สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 25.1 แผนร้ายลับหลัง ท่านหญิงอันเล่อถูกทำร้าย (1)
ฮูหยินรองหลัวขมวดคิ้ว “ตอนนี้ข้าจะไปมีอารมณ์…”
“งั้นก็ให้ท่านพี่ไปเถิดเจ้าค่ะ!” หลัวอวี่ก่วนพูดขึ้น แล้วยิ้มขึ้นอย่างบอกอารมณ์ไม่ถูก
ราวกับว่าฮูหยินรองหลัวกับหลัวเสียงสัมผัสได้ ทั้งสองคนหันสบตามองกัน
หลัวเสียงเอ่ยถามขึ้นว่า “ความหมายของเจ้าคือ…”
หลัวอวี่ก่วนขยับมุมปากขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้ม “ข้ายังไม่มีพี่สะใภ้เลยนี่หน่า?”
หลัวเสียงตกใจ พยายามนึกคิดอย่างสุดความสามารถ
ที่จริงแล้วเขาไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับฉู่สวินหยางเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งช่วงหลายปีมานี้ผู้หญิงในวังที่ออกงานปรากฎตัวบ่อยๆ ก็มีแต่ฉู่หลิงอวิ้นคนเดียวเท่านั้น อีกอย่างหญิงสาวที่เกิดจากตระกูลในวังแล้วล้วนแต่เป็นผู้สูงส่งทั้งนั้น พวกลูกชายคนโตของตระกูลผู้มีอันจะกิน ไม่มีทางคิดผูกสัมพันธ์กับพวกนางโดยการแต่งงานหรอก สู่ขอท่านหญิงยังพอว่า แต่ถ้าหากสู่ขอองค์หญิง นั่นก็เหมือนตัดเส้นทางการเจริญเติบโตในหน้าที่ของตัวเองไปเลยทีเดียว
แล้วเมื่อตอนนี้หลัวอวี่ก่วนพูดขึ้นมาแบบนี้ หลัวเสียงเลยพยายามย้อนคิดดู ก็จำได้ว่าหน้าตาของท่านหญิงสวิน
หยางคนนั้นก็ไม่ได้เลวร้าย
ในระหว่างที่หลัวเสียงเหม่อลอยอยู่นั้น ฮูหยินรองหลัวก็ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปมแล้วพูดว่า “ความหมายของเจ้าคือ…”
“หากท่านพี่สู่ขอท่านหญิงสวินหยางล่ะก็ นั่นหมายความว่าทุกคนในวังบูรพาจะเป็นกองกำลังสนับสนุนให้เรา ใครๆ ก็รู้ว่าองค์รัชทายาทเอ็นดูนางมากนัก อีกอย่างนางยังเป็นที่โปรดปรานของราชสำนักอีก ถึงตอนนั้นท่านพี่ก็จะได้หมากตัวสำคัญมาอีกตัว” หลัวอวี่ก่วนตอบ ริมฝีปากยกขึ้นยิ้มอย่างสะใจเล็กน้อย
แววตาของหลัวเสียงส่องประกาย ยิ้มอย่างนึกสนุก ไม่พูดว่าดีแต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ดี
ทว่าฮูหยินรองหลัวกลับวิตกกังวล พลางพูดขึ้นว่า “แต่ว่า…ฮองเฮาไม่ชอบนางนี่…”
“สิ่งที่ฮองเฮาไม่ชอบนั้น แท้จริงแล้วคือชายารองแซ่ฟางต่างหากเล่า ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ฮองเฮาก็ยังเป็นแม่แท้ๆ ขององค์รัชทายาท ถึงแม้จะไม่ชอบแค่ไหน ก็คงไม่มีทางรังเกียจที่จะอยู่ร่วมกับหลานสาวแท้ๆ ของตนได้จริงๆ หรอกเจ้าค่ะ” หลัวอวี่ก่วนพูดขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย
นางลุกขึ้นยืนแล้วจับมือของฮูหยินรองหลัวเอาไว้ จ้องมองนางด้วยแววตาส่องประกาย พูดเสียงจริงจังขึ้นว่า “ท่านแม่เจ้าคะ หลังจากการแต่งงานของฮูหยินใหญ่ครั้งนี้ พวกเขายิ่งคิดร้ายกับฮองเฮามากขึ้นไปอีก ท่านแม่เองก็รู้จักนิสัยของฮองเฮาดีนี่เจ้าคะ พวกฮูหยินใหญ่ไม่เชื่อฟังฮองเฮาอยู่บ่อยครั้ง ฮองเฮาเลยยิ่งฝากความหวังไว้กับท่านพี่ ตอนนี้ฮองเฮาเองก็อายุมากแล้ว ท่านแม่พูดดีทำดีกับฮองเฮาให้มากเสียหน่อย ถึงตอนนั้นฮองเฮาคงไม่คิดที่จะไม่ช่วยท่านพี่ของเราหรอกเจ้าค่ะ”
