สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 30.4 ใครโหดเหี้ยมกว่ากัน? (4)
“มีเรื่องอะไรอีก?” ฮ่องเต้ตรัสถามอย่างไม่ชอบใจ
“ฝ่าบาท…” หลัวฮองเฮากำลังเหม่อลอย พลันได้ยินเสียงก็เด้งตัวขึ้นมา กระโจนเข้าหาเพื่อร้องทุกข์
“ถวายพระพรเสด็จปู่เพคะ!” ฉู่สวินหยางพูดขัด เสียงสูงปรี๊ดนั่นก็ใช้เพื่อปิดปากหลัวฮองเฮาโดยเฉพาะ
ตอนนั้นเองหลี่รุ่ยเสียงได้จังหวะจึงเดินเข้ามา เอ่ยเสียงต่ำว่า “ฝ่าบาท ที่วังของฮองเฮามีคนตายสองคน แต่ท่านหญิงสวินหยางอ้างว่า…”
เขาพูดไป พลางใช้หางตาเหลือบมองฉู่สวินหยางด้วยความไม่แน่ใจทีหนึ่ง
ฉู่สวินหยางจึงก้าวออกไปข้างหน้า เอ่ยว่า “กราบทูลเสด็จปู่ อาการของสองคนนี้เหมือนกับตอนที่ท่านแม่พิษกำเริบทุกประการ หลานให้คนไปตามหมอหลวงมาแล้วเพคะ”
คิ้วของฮ่องเต้กระตุกเบาๆ สายตาเย็นเยียบตวัดไปมองหลัวฮองเฮาทีหนึ่ง
ชายารองหลัวไม่มีแรงจูงใจที่จะทำร้ายคนแซ่ฟาง อีกอย่างตอนที่หลี่รุ่ยเสียงไปตามคนก็ถือโอกาสตรวจสอบดูแล้ว เทียบเชิญสองฉบับนั้นไม่ได้มาจากสกุลหลัว…
ตอนนั้นเพราะคิดถึงหน้าตาของทุกฝ่าย เขาถึงผลักเรือตามน้ำโยนทุกอย่างให้ชายารองหลัว แต่ในใจกลับเชื่อมั่นว่า…
ทุกอย่างเป็นแผนการร้ายของสตรีที่ไร้ความเมตตาอย่างหลัวฮองเฮา
หลัวฮองเฮาย่อมรู้ถึงจุดนี้ดี ถึงได้ร้องลั่นเหมือนถูกคนเหยียบหาง
“เจ้าเหลวไหล อาการเหมือนกันอย่างไร คนแซ่ฟาง…”
นางเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
วันนี้นางเจอคนแซ่ฟาง เมื่อครู่ยังเพิ่งถูกตราหน้าว่าเป็นคนวางยาพิษทำร้ายคนแซ่ฟาง
หลัวฮองเฮาชะงักกึก ฉับพลัน หมอหลวงทั้งสามจากสำหนักหมอหลวงก็กระวีกระวาดมาถึงที่ด้านนอกแล้ว
“ถวายพระพรฝ่าบาท ฮองเฮา ท่านหญิงสวินหยางพ่ะย่ะค่ะ!”
ทั้งสามย่อเข่าคารวะ
สีหน้าของฮ่องเต้ดำคล้ำ ยืนมือไพล่หลังอยู่ตรงนั้น สายตาจ้องที่หออุ่นซึ่งห่างไปไม่ไกลเท่าไร ปากถูกเม้มเป็นเส้นตรง แต่กลับไม่แสดงท่าที คล้ายว่ากำลังประเมินบางอย่าง…
หลัวฮองเฮาเป็นภรรยาที่ผูกผมร่วมกับเขา หากการตรวจสอบครั้งนี้ชี้ชัดว่านางทำร้ายคนแซ่ฟางจริง เขาก็คงไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยนางไว้อีก แต่ถ้าหลักฐานชี้ว่าไม่ใช่นาง…
เขาก็คงจะถูกตำหนิต่อว่า ได้ชื่อว่าเป็นผู้ไร้รัก ไร้หัวใจ
สำหรับเขาแล้ว ล้วนเป็นตัวเลือกที่ยากไม่ต่างกัน
ฉู่สวินหยางเข้าใจความคิดของเขาทั้งหมด แต่ว่าโอกาสส่งมาถึงหน้าประตูแล้วนางย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือ จึงก้าวออกไปข้างหน้า เอ่ยว่า “เสด็จปู่ ชายารองหลัวเสียชีวิตแล้ว เบาะแสจึงถูกตัดขาด แม้สวินหยางจะเจ็บปวดแทนท่านแม่ แต่ย่อมไม่อาจให้เสด็จย่าถูกคนวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่รู้ดำรู้ขาว และเพื่อจะลบล้างข้อสงสัยนี้แทนเสด็จย่า จึงขอให้เสด็จปู่เป็นพยาน ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง!”
