองแคว้นได้หรือจะแข็งแกร่งยิ่งใหญ่เพียงใด แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องตกเป็นที่ครหาของผู้คนอยู่ดี
หากพูดว่านี่คือข้อเสนอที่ฉู่อี้เจี่ยนมอบให้เขาเพราะต้องการให้โอกาส มิสู้กล่าวว่าอีกฝ่ายต้องการทำเพื่อความสนุกเสียมากกว่า
แต่แท้จริงแล้ว เดิมทีฉู่อี้เจี่ยนก็มีใจคิดเช่นนี้อยู่แล้ว เมื่อได้ฟังคำตอบแบบนี้ของฉู่ฉีเฟิงก็ประหลาดใจอยู่บ้าง
ทำให้ฉู่เป้ยไม่ได้ตายดีอย่างนั้นหรือ?
คำสัญญานี้ ดูไม่น่าเชื่อถือเกินไปหน่อย
ใต้หล้าผู้คนที่ไม่สนใจไยดีสายเลือดของตนอย่างเช่นฉู่เป้ยนั้นมีกี่คนกัน? ยิ่งไปกว่านั้น…
แม้ว่าฉู่ฉีเฟิงจะสามารถตัดขาดความสัมพันธ์สายเลือดนี้ได้ แต่ท่ามกลางใต้หล้าที่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย…
ฉู่อี้เจี่ยนนั้นก็เตรียมพร้อมที่จะไปสู่พื้นพิภพตั้งนานแล้ว ระหว่างฉู่ฉีเฟิงและฉู่เป้ยก็ไม่ได้มีความโกรธแค้นฝังแน่นอันใด หากจะบังคับเขาก็ย่อมต้องลงมือชิงตำแหน่งฮ่องเต้กับฉู่เป้ยด้วยตัวเองเท่านั้น
ในตอนนี้นอกจากฉู่อี้อันแล้ว โอรสคนอื่นๆ ของฮ่องเต้ก็ล้วนไม่มีแล้ว ตำแหน่งฮ่องเต้อย่างไรก็ทำได้เพียงส่งต่อไปถึงมือฉู่อี้อันอย่างสบายๆ เท่านั้น
หรืออีกการคาดการณ์หนึ่ง หากฉู่อี้อันตายเพราะรักษาไม่ทัน ตำแหน่งฮ่องเต้ก็ย่อมต้องเป็นของฉู่ฉีเฟิงไม่ใช่หรือ?
เขายังต้องคิดเล็กคิดน้อยกับความสัมพันธ์ระหว่างฉู่เป้ยไปทำไมกันอีก?
“ไม่ตายดีอย่างนั้นรึ?” ฉู่อี้เจี่ยนทวนประโยคนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้านั้นมีท่าทีหยอกล้อ
ฮ่องเต้ด้านหลังเพิ่งจะรวบรวมสติกลับคืนมาจากความโกลาหลเมื่อครู่ ก็ระเบิดความโกรธอย่างอดกลั้นไม่ไหว ตะโกนกร้าวเสียงดังออกมา “ฉีเฟิง สังหารโจรกบฏให้ข้าซะ มันคิดที่จะก่อกบฏ สมควรที่ถูกโทษประหาร!!”
ฉู่ฉีเฟิงหันหลังให้เขาอยู่ ได้ยินเสียงคำรามที่แหบแห้งของเขา ก็วาดดาบชี้ไปที่ฉู่อี้เจี่ยนอย่างทันที
ฮ่องเต้มองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่ฉู่อี้เจี่ยนกลับเห็นได้อย่างชัดเจน…
ใบหน้าและแววตาของเด็กหนุ่มคนนี้ล้วนเผยความเยือกเย็นอย่างถึงที่สุด แต่ก็เป็นเพียงความหนาวเหน็บเท่านั้น เพราะทั่วร่างกลับไม่มีจิตสังหารแผ่ออกมาแม้แต่น้อย
ฉู่อี้เจี่ยนกระตุกมุมปากขึ้น ทำเพียงมองไปที่เขา
เขารู้ดีว่า สถานการณ์เช่นนี้ฉู่ฉีเฟิงไม่อาจออมมือแน่ บอกให้ฆ่าเขาก็ย่อมต้องลงมือ เพียงแต่ท่าทีราบเรียบไร้อารมณ์ไม่ชัดเจนของเขาเช่นนี้กลับทำให้คนรู้สึกได้เปรียบเสียมากกว่า
“ฉู่เป้ย ท่านไม่ต้องการชีวิตของลูกชายแล้วหรอกหรือ?” ฉู่อี้เจี่ยนกวาดสายตาผ่านใบหน้าฉู่ฉีเฟิงไป ก่อนจะประกายสายตาเย็นเยียบผ่านร่างเขา มองไปยังฮ่องเต้ที่แยกเขี้ยวยิงฟันอยู่ไกลๆ
ฮ่องเต้ในตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยความโกรธ จึงแทบไม่ได้สนใจว่าเขาพูดอะไร เพียงตะโกนย้ำอีกครั้ง
“สังหารมัน! ฆ่ามันให้ข้า!”