หลัวฮองเฮาเป็นคนชอบตัดสินใจทำอะไรเองคนเดียว เดิมทีก็ไม่พอใจเพราะจัดการควบคุมหลัวเหว่ยไม่ได้อยู่แล้ว แล้วยังมาเจอกับเรื่องของหลัวส่วงแบบนี้อีก กลัวเสียแต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะเลวร้ายลงกว่าเดิมซะมากกว่า
ในด้านหนึ่งก็ได้ออกหน้าว่าเข้าข้างหลัวฮองเฮาอย่างเต็มกำลัง แต่ในอีกด้านหนึ่งเอง ถ้าหากสามารถดึงวังบูรพาเป็นกองกำลังหนุนให้ได้จริงๆ ล่ะก็…แค่คิดฮูหยินรองหลัวก็ตื่นเต้นมากแล้ว พลางหันไปคุยกับหลัวเสียงอีก
“แล้วเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไรเล่า?”
“ข้ารึ?” หลัวเสียงดึงสติกลับมา โอบถ้วยชาเอาไว้ในมืออย่างใจลอย แล้วพูดขึ้นอย่างลังเลว่า “แต่นิสัยของท่านหญิงสวินหยางน่าจะต่อกรได้ยาก!”
“ข้าว่านางมีนิสัยเหมือนเด็กอยู่มากนัก…” ฮูหยินรองหลัวคิดแล้วพูดออกมา “เพียงแค่ยอมอ่อนข้อให้นางหน่อย แค่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนเดียวเอง อีกอย่างทั้งหน้าตา การศึกษาของเจ้าเองก็ไม่ได้แย่เลย”
หลัวเสียงหัวเราะ เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงกัดฟันพยักศีรษะ “ก็ได้! งั้นเดี๋ยวข้าจะลองดู!”
พูดตามตรง ตอนนี้เขาเองหาได้สนใจฉู่สวินหยางแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อนางทำประโยชน์ได้ อย่างไรก็แล้วแต่คงเป็นได้แค่หินรองเท้าเท่านั้น เขาจึงไม่คิดอะไรมาก
แม่ลูกสามคนต่างเห็นพ้องกับเรื่องนี้เป็นเสียงเดียวกัน
“ได้ ประเดี๋ยวแม่สั่งให้คนไปเตรียมของกำนัล แล้วเดินทางไปวังบูรพาทันที!” ฮูหยินรองหลัวตบน่องแล้วลุกขึ้นยืน
หลัวอวี่ก่วนเดินขึ้นนำเพื่อไปรั้งมารดาของตนไว้ “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านไปแต่ตัวก็พอแล้ว ตอนนี้เราอย่าเพิ่งเผยให้เขาเห็นความต้องการของเราเลย”
“หืม?” ฮูหยินรองหลัวสงสัย ส่งสายตาเป็นคำถามมองนาง
“เดี๋ยวเกิดปัญหาอื่นที่ไม่จำเป็นตามมาน่ะเจ้าค่ะ!” หลัวอวี่ก่วนตอบ เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย “เรื่องยิ่งใหญ่อย่างการแต่งงานออกเรือนแบบนี้ เดิมทีก็เป็นคำสั่งของพ่อแม่และคำเชิญชวนของแม่สื่อแม่ชักอยู่แล้ว หากท่านอยากทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ ไว้ค่อยไปขอให้ฮองเฮาประทานคู่ครองให้ก็ได้แล้ว ที่จริงก็ไม่เห็นจำเป็นต้องถ่อไปถึงวังบูรพาดูสีหน้าพวกเขาเลยเสียด้วยซ้ำ”
ถึงแม้นางจะไม่ค่อยได้คลุกคลีกับฉู่สวินหยางมากเท่าไรนัก แต่ผู้หญิงคนนั้นมักใหญ่ใฝ่สูง ไม่อาจทนการถูกมอง ข้าม อีกอย่างตอนนี้นางสองคนต่างก็เกลียดขี้หน้าอีกฝ่ายอย่างกับอะไรดี ไม่ต้องคิดก็รู้อยู่แล้วว่าฉู่สวินหยางไม่มีทางยอมแต่งงานเข้าบ้านนางแน่
ทว่าฮูหยินรองหลัวกลับงุนงงไม่เข้าใจ “แล้วเจ้าจะบอกให้แม่ไปหานางทำไม?”
