สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 5.4 ข้าอนุญาตให้เจ้าทอดทิ้งข้าได้ทุกเมื่อ! (4)
สองคนพลอดรักกัน เหยียนหลิงจวินเองก็ทำอย่างระมัดระวัง ไม่กล้ารุกมากจนเกินไป
ดรุณีน้อยคนนี้ ทั้งๆ ที่แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่ายอมให้เขาทำตามใจชอบ ไม่ยอมให้คนอื่นยุ่มย่ามแท้ๆ แต่ถ้าเขาคิดทำตามใจชอบขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวนางจะรับไหวหรือไม่
“ซินเป่า!” ลมหายใจของเหยียนหลิงจวินแฝงไปด้วยเสียงหอบเล็กน้อย เขากระแอมแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าถ้าข้าไปวังบูรพาสู่ขอเจ้ากับท่านพ่อของเจ้า จะมีโอกาสสำเร็จสักเท่าใดเชียว?”
เดิมทีฉู่สวินหยางจิตใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่แล้ว พอได้ยินคำพูดดังนั้นเข้า ก็ตกใจจนเงยหน้าขึ้นมองเขา
คำพูดนี้พูดขึ้นอย่างกะทันหัน เหยียนหลิงจวินรู้อยู่แล้วว่านางจะมีท่าทีเยี่ยงนี้ จึงหัวเราะพูดขึ้นกึ่งทีเล่นทีจริงว่า “ทำไม? ตกใจงั้นเหรอ?”
ฉู่สวินหยางตกใจจริงๆ นางยอมรับว่าตัวเองไม่ได้เกลียดเขา และก็ไม่เคยคิดรังเกียจการแตะเนื้อต้องตัวของเขาเลยแม้แต่นิด แต่อยู่ดีๆ ก็พูดถึงเรื่องการแต่งงานออกเรือนแบบนี้…
เรื่องแบบนี้ ไม่ว่าจะชาติที่แล้วหรือชาตินี้นางก็ไม่เคยคิดถึงเลยสักครั้ง
พอนางคิดแบบนั้น จึงเอ่ยปากตอบขึ้นมาตามจริงว่า “ข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้น!”
ใบหน้าเหยียนหลิงจวินชะงักไปเล็กน้อย จู่ๆ ก็รู้สึกโมโหขึ้นอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็มีเพียงแค่ชั่ววูบเดียวเท่านั้น จากนั้นมุมปากของเขาก็ยิ้มขึ้นอีกครั้ง ลุกขึ้นนั่งแล้วโอบตัวนางให้นอนลงบนตักของเขา
เขาค่อยๆ ใช้นิ้วมือช่วยหวีเส้นผมนุ่มยาวสยายของนาง ทำจิตใจให้สงบแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “ทำไมหรือ?”
ผู้หญิงแบบนาง ต้องไม่ได้เข้าใกล้ชิดเขาเพียงเพื่อขอหยิบยืมอำนาจความช่วยเหลือจากเขาเป็นแน่ และเขายืนยันที่จะเลือกแล้วว่าต้องเป็นนางคนเดียวเท่านั้น ทั้งยังคิดถึงเรื่องในอนาคตข้างหน้าแล้วด้วย แต่จู่ๆ กลับโดนนางปฏิเสธออกมาอย่างชัดเจนแบบนี้ ทำให้เขายิ่งรู้สึกโกรธโมโหมากกว่าเดิม
ฉู่สวินหยางนอนหนุนตักเขาอยู่ตรงนั้น เพียงแค่นางลืมตาขึ้นก็เห็นใบหน้าของเขา
เขาตั้งใจหลบสายตาคู่นั้นไป ถึงแม้ท่าทางจะไม่ได้ชัดเจน แต่นางกลับรู้สึกได้…
ดูท่าเขาจะ…
ไม่ค่อยชอบใจเท่าไร
“ไม่รู้สิ!” ฉู่สวินหยางตอบพลางเม้มปาก เบนสายตาหนีออกจากใบหน้าของเขา มองไปยังท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ “ข้าคิดว่าตอนนี้ที่เป็นอยู่ก็ดีแล้ว ทำไมต้องลำบากไปคิดถึงอนาคต แล้วทำลายชีวิตความเป็นอยู่ในตอนนี้ด้วยก็แค่นั้น?”
