สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 23.4 บุ่มบ่ามบุกมาข่มขู่ถึงบ้าน (4)
ฮูหยินรองหลัวโกรธจัดจนชี้หลังนางด้วยหน้าแดงก่ำและเอ่ยเสียงดังว่า “สามีข้าเพิ่งตายได้ไม่นาน นี่เจ้ารังแกพวกเราแม่หม้ายและลูกกำพร้าพ่อชัดๆ”
นางพูดยังไม่ทันจบ คนขับรถม้าก็ได้รับคำสั่งให้ขับรถจากไป
ฮูหยินรองหลัวนิ่งไป นางเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้พวกนางนั่งรถม้ามาคันเดียวกัน ฮูหยินใหญ่หลัวไปแบบนี้แล้ว เช่นนั้นนางต้องเดินเท้ากลับไปงั้นหรือ?
เวลานี้ ฮูหยินฮั่วก็ออกมาจากในวังเช่นกัน นางเห็นฮูหยินรองหลัวโดนตบอยู่ไกลๆ ถึงแม้ตอนนี้นางจะไม่ถูกชะตากับคนทั้งตระกูลหลัว แต่ได้เห็นกับตาแล้วก็รู้สึกสบายใจ นางส่งเสียงไม่พอใจอย่างเย็นชาออกมาแล้วเดินผ่านข้างตัวฮูหยินรองหลัวไปอย่างจองหอง และขึ้นรถม้าของตนเองจากไปเช่นกัน
ฉู่สวินหยางเดินอยู่ข้างหลังคนทั้งหลาย นางจงใจเดินช้าลงเพื่อเว้นระยะห่างช่วงหนึ่ง ทว่าตอนที่ผ่านประตูวังชั้นที่สองและเงยหน้าขึ้นมานั้นกลับเห็นเหยียนหลิงจวินพาเชินหลานเดินเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม
เขายังคงสวมเครื่องแบบขุนนางสีแดงเข้มที่เริ่มเก่า แต่เขาก็ใส่ออกมาดูหล่อเหลาสง่างามอยู่ดี
“ท่านหญิง!”
“ใต้เท้าเหยียนหลิง!”
ทั้งสองคนต่างหยุดฝีเท้าและพยักหน้ายิ้มให้กันอย่างเป็นธรรมชาติ
ฉู่สวินหยางหันกลับไปมองทางด้านหลัง มีนางในกลุ่มหนึ่งผ่านมาพอดี จึงคลี่ยิ้มเอ่ย “นี่ใต้เท้าเหยียนหลิงจวินจะไปตรวจชีพจรให้เสด็จย่าหรือ?”
“ขอรับ พระวรกายของฮองเฮายังไม่หายดี ตรวจชีพจรเพิ่มอีกครั้งจะได้วางใจหน่อย” เหยียนหลิงจวินยิ้มอย่างสุภาพเอ่ยถาม “นี่ท่านหญิงจะออกจากวังแล้วหรือ?”
“อื้ม!” ฉู่สวินหยางพยักหน้า “เสด็จย่าพระวรกายไม่แข็งแรง ข้าไม่รบกวนพระองค์แล้ว”
ทันใดนั้นเหยียนหลิงจวินก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงชำเลืองมองส่งสายตาให้เชินหลาน
ในสวนดอกไม้หลังประตูวังมีองครักษ์เดินลาดตระเวนผ่านไปอีกกลุ่ม เชินหลานหยิบห่อยาห่อหนึ่งออกมาจากในกล่องยา
เหยียนหลิงจวินรับมาแล้วยื่นให้ตรงหน้าฉู่สวินหยาง “ก่อนหน้านี้สาวใช้ของท่านหญิงไปบอกให้ข้าเตรียมยาให้ท่าน ในเมื่อเจอท่านหญิงที่นี่แล้ว เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องให้คนนำไปให้อีก”
“ที่จริงนั้นข้าให้คนไปรับก็ได้” ฉู่สวินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางยื่นมือออกไปรับ
เหยียนหลิงจวินส่งเชือกเส้นบางที่มัดห่อยาไว้ถึงมือนาง ดูเผินๆ ราวกับไม่ได้หยุดสักนิด แต่กลับมีแค่ฉู่สวินหยางเท่านั้นที่รู้สึกได้ว่านิ้วมือของทั้งสองคนเกี่ยวกันเพียงชั่วพริบตา เขาจงใจวาดนิ้วก้อยผ่านกลางฝ่ามือของนางระหว่างที่ห่อยานั้นแกว่ง
องครักษ์ที่เฝ้าประตูวังอยู่ห่างไปทางด้านหลังฉู่สวินหยางสองก้าว
