สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 24.1 สถานการณ์พลิกผัน ถือโอกาสแสดงน้ำใจ (1)
หลัวอวี่ก่วนหน้าไร้สีเลือด มือข้างหนึ่งค้ำมุมโต๊ะไว้ ราวกับจะเป็นลมสลบไปเดี๋ยวนั้น
ไม่รู้ก่อนหน้านี้เซียงเฉ่าไปหลบอยู่ที่ใด ถึงเพิ่งได้ยินเสียงแล้วรีบเข้ามาตอนนี้ พอเห็นท่าทางของนางก็ตื่นตกใจจนรีบเข้าไปพยุงนางไว้ทันที พลางเอ่ยอย่างร้อนใจว่า “คุณหนู? คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
นางตะโกนจะเรียกหาหมอ
ฉู่สวินหยางแค่มองสองนายบ่าวอย่างเฉยชาเพียงครั้งเดียว แล้วก็หันตัวเดินจากไป
“หยุด!” หลัวอวี่ก่วนได้สติกลับมา ผลักเซียงเฉ่าออกแล้ววิ่งเข้าไปกางแขนขวางนางไว้
นางร่างเล็กบอบบางอยู่แล้วตั้งแต่เกิด พอเวลานี้ตีหน้าขรึมขึ้นมา หน้าตากลับดูคล้ายจะบิดเบี้ยว
ฉู่สวินหยางไม่ปะทะกับนางตรงๆ เช่นกัน หากนางขวางทางก็เพียงแค่มองนางอย่างเฉยเมยและถอยกลับไปนั่งเก้าอี้อีกรอบเสียเลย
เซียงเฉ่ารับรู้ได้ทันทีว่าบรรยากาศในห้องนี้ไม่ปกติ นางถอยหลังไปหลายก้าวและไม่กล้าพูดสักคำ
หลัวอวี่ก่วนกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น กัดริมฝีปากจนเลือดแทบออก และมองนางอย่างแค้นเคืองอยู่นานถึงจะเอ่ย “ถ้าหาก…อย่างไรข้าก็ไม่ทำล่ะ?”
“ไม่ทำ?” ฉู่สวินหยางยิ้ม เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างไม่ยี่หระ ทั้งยังหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาเชยชมเสียด้วย พลางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “แล้วแต่เจ้าสิว่าจะทำหรือไม่ทำ ข้าไม่บังคับเจ้าอยู่แล้ว”
หลัวอวี่ก่วนเพียงแค่มองนางอย่างระวังตัวเต็มที่
พวกนางวางแผนเรื่องหลัวส่วงอย่างละเอียดทุกขั้นตอนและไร้ช่องโหว่โดยสิ้นเชิง แต่เวลานี้ฉู่สวินหยางมาข่มขู่นางถึงตระกูลหลัวอย่างเปิดเผย? หากวันหนึ่งเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจะทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงทันที อีกฝ่ายต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน และหากปล่อยให้หลัวเหว่ยโกรธจนก่อความวุ่นวายไปถึงหน้าพระพักตร์อีก ก็ไม่แน่ว่านางจะรักษาบรรดาศักดิ์ของตนเองเอาไว้ได้
ดังนั้นชั่งใจดูแล้ว หลัวอวี่ก่วนกลับรู้สึกเป็นไปได้มากว่าฉู่สวินหยางแค่กำลังขู่นางเท่านั้น
ฉู่สวินหยางยิ้มแล้วพูดต่ออีกว่า “เจ้าก็รู้ดีว่าข้าคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องใจแคบและเจ้าคิดเจ้าแค้น ข้าจับผิดเจ้าเรื่องนี้ไม่ได้ก็จริง แต่ถึงพวกเจ้าทำสำเร็จ และต่อให้วันหนึ่งหลัวเสียงสามารถขึ้นรับตำแหน่งสูงเป็นหลัวกั๋วกงได้อย่างราบรื่นแล้วอย่างไร? เกรงว่าพวกเจ้าคงไม่รู้ถึงผลที่แท้จริงหรอก หากเจ้าคิดว่าคุ้มค่า เช่นนั้นก็ถือว่าวันนี้ข้าไม่ได้มาแล้วกัน”
ฉู่สวินหยางเอ่ยพลางถอนหายใจออกมาช้าๆ แล้วส่งสายตาให้ชิงเถิง
“เจ้าค่ะ ท่านหญิง!” ชิงเถิงรู้ใจ และเข้าไปจะเก็บห่อกระดาษนั้น
หลัวอวี่ก่วนรู้สึกว้าวุ่นใจยิ่งนัก..
