สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 28.4 แผนการของหลัวฮองเฮา! (4)
“เจ้าคิดว่าข้าแก่เลอะเลือนแล้วหรือกระไร?” หลัวฮองเฮาเหลือบตามองนาง กล่าวด้วยเสียงเย็น แววตานั้นกลับวาววับเป็นอย่างมาก “แต่ว่าคำพูดของไฉ่เยว่นั้นก็มีเหตุผล ฝ่าบาทก็พระชนมายุมากแล้ว หลายปีมานี้ ข้าก็คงมิอาจดึงดันกับรัชทายาทต่อไปอีกแล้ว อย่างไร…อย่างไรก็เป็นแม่ลูกกัน!”
แม่นมเหลียงเมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนั้นก็ยิ่งไม่กล้าวางใจ “ฮองเฮาหมายความว่า…”
“แผนของคนแซ่เจียงไม่ใช่ว่าข้าจะดูไม่ออก เขาต้องการจะแต่งฉู่สวินหยางเข้าสกุล จากนั้นหยิบยืมอำนาจของวังบูรพาให้ลูกชายของเขามีตำแหน่งที่มั่นคง แผนการนี้ก็นับว่าไม่เลว” หลัวฮองเฮากล่าว มุมปากยกยิ้มขึ้นกลับแฝงความเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด “คนสกุลเจียงครั้งนี้นับว่าเสียแรงไปไม่น้อย หากเสียงเอ๋อร์สามารถแต่งกับสวินหยางได้จริงๆ แม้ว่าจะเพียงแค่เห็นแก่หน้าของเด็กคนนั้น ชายใหญ่ก็จะช่วยเหลือเขา แน่นอนว่านี่เป็นทางลัด”
หลังจากฮ่องเต้อายุร้อยปี ฉู่อี้อันก็จะขึ้นครองราชย์ หากหลัวเสียงสามารถเป็นลูกเขยที่เพียบพร้อมได้จริงๆ ทั้งยังมีตัวนางคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แม้จะไม่สามารถกุมตำแหน่งในจวนหลัวกั๋วกงได้ แต่อนาคตอย่างไรย่อมต้องไม่เลวร้ายอย่างแน่นอน
นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการยอมเหนื่อยครั้งเดียวเพื่อแลกกับความสบายในอนาคตข้างหน้า
“แต่องค์รัชทายาทก็ไม่แน่ว่าจะตอบตกลง!” แม่นมเหลียงกล่าวอย่างกังวล
แม้หลัวเสียงจะนับว่าไม่เลว แต่ว่าในบรรดาท่านชายของสกุลชั้นสูงของราชวงศ์กลับไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุด แม้จะถูกชะตาอย่างไร ทว่า…แต่ไหนแต่ไรฉู่อี้อันมักให้ความสำคัญกับความสามารถของผู้คนอย่างเข้มงวด อย่างไรเสียแปดส่วนก็คงจะไม่ถูกใจเขานัก
หากหลัวฮองเฮายกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด กลับยิ่งจะดันทุรังทำให้ความขัดแย้งระหว่างแม่ลูกร้ายแรงขึ้น
“ไม่ใช่พูดว่าอย่างไรคู่ครองของลูกก็ล้วนแต่เป็นคำสั่งจากพ่อแม่รึ?” หลัวฮองเฮาประกายสายตาวาบ แสงที่วาบนั้นกลับคล้ายว่าแฝงไปด้วยกลิ่นอายของแผนการบางอย่าง กล่าวอย่างดึงมุมปาก “คนแซ่ฟางไม่ใช่ว่ากลับมาแล้วหรอกหรือ? ตอนนี้ยังอยู่ในวังบูรพากระมัง?”