นางกล่าวจบ ก็ทิ้งตัวคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้
หลัวฮองเฮาเห็นท่าทางหนักแน่นจริงใจของนางก็ยิ่งร้อนรน เอ่ยเสียงเครือว่า “เจ้า…”
ฉู่สวินหยางคุกเข่าหลังตรงแน่วอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ สายตามองตรงไปที่พระองค์ ไม่สบตาใครอื่นอีก
ฮ่องเต้จ้องตานางกลับด้วยแววตาโหดเหี้ยม
ต่อหน้าธารกำนัล เด็กคนนั้นยังดันทุรังให้เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด เขาก็ไม่อาจปฏิเสธ เพียงแต่ว่า…
“ตรวจ!” ฮ่องเต้ตรัสเพียงหนึ่งคำด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ฝ่าบาท!” หลัวฮองเฮาร้องคร่ำครวญ ถลาเข้าไปดึงชายเสื้อของเขาไว้แน่น “ฝ่าบาททรงเชื่อวาจาเหลวไหลของเด็กนั่นหรือเพคะ? ฝ่าบาทคิดว่าหม่อมฉันเป็นคนวางยาพิษนังชั้นต่ำจริงๆ หรือ? พวกเราเป็นสามีภรรยากันมากี่ปี มันเทียบไม่ได้กับวาจาว่าร้ายสองประโยคนั่นเลยหรือเพคะ?”
สายตาของนางเต็มไปด้วยความปวดร้าวและวิงวอน
สายตาของฮ่องเต้กลับมีเงาแสงวาบผ่าน
ฉู่สวินหยางเอ่ยต่อว่า “หม่อมฉันก็ไม่อยากจะเข้าใจเสด็จย่าผิด ถึงได้ให้คนตรวจสอบให้ชัด เพื่อคืนความยุติธรรมแก่พระองค์อย่างไรเล่าเพคะ!”
หลัวฮองเฮาถูกวาจาของนางอุดปากอีกครั้ง สายตาที่มองมายิ่งอำมหิต
เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ฮ่องเต้ทรงแสร้งทำทีไม่รับรู้ ตรัสซ้ำว่า “ไปตรวจสอบเสีย!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” หมอหลวงทั้งสามต่างสะพายล่วมยาเข้าไปที่หออุ่น
ฉู่สวินหยางเอ่ยทักว่า “ตรวจสอบขวดกระเบื้องให้ดี ก่อนหน้านี้ใต้เท้าเหยียนหลิงบอกว่าพิษถูกผสมอยู่กับน้ำมันสะระแหน่ ท่านหมอทุกคนระวังตัวด้วย”
“ขอรับ!” ท่านหมอหูผู้เป็นหัวหน้ารับคำ ขบคิดเล็กน้อยก่อนจะล้วงผ้าสี่เหลี่ยมผืนเล็กออกมาชุบน้ำแล้วปิดจมูกก่อนจะเข้าไป
หมอทั้งสามยุ่งจนหัวหมุน เริ่มจากตรวจสอบของเหลวที่เหลืออยู่บนแผ่นกระเบื้องก่อน จากนั้นจึงตรวจสอบศพของแม่นมเหลียงกับไฉ่เยว่
หลัวฮองเฮามั่นใจอย่างยิ่งว่าละครฉากนี้จะใช้มัดตัวนาง แต่ก็เจ็บใจที่ไร้ทางหนี ได้แต่ยืนดูอยู่แบบนั้น
หลังจากที่คนทั้งสามตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ก็ถอยหลังออกมาอย่างนอบน้อม
“เป็นอย่างไร?” ฮ่องเต้ตรัสถามเสียงเย็น
หมอหลวงหูคุกเข่าลงเป็นคนแรก หางตาเหลือบไปทางหลัวฮองเฮา แต่ไม่ได้รีบร้อนตอบความ
ฮ่องเต้เห็นปฏิกิริยาของเขาก็สะท้านในใจ แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า เพียงตรัสว่า “ตอบตามความจริง!”