นางรู้ว่าฉู่สวินหยางรับมือยาก และรู้ดีว่าเรื่องที่นางทำจะก่อให้เกิดผลร้ายอย่างไรเช่นกัน หากนางยังไม่ยอม แล้วอีกฝ่ายพาลโกรธขึ้นมา ตัวนางเองก็มีแต่ต้องโดนฝังไปพร้อมกับคนตายเท่านั้น
หากเป็นแบบที่ฉู่สวินหยางพูดจริง ถึงแม้จะช่วยให้ท่านพี่ได้ตำแหน่งในจวนหลัวกั๋วกงแล้วอย่างไร? แม้แต่ชีวิตของนางเองก็รักษาไว้ไม่ได้!
คิดมาถึงตรงนี้นางก็รีบเดินเข้าไปก่อนชิงเถิง และแย่งห่อกระดาษนั้นมากำไว้ในมือแน่น แต่สีหน้ากลับเคียดแค้นเสียจนไม่น่ามอง
ฉู่สวินหยางเห็นแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย นางลุกขึ้นยืนอีกครั้ง กล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะรอข่าวดีจากเจ้า เรื่องนี้น่ะ…คิดว่าเจ้าเองก็คงไม่อยากเจอข้าอีกแน่ ดังนั้นลงมือให้ไวจะดีกว่า”
นางพูดจบก็สะบัดกระโปรงเดินออกไปอย่างอ่อนช้อย
หลัวอวี่ก่วนกำห่อกระดาษนั้นไว้ในมือแน่น และจ้องแผ่นหลังของนางเขม็งจนอยากจะแทงหลังนางให้พรุน
เซียงเฉ่าเห็นสีหน้านางผิดปกติ จึงก้าวเข้ามาเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “คุณหนู…”
ยังไม่ทันพูดจบ หลัวอวี่ก่วนก็หันมาอย่างรวดเร็วและตบนางอย่างแรง แถมด่าทออย่างโมโหว่า “นางสารเลว!”
ตบนี้นางระบายความแค้นที่มีต่อฉู่สวินหยางทั้งหมดออกมาแล้ว เซียงเฉ่าโดนตบล้มลงไปบนพื้นจนลุกไม่ขึ้นอยู่นานและเหมือนเห็นดาวลอยอยู่ตรงหน้า นางเพียงปิดแก้มร้องไห้เสียใจว่า “คุณหนู ข้าทำผิดตรงไหนหรือเจ้าคะ?”
“เจ้า…” หลัวอวี่ก่วนยังนึกอยากด่าทอให้สาแก่ใจ แต่พอคิดอีกทีว่าหากเซียงเฉ่าเป็นคนทรยศนางและเอาเรื่องของนางไปบอกให้ฉู่สวินหยางรู้ สาวใช้คนนี้ต้องหนีไปแล้ว
แต่ว่าคนใกล้ตัวนางที่รู้เรื่องนี้ก็มีแต่เซียงเฉ่าเท่านั้น
หรือว่า…
เกิดปัญหาอะไรขึ้นกับซูหลิน?
ความโกรธแค้นในใจแทบทะลักออกมา หลัวอวี่ก่วนเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ลุกขึ้นเถอะ!”
เซียงเฉ่าปิดแก้มไว้แล้วลุกขึ้นมายืนตัวลีบห่างจากนางไปสองก้าวอย่างหวั่นใจ
หลัวอวี่ก่วนเห็นท่าทางนางแล้วยิ่งขุ่นเคือง จึงกวักมือเรียกเสียงเย็น “มานี่!”