ฉู่อี้เจี่ยนข่มขู่เขา หวังจะเอาชีวิตเขา เวลานี้กลับยังมาพูดให้คล้อยตามหลงกล แต่อย่างไรมันก็ได้เปิดเผยความลับที่ไม่มีใครรู้ของเขาต่อหน้าผู้คนไปมากมาย เป็นอดีตที่ไม่อาจให้ผู้ใดมารับรู้ได้
คนผู้นี้ น่าชิงชังเป็นที่สุด!
มันจะต้องตาย
“ฮะ…” ฉู่อี้เจี่ยนคาดไว้แล้วว่าเขาจะต้องพูดเช่นนี้ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะออกมาอย่างสบายใจ
เขาส่งดินปืนในมือให้กับองครักษ์ข้างกายคนหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้ามาโดยไม่สนใจฉู่ฉีเฟิงที่ถือดาบยาวขวางตรงหน้า
“ท่านชาย…” องครักษ์ข้างกายเขาตื่นตะลึง เมื่อได้สติก็ต้องการห้ามปราบ
ฉู่อี้เจี่ยนกลับไม่หยุด ยกมือขึ้นโบกให้คนล่าถอยไป
ใบหน้าของฉู่ฉีเฟิงสงบนิ่งคล้ายกับน้ำที่ไร้คลื่น ในมือถือดาบอย่างมั่นคง
ฉู่อี้เจี่ยนเดินไปหยุดด้านหน้าเขาจนกระทั่งคมดาบแทงทะลุเสื้อของเขาเข้ามา แต่เมื่อคมดาบสัมผัสถึงผิวที่หน้าอกก็หยุดลง
เขามีท่าทีเรียบนิ่ง มองดูเด็กหนุ่มตรงหน้าที่มีท่าทีเรียบเฉยเช่นเดียวกับเขาแล้วกล่าวเสียงเบาพลางยิ้ม “จะลงมืออย่างนั้นหรือ? ชีวิตของพ่อเจ้าอยู่ในกำมือข้า น้องสาวของเจ้าก็อยู่ในกำมือของข้า วันนี้ข้ากล้ามาถึงที่นี่ ก็ไม่ได้เตรียมใจหวังจะรอดชีวิตออกไปอยู่แล้ว ไม่ว่าจะตายด้วยน้ำมือของใครก็ล้วนเหมือนกัน เพียงแต่ว่า…”
ขณะที่ฉู่อี้เจี่ยนพูดจู่ๆ ก็หยุดชะงักลง แววตานั้นแปรเปลี่ยนเป็นมองไปยังที่ห่างไกลสุดลูกหูลูกตา “หากข้าจำไม่ผิด ตอนแรกข้าเคยช่วยชีวิตเจ้าและน้องสาวไว้ครั้งหนึ่ง ตอนนี้เจ้ากลับตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยการลงมือเช่นนี้? ฉีเฟิง เจ้าคิดว่าอย่างนี้มันถูกแล้วหรือ?”
พ่อ น้องสาว รวมกับเรื่องที่ฉู่อี้เจี่ยนเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขา นี่หากพูดแล้ว…
ไม่ว่าจะพิจารณาจากจุดไหน อย่างไรฉู่ฉีเฟิงก็ไม่ควรจะลงมือกับฉู่อี้เจี่ยน
มิเช่นนั้น…
ชื่อเสียงของเขา ก็คงต้องถูกทำลายอย่างสูญสิ้น!