“ใช่เพคะ!” แม่นมเหลียงตอบกลับ “กลับมาร่วมพิธีปักปิ่นของท่านหญิงสวินหยาง คงจะพำนักอยู่ที่วังบูรพาชั่วคราว ไม่ทราบแน่ชัดว่าจะจากไปเวลาไหนเพคะ”
“พรุ่งนี้เช้าตรู่ประกาศรับสั่งให้นางเข้ามาหาข้าในวัง!” หลัวฮองเฮากล่าว ท่าทีเยือกเย็นนั้นทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แม่นมเหลียงเห็นสีหน้านั้นของนาง ในใจจึงเต้นแรงกระหน่ำ “ความหมายของฮองเฮาคือ”
หลัวฮองเฮาหัวเราะออกมา ก้มศีรษะเล่นเครื่องเล็บเคลือบทองที่มือ “นางเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของฉู่สวินหยาง เรื่องของงานแต่งงานหากนางเห็นด้วยก็ย่อมเหมือนกัน”
อกของแม่นมเหลียงบีบรัดแน่น อดไม่ได้ที่จะตกใจ
หลัวฮองเฮาควบคุมฉู่อี้อันไม่ได้ แต่ว่าลูกพลับต้องรีบเด็ดตั้งแต่ยังอ่อน[1] คนแซ่ฟางก็เป็นลูกพลับอ่อนนั้นอย่างแท้จริง
ตั้งแต่แรกนางบีบบังคับให้ฉู่อี้อันส่งคนแซ่ฟางออกไป ฉู่อี้อันกลับไม่รับปาก แต่คนแซ่ฟางกลับนั่งคุกเข่าทั้งวันทั้งคืนอยู่หน้าห้องหนังสือของเขาอย่างเงียบๆ ท้ายที่สุดก็ไปกระตุ้นความโมโหเข้า ฉู่อี้อันจึงเนรเทศนางออกไป
อีกทั้งเพราะเรื่องนี้ หลายปีที่ผ่านมาฉู่อี้อันจึงไม่ได้พบกับนางอีก
หลัวฮองเฮานั้นแทบจะมั่นใจ หากนางเพียงแค่ยกเรื่องนี้ขึ้นมา คนแซ่ฟางจะต้องตอบรับงานแต่งงานนี้โดยแน่
พอถึงเวลานั้น คำสั่งของพ่อแม่ก็มีแล้ว งานแต่งงานก็ต้องจัดขึ้น และหากฉู่อี้อันเกิดไม่พอใจกับเรื่องนี้ขึ้นมา ก็ทำได้เพียงไปคิดบัญชีกับคนแซ่ฟางเท่านั้น ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายก็มีแต่จะต้องเลวร้ายมากขึ้น
เป็นไปได้อย่างที่สุดว่า…
ครั้งนี้ฉู่อี้อันจะพาลโกรธขุ่นเคือง ไม่สามารถทนกับคนแซ่ฟางได้อีกต่อไปแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่เพียงแต่สามารถช่วยให้หลัวเสียงสมารถแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับวังบูรพา ในขณะเดียวกันก็สามารถจัดการคนแซ่ฟางที่เป็นดั่งตะปูในตาออกไปได้ด้วย
หลัวฮองเฮาเมื่อคิดเช่นนี้ ก็ฉีกยิ้มอย่างรู้สึกพึงพอใจ
“แต่ว่าองค์รัชทายาท…” แม่นมเหลียงยังคงเป็นกังวลในใจ
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเขา” หลัวฮองเฮากล่าว
ต่อให้ฉู่อี้อันรู้เรื่องราวทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของนางแล้วอย่างไรเล่า? หญิงข้างกายของเขาสามารถเปลี่ยนได้ง่ายๆ ทว่าตำแหน่งแม่ของตนนั้นกลับไม่สามารถสั่นคลอนได้ หากเป็นปีก่อนหน้านี้นางอาจจะไม่สามารถใช้คนแซ่ฟางได้ แต่ว่าตอนนี้ความรู้สึกของลูกชายกับคนแซ่ฟางก็จืดจางลงมาแล้ว
อีกทั้งอย่างไรความสัมพันธ์แม่ลูกของพวกเขาก็เป็นเช่นนี้แล้ว หากจะเลวร้ายลงไปกว่าเดิมแล้วจะอย่างไร?
แม่นมเหลียงเมื่อเห็นว่าไม่อาจหยุดนางไว้ได้จึงตอบรับ ก่อนจะประกาศรับสั่งออกไป
วังบูรพา
ตั้งแต่ต้น คนแซ่ฟางไม่ได้มีแผนที่จะพำนักที่วังบูรพาอยู่นาน เพียงแค่เพราะว่าประจวบเกิดเรื่องขึ้นกับฉู่เยว่เหยา
ฉู่อี้อันจึงอารมณ์ไม่ดี นางก็ไม่ได้ไปรบกวนอะไร ตัดสินใจจะนอนที่นี่อีกคืนหนึ่ง แต่ก็ได้บอกล่วงหน้าให้แม่นมฉางจัดสัมภาระไว้ เพื่อให้พรุ่งนี้ยามเช้าจะได้เตรียมตัวกลับไปยังอารามเมตตา