ถึงแม้จะเป็นการทำลับๆ ล่อๆ ที่ไม่มีอะไรแปลกประหลาดสักนิดและสีหน้าฉู่สวินหยางก็ยังคงเหมือนเดิม แต่นางกลับเขินจนหลังหูขึ้นสีแดงเล็กน้อย และหันไปส่งห่อยาให้ชิงเถิงถือไว้เหมือนกลัวโดนจับได้อย่างรวดเร็ว
“ท่านหญิงค่อยๆ เดิน!” เหยียนหลิงจวินขยับตัวหลบไปด้านข้าง แล้วยกยิ้มมุมปากอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน
ฉู่สวินหยางทำเป็นพยักหน้าให้เขาอย่างไม่ใส่ใจ และพาสาวใช้เดินผ่านไปอย่างแน่วแน่ นางเดินออกมาไกลมากแล้วแต่กลับยังรู้สึกได้ถึงสายตาสองคู่ที่ติดตามอยู่ข้างหลัง
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้ฉู่สวินหยางอึดอัดอยู่บ้าง แต่นางก็แข็งใจไม่หันกลับไปมองและมุ่งหน้าเดินออกไปทางประตูวังอย่างเยือกเย็น
เวลานั้นรถม้าของตระกูลฮั่วได้จากไปแล้วเช่นกัน มีเพียงฮูหยินรองหลัวยืนกระทืบเท้าสาปแช่งอย่างโมโหกับแม่นมหงอยู่ท่ามกลางลมหนาวโดยไม่รู้จะทำอย่างไรดี
พอได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง แม่นมหงก็รีบดึงแขนเสื้อของนางไว้
ฮูหยินรองหลัวหันตัวกลับไป และฝืนยิ้มออกมาด้วยสีหน้านิ่งสนิท พลางย่อตัวคารวะ “ท่านหญิงสวินหยาง!”
“เอ๊ะ พวกฮูหยินกั๋วกงกลับไปกันหมดแล้วหรือ?” ฉู่สวินหยางทำเป็นมองไม่เห็นรอยฝ่ามือแสนเลือนรางบนหน้านาง พลางเหลือบมองไปทางด้านหลังนางแล้วเอ่ยอย่างสงสัยว่า “ฮูหยินรองหลัว นี่ท่าน…”
“อ้อ ข้า…ข้าเห็นสีพระพักตร์ของฮองเฮาแลดูย่ำแย่เลยคิดว่าจะกลับไปหาอีกรอบ” ฮูหยินรองหลัวรีบปิดบัง
ฉู่สวินหยางก็ไม่เปิดโปงนางเช่นกัน เพียงแค่ยิ้มอย่างอ่อนโยน กล่าวว่า “ข้าเห็นเสด็จย่าคล้ายจะอ่อนเพลียมาก ตอนที่ข้าออกมาเสด็จย่าทรงกลับไปพักผ่อนแล้ว ฮูหยินรองมีใจกตัญญูเป็นสิ่งที่ดี แต่ข้าว่าค่อยไปเยี่ยมเสด็จย่าวันหลังน่าจะดีกว่า”
ฮูหยินรองหลัวยิ้มกระอักกระอ่วน และปิดปากเงียบไม่พูดอะไรสักคำ
ฉู่สวินหยางจึงเอ่ยอย่างมีน้ำใจอีกว่า “ตอนนี้ข้าก็ไม่มีธุระอะไรพอดี ถือโอกาสไปส่งท่านด้วยแล้วกัน!”
ฉู่สวินหยางออกไปร่วมงานเลี้ยงน้อยมาก ถึงแม้ภายนอกจะมีคำกล่าวเล่าลือเกี่ยวกับนางไม่น้อยนัก แต่ฮูหยิน
รองหลัวเพิ่งได้พูดคุยกับนางอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก เพียงคุยกันไม่กี่ประโยคกลับรู้สึกว่าท่านหญิงสวินหยางคนนี้ยิ้มตาหยีและดูร่าเริงยิ่งนัก ทั้งยังสุภาพอ่อนโยนด้วย ไม่ได้หยิ่งยโสเหมือนที่คนภายนอกพูดกัน
“จะรบกวนท่านหญิงได้อย่างไรกัน? ข้าสั่งให้องครักษ์สักคนไปส่งข่าวให้ข้าก็ได้” ฮูหยินรองหลัวบอกปัด
“อากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ แล้วจวนกั๋วกงก็อยู่ไกลจากที่นี่ ไปกลับคงต้องใช้เวลาสักชั่วยาม อย่างไรข้าก็ว่างอยู่
ฮูหยินรองไม่ต้องเกรงใจหรอก” ฉู่สวินหยางเอ่ย
เมื่อครู่ฮูหยินรองหลัวเพิ่งถูกตบต่อหน้าเหล่าองครักษ์พวกนั้น เดิมทีนางก็อายจะแย่อยู่แล้ว แค่อยู่ที่นี่ต่ออีกหนึ่งเค่อ[1] ก็รู้สึกได้ถึงสายตาของคนอื่นที่เริ่มมองนางแปลกๆ
ฉู่สวินหยางเชิญครั้งแล้วครั้งเล่า นางจึงไม่ปฏิเสธอีก “เช่นนั้นขอขอบคุณท่านหญิงล่วงหน้า!”