เซียงเฉ่าเตรียมใจไว้เต็มที่แล้วเดินเข้าไปใกล้ หลัวอวี่ก่วนพูดข้างหูนางเพียงสองประโยคแล้วกำชับอีก “ระวังหน่อย อย่าให้ใครเห็น”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ!” เซียงเฉ่ารีบขานรับ ทว่าขณะที่กำลังจะไปจัดการก็เห็นฮูหยินรองหลัวพาแม่นมหงและคนรับใช้กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วจากด้านนอกพอดี หน้าตาสดชื่น ท่าทางสบายอกสบายใจอย่างมาก
“หือ? ท่านหญิงสวินหยางเล่า?” ฮูหยินรองหลัวเข้ามาไม่ได้สังเกตสีหน้าของหลัวอวี่ก่วนสักนิด แต่กลับกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อน
พอได้ยินชื่อฉู่สวินหยาง ความรู้สึกกลุ้มใจก็ปรากฏขึ้นในใจหลัวอวี่ก่วนเป็นอย่างแรก นางรีบแอบเตะห่อกระดาษที่ตกอยู่ใกล้เท้าเข้าไปใต้เตียง
ฮูหยินรองหลัวมองหารอบหนึ่งแล้วไม่เจอ เห็นเพียงสีหน้าหลัวอวี่ก่วนผิดปกติ ทั้งยังมีรอยฝ่ามือเป็นทางบนหน้าเซียงเฉ่าอีก ก็เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทันทีว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ!” เซียงเฉ่าลนลานรีบตอบ
หลัวอวี่ก่วนถลึงตาใส่นางทีหนึ่ง แล้วเข้าไปประคองมือข้างหนึ่งของฮูหยินรองหลัว กล่าวว่า “ทำไมท่านแม่มาอย่างกะทันหันล่ะเจ้าคะ?”
“วันนี้ข้าเจอท่านหญิงสวินหยางในวัง โชคดีที่นางมาส่งข้า แต่นางบอกว่าจะมาเยี่ยมเจ้า ข้าเลยมาดูสักหน่อย ทำไมไม่เห็นท่านหญิงแล้วเล่า?” ฮูหยินรองหลัวเอ่ย
นางนึกไม่ถึงว่ามารดาของตนจะชักศึกเข้าบ้านพาเจ้าเด็กบ้านั่นเข้ามาจริงๆ
ความอึดอัดใจอัดแน่นเต็มอกจนหลัวอวี่ก่วนเริ่มเจ็บหน้าอกเล็กน้อย และเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีว่า “ท่านแม่จะดีกับนางไปทำไม? นาง…”
ในที่สุดหลัวอวี่ก่วนก็ทนไม่ไหวจนขึ้นเสียงเล็กน้อย และเห็นฮูหยินรองหลัวขมวดคิ้วทันที จึงเปลี่ยนใจรีบกลบเกลื่อนอีกว่า “วันนี้ข้าไม่ค่อยสบาย นางก็เลยกลับไปก่อนแล้ว”
“เจ้าไม่สบายหรือ? เป็นอะไรไป?” ฮูหยินรองหลัวนึกได้ว่าสีหน้านางผิดปกติจริงๆ ก็ตอนนี้ จึงยกมือทาบหน้าผากนาง
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าพักสักครู่ก็หายแล้ว” หลัวอวี่ก่วนตอบ ระหว่างที่พูดนั้นก็ชำเลืองมองส่งสายตาให้เซียงเฉ่า
เซียงเฉ่าตกใจ นางก้มหน้าลงแล้วถอยออกไปเงียบๆ
หลังจากนั้นหลัวอวี่ก่วนก็เบี่ยงประเด็นไปว่า “วันนี้ท่านแม่เข้าวังไป ฮองเฮาว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
“อย่าพูดถึงเลย!” ฮูหยินรองหลัวสีหน้านิ่งขรึม นางเอ่ยอย่างแค้นใจว่า “คนแซ่เฉิน นางสารเลวนั่น อย่างไรก็จะเลื่อยขาเก้าอี้ข้าให้ได้ บอกว่าท่านกั๋วกงมอบหมายให้ศาลาว่าการพระนครมีสิทธิตรวจสอบได้อย่างเต็มที่แล้ว แม้แต่ฮองเฮาก็พูดไม่ออก”
พอคิดถึงที่ฮูหยินใหญ่ตบนางนั้น ฮูหยินรองหลัวก็ยิ่งรู้สึกเคียดแค้น สุดท้ายนางจึงส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจและเอ่ยว่า “คอยดูเถอะ เวลานี้ท่านกั๋วกงยังโมโหอยู่ อีกเดี๋ยวแม่นางโม่ไปก่อกวนอีกสักหน่อย นางสารเลวนั่นได้แย่แน่!”
—————————————-