แม้แต่ฮ่องเต้ที่ได้ยินคำพูดนี้ก็ยังเกิดลังเลในใจ ลอบกัดฟันจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุ้บๆ ไม่หยุด ว้ครุ่นคิดสองจิตสองใจว่าจะส่งสัญญาณให้องครักษ์ลับไปช่วยจัดการดีหรือไม่
“แยกคุยเป็นเรื่องๆ ดีกว่า!” พวกเขาล้วนอยู่ไกลกัน กลับไม่คิดว่าผู้ที่ไม่น่าจะสามารถตอบคำถามนี้ได้อย่างฉู่ฉีเฟิงที่อยู่ตรงข้ามกลับเอ่ยปากขึ้นมาอย่างไม่ลังเล “ในเมื่อตอนแรกท่านช่วยข้าและสวินหยางจากใจจริงโดยไม่มีแผนใดใดในใจ แต่วันนั้นกับวันนี้ไม่เหมือนกัน อย่าได้พูดว่าท่านไม่เคยมีใจคิดสิ่งตอบแทน แม้ว่าท่านจะขอเช่นนี้…แต่หากขวางทางข้า ข้าก็จะไม่ลังเลเช่นกัน!”
ในตอนที่เขาพูดอารมณ์นั้นกลับมั่นคงเสียส่วนใหญ่ ราวกับไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์เช่นไร เขาก็ยังคงมีท่าทีเรียบนิ่งเช่นนี้
น้ำเสียงไม่แข็งไม่อ่อน แต่เมื่อพูดออกมาแล้วกลับให้คนรู้สึกสั่นไหวอย่างยิ่ง
ใจของฉู่อี้เจี่ยนวูบไหวเล็กน้อย เมื่อกำลังเหม่อลอย ก็ได้ยินองครักษ์ด้านหลังร้องเรียกอย่างตกใจเสียก่อน “ท่านชาย…”
คำสองคำเพิ่งจะหลุดออกไป ฉู่อี้เจี่ยนเพียงรู้สึกว่าด้านหน้ามีเสื้อคลุมสีดำพลิ้วไหวในอากาศ ดาบของฉู่ฉีเฟิงเดิมทีที่ประชิดกับหน้าอกเขาคล้ายกับจะเอาชีวิต กลับเลื้อยคล่องแคล่วราวกับงู จู่ๆ ก็เปลี่ยนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว วาดผ่านหน้าอกเขาไป พริบตาเดียวเขาก็รู้สึกเย็นเยียบที่ข้างลำคอ
ครู่ต่อมา ตำแหน่งที่ฉู่ฉีเฟิงยืนนั้นก็เปลี่ยนไปปรากฏตรงด้านหลังเขาพอดี ดาบยาวได้จ่อชิดอยู่ข้างลำคอ
“ท่านชาย!” องครักษ์ของฉู่อี้เจี่ยนตะโกนเสียงดังอย่างตื่นตกใจ
ฮ่องเต้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับเผยสีหน้าดีใจ ขณะเดียวกันก็เดินก้าวไปด้านหน้าอย่างรีบเร่ง ในตอนที่กำลังจะออกคำสั่งองครักษ์ไปช่วยจับตัวคน ฉู่อี้เจี่ยนที่อยู่ด้านนี้เห็นภาพนั้นอยู่ไกลๆ จู่ๆ ก็หมุนตัว พลิกข้อมือไปที่ตำแหน่งเอวของฉู่ฉีเฟิง
ยามนี้ดีที่ลู่หยวนยืนใกล้กับเขา จึงออกมือใช้คมดาบโจมตีทันที
ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงอาวุธปะทะกันดังลั่น
ข้อมือของฉู่อี้เจี่ยนสั่นไหว
แรงของหน้าไม้บนมือเขานั้นเป็นที่น่าสะพรึงกลัวของผู้คน แม้ว่าจะถูกดาบของลู่หยวนปัดป้องไปชั่วครู่ ทว่าขณะ เดียวกันข้อมือของลู่หยวนก็สั่นสะเทือนด้วยความปวดชาเช่นกัน ดาบได้หลุดจากมือไป
แต่ทางฉู่ฉีเฟิงกลับแค่นหัวเราะหนึ่งเสียง ถูกบีบให้ถอยไปด้านหลังติดต่อกันสองก้าว
แรงในมือเขาเสียสมดุลไปชั่วขณะ คมดาบจึงปราดเข้าไปที่ผิวด้านล่างลำคอของฉู่อี้เจี่ยนเล็กน้อยจนเกิดเป็นแผลปริแตก
ทั้งสองคนเคลื่อนกายผ่านกันในเวลาอันสั้น ต่างฝ่ายแทบจะไม่ขยับริมฝีปาก เพียงแค่กล่าวประโยคง่ายๆ สั้นๆแลกเปลี่ยนกันเท่านั้น
“บุญคุณที่ช่วยชีวิต ตอนนี้คืนให้ท่านแล้ว!” ฉู่ฉีเฟิงกล่าว
“เจ้าคนเจ้าเล่ห์!” ฉู่อี้เจี่ยนกล่าวกลับไป
—————————————————–