“ทั้งสองสูดพิษที่ระเหยอยู่ในอากาศเข้าไปจนทำให้ถึงแก่ชีวิตจริงพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งพิษนี้…” หมอหลวงหูชะงักกลางคัน ผ่านไปครู่หนึ่งถึงกัดฟันแล้วใช้สองมือประคองเศษกระเบื้องขึ้นมา ของเหลวระเหยจนแห้งเหลือทิ้งไว้เพียงผงสีขาวจำนวนหนึ่งติดค้างอยู่บนผิวกระเบื้อง “พิษนี้…เป็นประเภทเดียวกันกับพิษที่ใต้เหยียนเหยียนหลิงนำเข้าวังมาก่อนหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่มีทาง!” ร่างของหลัวฮองเฮาโงนเงน แล้วกรีดร้องออกมาในทันใด
“เทียบเชิญสองฉบับนั่นหม่อมฉันก็ได้ร่วมตรวจสอบด้วย หมอหลวงอีกสองท่านก็เช่นกัน หากฝ่าบาทยังแคลงพระทัยก็สามารถเรียกให้คนอื่นมาตรวจสอบซ้ำได้ ไม่มีทางผิดเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงหูตอบ พยายามก้มหน้างุดๆ ไม่กล้าสบตา
ผู้ร้ายคือฮองเฮา ให้พวกเขาชี้นิ้วใส่ซึ่งๆ หน้า ใครไม่รู้สึกกดดันบ้างเล่า?
“เสด็จปู่! โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ท่านแม่ด้วยเพคะ!” ฉู่สวินหยางเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง เสียงดังยิ่ง
หลัวฮองเฮาสีหน้าไร้เลือด ซวนเซก้าวถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง
ฮ่องเต้มีสีหน้าคร่ำเคร่ง เอาแต่จ้องศพที่อยู่ในหออุ่น ไม่สนใจใคร
“ฝ่าบาท ไม่ใช่ฝีมือหม่อมฉันนะเพคะ!” หลัวฮองเฮาได้สติ พลันโถมตัวลงแทบเท้า ดึงชายเสื้อของเขา เอ่ยทั้งน้ำตาว่า“ฝ่าบาท นี่เป็นกับดักนะเพคะ หม่อมฉันไม่รู้เรื่องพิษอะไรทั้งสิ้น ไม่เคยเห็นขวดนั้นด้วยซ้ำ มีคนใส่ร้ายหม่อมฉัน พระองค์อย่าได้ถูกพวกมันตบตา!”
“อ้อ? มีคนใส่ร้ายเจ้า?” ฮ่องเต้ตรัสเสียงเบา สีหน้าแยกแยะอารมณ์ไม่ออก
ท่าทางของเขาในตอนนี้ แสดงถึงความเกลียดชังที่ไร้ใดเปรียบแล้ว
หัวใจของหลัวฮองเฮาเต้นระรัว ขนทั่วร่างลุกพรึบ หันขวับไปมองฉู่สวินหยางอย่างคนสติหลุด ตวาดเสียงกร้าว
“สวินหยาง! ต่อให้เจ้าไม่พอใจงานหมั้นหมายที่ข้าจัดให้ เจ้ามาพูดกับข้าก็สิ้นเรื่องแล้ว เจ้าเอาชีวิตของมารดามาล้อเล่น ทั้งยังให้คนมาใส่ความข้า? นังเด็กคนนี้ เจ้าช่างใจดำอำมหิตเสียจริง!”
ฉู่สวินหยางเบิกตากว้างอย่างตกใจ เอ่ยอย่างไม่คิดฝันว่า “เสด็จย่าทรงตรัสวาจาเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? ต่อให้คิด
จะโยนบาป ก็ควรหาข้อแก้ต่างที่ฟังขึ้นหน่อยสิเพคะ! ใครๆ เขาก็รู้ว่าท่านแม่เกิดเรื่องระหว่างเดินทางกลับ ตัวหม่อมฉันคอยนางอยู่ที่วังบูรพา จะเล่นลูกไม้อะไรได้? อีกอย่าง…ทรงตรัสว่าหม่อมฉันโกรธแค้นพระองค์? นี่ยิ่งไม่เข้าท่าไปใหญ่ ก่อนหน้านี้ตัวหม่อมฉันไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าพระองค์เรียกท่านแม่เข้าวังด้วยเรื่องอันใด แล้วหม่อมฉันจะเตรียมการล่วงหน้าได้หรือเพคะ?”
“เจ้ากับนังชั้นต่ำแซ่ฟางก็มีกำพืดเดียวกัน พวกเจ้ารวมหัวกันมา!” หลัวฮองเฮาตวาดก้อง
ฉู่สวินหยางได้แต่เม้มริมฝีปากราวกับถูกป้ายสี
เดิมคนแซ่ฟางจะกลับอารามเมตตาตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว จะเอาเวลาที่ไหนมาเตรียมตัวเพื่อร่วมมือกับฉู่สวินหยาง?
————————————