ดังนั้นวันนี้เช้าตรู่ จู่ๆ ก็ได้ยินว่าฮองเฮามีรับสั่งให้เข้าเฝ้า นางจึงยังตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เวลานี้รถม้าพร้อมทั้งสัมภาระล้วนตระเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว หนีอันขุยกลับขวางอยู่หน้าประตูจวนด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง
ฉู่ฉีเฟิงไปว่าราชกิจยังไม่กลับมา จึงเป็นฉู่สวินหยางและฮูหยินใหญ่ที่ออกมาส่งนาง
คนแซ่ฟางและหลัวฮองเฮาเปรียบดั่งน้ำมันกับไฟที่มิอาจอยู่ร่วมกันได้ จุดนี้ทุกคนล้วนทราบดี ปีที่ผ่านมาหลัวฮองเฮาล้วนแต่ชิงชังนางมาโดยตลอด เวลานี้ จู่ๆ ก็รับสั่งให้ไปเข้าเฝ้า จึงทำให้หลายคนยากที่จะเข้าใจ
“นี่…” ฮูหยินใหญ่มีท่าทีเป็นกังวล
แต่ว่าเป็นรับสั่งของฮองเฮา ใครจะกล้าปฏิเสธเอาชีวิตไปทิ้ง
ฉู่สวินหยางก็คิดว่าเรื่องนี้ผิดปกติเช่นกัน จึงขมวดคิ้วขึ้นแผ่วเบา
คนแซ่ฟางได้สลับเปลี่ยนเป็นชุดเรียบง่ายอย่างทุกทีไปแล้ว เวลานี้กลับเห็นนางผงกศีรษะด้วยท่าทีเรียบนิ่งที่สุด “เข้าใจแล้ว ขอท่านได้โปรดรอสักครู่ ข้าจะกลับไปเปลี่ยนชุดเสียก่อนแล้วจะออกมา”
“เชิญพระชายารองตามประสงค์!” หนีอันขุยกล่าวพลางก้มศีรษะเล็กน้อย
ในใจของแม่นมฉางหนักอึ้ง พยุงคนแซ่ฟางกลับเข้าไปเปลี่ยนชุดโดยพลัน ฉู่สวินหยางขบคิดสักพักก็ตามเข้าไปด้วย
คนแซ่ฟางราวกับคาดไม่ถึงอยู่บ้าง เข้าไปในเรือนก็หันกลับมาเหลือบมองนางอย่างเยียบเย็น พูดว่า “มีอันใดหรือ?”
“จริงๆ แล้ว…” ฉู่สวินหยางขบริมฝีปาก คนสองคนแม้ได้ชื่อว่าเป็นแม่ลูกกัน ทว่ากลับมีความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกันมาตลอด โดยเฉพาะหลังจากที่ฉู่สวินหยางรู้ถึงตัวตนของนางเองเมื่อชาติที่แล้ว ในตอนที่เผชิญหน้ากับคนแซ่ฟางอีกครั้งจึงยิ่งรู้สึกทำตัวไม่ถูก
ไม่ว่าเมื่อใดนางก็สงบนิ่งมาตลอด เวลานี้กลับทนไม่ได้ที่จะเบนสายตาไปด้านข้าง กล่าวขึ้น “หากท่านแม่รีบ จริงๆแล้วก็ไม่ต้องไปก็ได้ กลับไปข้าจะเข้าวังไปกับหนีอันขุยเพื่ออธิบายให้เสด็จย่าฟังก็เพียงพอแล้ว”
อย่างไรหลัวฮองเฮากับนางก็ไม่ถูกกันอยู่แล้ว ไม่สนใจทั้งยังเป็นที่ขัดหูขัดตา อย่างมากก็แค่หลังจากนี้จะสร้างความอึดอัดใจกันไปมาบ่อยครั้งเท่านั้น
คนแซ่ฟางยังคงเผยท่าทีเรียบนิ่งเหลือบมองนางทีหนึ่ง ก่อนจะปฏิเสธไป “แค่เรื่องเล็กน้อย เหตุใดจะต้องทำเรื่องให้วุ่นวายใหญ่โต?”
พูดจบก็หมุนกายเดินกลับเข้าไปยังในห้อง
ไม่ว่าจะแม่ลูกบ้านไหน ลูกสาวปกป้องขนาดนี้ อย่างน้อยนางก็ควรจะซาบซึ้งใจอยู่บ้าง ทว่าท่าทีของชายารองนั้น…
แม่นมฉางทอดถอนหายใจ กล่าวอย่างลำบากใจกับฉู่สวินหยาง “ที่พระชายาทำเช่นนั้นก็เพราะไม่อยากสร้างความลำบากให้กับท่านหญิง ท่านหญิงก็รู้จักนิสัยของนางดี ท่าน…”
เพราะว่าไม่ใช่แม่ลูกที่แท้จริง ทั้งสามีของนางยังหยิบยืมชื่อของนางมาเลี้ยงลูกสาวของผู้อื่นด้วยความรักจอมปลอม คนแซ่ฟางมีท่าทีกับนางเช่นนี้ก็นับว่าเกรงใจมากแล้ว
ฉู่สวินหยางยิ้มอย่างขมขื่น ใบหน้ากลับไม่เผยให้เห็นอย่างชัดเจน เพียงแต่กล่าวพลางยิ้มไป “ข้าเข้าใจ!”
พูดจบก็ไม่มากความอีก นางหมุนกายก่อนจะเดินออกไป
ด้านของคนแซ่ฟางเปลี่ยนเป็นชุดทางการแล้วจึงนั่งรถม้าเข้าวังไปเข้าเฝ้าหลัวฮองเฮา
———————————–
[1] ลูกพลับต้องรีบเด็ดตั้งแต่ยังอ่อน อุปมาว่า หากจะกลั่นแกล้งก็ต้องเลือกผู้ที่อ่อนแอ จึงจะสำเร็จโดยง่าย