ฉู่สวินหยางยิ้มเล็กน้อย แล้วขึ้นรถม้าไปก่อน
รถม้าของนางกว้างขวาง ภายในตกแต่งไม่ถึงงดงามมากแต่แลดูไม่ธรรมดาทีเดียว ยิ่งผ่านการปรับแต่งใหม่เป็นพิเศษแล้วยิ่งนั่งสบายขึ้น แม้มีฮูหยินรองหลัวกับบ่าวนั่งเพิ่มไปด้วยอีกสองคนก็ไม่รู้สึกคับแคบ
ทั้งสองคนเพิ่งได้เจอกันครั้งแรกและเป็นที่รู้ดีว่าฉู่สวินหยางกับฮั่วชิงเอ๋อร์นั้นสนิทสนมกัน ดังนั้นฮูหยินรองหลัวจึงต้องระวังตัวกับนางบ้างไม่มากก็น้อย เริ่มแรกก็เอ่ยชมรถม้าของนางก่อน ต่อมาก็พูดจาประจบไปอีกมากมาย ฉู่สวินหยางวางตัวถ่อมตนและสุภาพอ่อนโยนตลอด พวกนางจึงพูดคุยกันถูกคอ
ฮูหยินรองหลัวบังเอิญเห็นชิงเถิงถือห่อยาอยู่ในมือข้างๆ ตลอด สายตาของนางจึงหยุดชะงักไป
“ช่วงนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีเลยถือโอกาสให้สำนักหมอหลวงจ่ายยาที่ทำให้จิตใจสงบให้” ฉู่สวินหยางอธิบาย
ฮูหยินรองหลัวกวาดสายตามองแล้วไม่เห็นอะไรผิดปกติจึงเลิกสนใจ
หลังจากนั้นราวครึ่งชั่วยาม รถม้าก็จอดลงหน้าประตูจวนหลัวกั๋วกง
ในที่สุดฉู่สวินหยางก็เป็นคนกู้หน้าให้นาง ฮูหยินรองหลัวเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจว่า “วันนี้รบกวนท่านหญิงแล้วจริงๆ ในเมื่อมาถึงหน้าประตูแล้ว ท่านหญิงก็เข้ามาดื่มชาสักถ้วยเถอะ?”
“ไม่ขอรบกวนดีกว่า” ฉู่สวินหยางปฏิเสธ แต่พูดไปได้เพียงครึ่งเดียวก็เผยสีหน้าลังเลเล็กน้อยว่า “แต่หลายวันก่อนข้ากับแม่นางหลัวอวี่ก่วนมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ถ้าหากสะดวก ฮูหยินจะให้คนพาข้าไปขอโทษแม่นางหลัวอวี่ก่วนได้หรือไม่? เดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ปรับความเข้าใจกันคงจะดีกว่า”
หลัวอวี่ก่วนก็เคยมาว่าร้ายฉู่สวินหยางต่อหน้านางเพราะเรื่องก่อนหน้านี้ไม่น้อย แต่ตลอดทางมานี้ฮูหยินรองหลัวกลับประทับใจฉู่สวินหยางอย่างมาก นางคิดในใจอย่างรวดเร็วแล้วพยักหน้าด้วยความยินดี “อวี่ก่วนถูกข้าตามใจจนเสียคน ถ้ามีอะไรก็ให้สรุปว่านางเป็นฝ่ายล่วงเกินท่านหญิง ท่านหญิงไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก แต่ในเมื่อท่านหญิงตั้งใจแล้ว เช่นนั้นก็เข้าไปนั่งสักหน่อยเถอะ!”
นางเอ่ยพลางยิ้มและนำฉู่สวินหยางเดินเข้าไปด้านใน
——————————————
[1] หนึ่งเค่อ = 15 นาที