แววตาของหลัวเสียงส่องประกาย เขาเข้าใจความหมายที่หลัวอวี่ก่วนต้องการจะสื่ออย่างรวดเร็ว ยืนขึ้นขยับชุดเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ความหมายของน้องคือ…ไปสร้างสถานการณ์สินะ?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ!” หลัวอวี่ก่วนยิ้มตอบ แต่ถ้าหากสังเกตดีๆ หางตาของนางกลับซ่อนความเย็นชาแฝงไว้
ตอนนี้ไปมาหาสู่กันให้บ่อยครั้งหน่อย ถึงแม้ว่าจะโบกมือทักทายกันอย่างผิวเผิน แต่ในสายตาคนนอกดูแล้วพวกเขาจะไปรู้อะไร? พวกเขารู้เพียงแต่ว่าฉู่สวินหยางกับครอบครัวฮูหยินรองหลัวของพวกเขานั้นเป็นมิตรกันดี แล้วเมื่อถึงเวลาค่อยขอให้หลัวฮองเฮาประทานนางให้เป็นคู่ครองก็พอ ถึงเวลานั้นถึงแม้ฉู่สวินหยางจะไม่อยากตอบรับ แต่…ในเมื่อมีการไปมาหาสู่ระหว่างกันเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งแบบนั้น นางเองก็คงปฏิเสธไม่ได้หรอก
คิดจะต่อกรกับนางคนนั้น ใช้วิธีปกติกับนางไม่ได้ ต้องเดินหมากอย่าให้นางรู้ตัวเท่านั้น
หลัวเสียงไม่ค่อยใส่ใจกับการแต่งงานครั้งนี้เท่าไรนัก เมื่อเป็นแบบนี้เขาเองก็ไม่ต้องวุ่นวาย ก็ได้แต่หวังให้เรื่องนี้สำเร็จแต่โดยดี
ฮูหยินรองหลัวนึกคิดคำนวณในใจอยู่ชั่วครู่ ก็เผยสีหน้ายินดีเห็นชอบออกมา แล้วพูดว่า “ความคิดนี้ไม่เลว! เสียงเอ๋อร์เจ้าเองก็ไปเตรียมตัวเสียเถิด เดี๋ยวอีกสักพักไปส่งแม่ที่วังบูรพาที”
ในเมื่อคิดจะเล่นละคร ฉะนั้นก็ต้องเล่นให้ถึงที่สุด การที่หลัวเสียงเข้าออกวังบูรพาอยู่บ่อยครั้ง หากเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นเมื่อไร อย่างน้อยตอนนั้นพวกเขาก็ยังพอมีหมากในมือเยอะขึ้นบ้าง
“ขอรับ!” หลัวเสียงหยักหน้า
จากนั้นสองแม่ลูกก็ไม่อยู่ให้เสียเวลา แยกย้ายกันออกไปเตรียมตัว
หลัวอวี่ก่วนเดินกลับมานั่งดื่มชาบนเก้าอี้ สีหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นโหดร้ายดุดัน…
ฉู่สวินหยางคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า?
คิดจะข่มขู่นางงั้นรึ?
หากบอกให้ท่านพี่สู่ขอนาง ถึงตอนนั้นเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไพ่ในมือของนางเหล่านั้นก็ไม่มีค่าอะไรอีกต่อไป
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว หลัวอวี่อก่วนจึงยิ้มออกมาอย่างสะใจ
———————————