“อนาคตที่ว่าไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปได้หรอก มีปัจจัยหลายสิ่งหลายอย่างที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้” เหยียนหลิงจวินขมวดคิ้ว ใช้นิ้วมือค่อยๆ ลูบไล้ไปบนใบหน้าของนาง “ซินเป่า ไม่ว่าเจ้าหรือข้า พวกเราเองจะหยุดอยู่แบบนี้ ไม่คิดพัฒนาสานต่อไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้ ข้าอยากสร้างอนาคตกับเจ้า ข้าเองก็ต้องการความร่วมมือจากเจ้า แต่เจ้าทำแบบนี้…”
เขาพูดพลางหัวเราะขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ไปพลาง
หากเขาไม่ได้รับแม้กระทั่งการพยักหน้าเห็นด้วยจากนาง ถึงภาพในอนาคตที่มีนางอยู่ด้วยมันจะดีเลิศหรูแค่ไหน แล้วมันจะไปมีความหมายอะไร?
ฉู่สวินหยางดึงมือหนาของเขามา กุมฝ่ามือของเขาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังส่ายศีรษะ “อนาคตของข้าไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้า ข้าจะจัดการมันด้วยตัวเอง ส่วนเจ้า…”
เหยียนหลิงจวินชะงักนิ่งค้างไป สีหน้ามืดมนลงไปเยอะพอสมควรอย่างไม่รู้ตัว
ฉู่สวินหยางดึงฝ่ามือของเขาเข้ามาวางแนบบนใบหน้าของนาง
ความรู้สึกอบอุ่นจากมือหนาข้างนั้น ช่างทำให้สบายใจเหลือเกิน
นางยิ้มขึ้น น้ำเสียงยังคงเต็มไปด้วยความตั้งใจอย่างแท้จริง “หากมีวันหนึ่ง สุดท้ายแล้วเจ้าก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะไม่มีพันธะใดผูกพัน แบบนี้ไม่ดีกว่างั้นหรือ?”
เขาจะบอกว่าเขายอมอยู่เพื่อนาง เป็นเหยียนหลิงจวินไปตลอดชั่วชีวิต
ถึงแม้คำมั่นสัญญานี้มันจะอบอุ่นสักเพียงใด แต่กลับทำให้คนฟังรู้สึกได้รับภาระอันหนักอึ้ง
“เจ้าไม่เชื่อข้างั้นหรือ?” เงียบเสียงไปนาน เหยียนหลิงจวินฝืนเอ่ยปากถามขึ้นด้วยความกดดัน
“ไม่ ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า!” ฉู่สวินหยางกล่าว “แต่ว่า…ข้าไม่คู่ควรที่จะรับปากคำมั่นสัญญานั้น”
ทุกวันนี้นนางใช้พลังกายและพลังใจทั้งหมดไปกับท่านพ่อและท่านพี่ของตนแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เหยียนหลิงจวินมอบให้ นางไม่กล้ารับปากว่าจะตอบแทนได้ ถึงแม้ตัวนางเองยังแยกไม่ออกว่า ความรู้สึกคิดถึงและความรู้สึกดีที่นางมีต่อเขานั้น มันคือความรักระหว่างชายหญิงหรือเปล่า แต่ว่า…
ในขณะที่ตัวนางเองก็ยังไม่สามารถตอบแทนให้เขา เหมือนอย่างที่เขามอบให้นางโดยไม่พะวงถึงผลที่ตามมาแบบนี้ มันไม่ยุติธรรมแก่ตัวเขาเสียเท่าไร
หนี้บุญคุณ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บุญคุณความสัมพันธ์ของคนรัก ครอบครัว หรือว่าอย่างอื่น สิ่งที่นางกลัวที่สุดก็คือการรับผิดชอบ นางไม่อยากติดค้างบุญคุณคนอื่น
เพราะฉะนั้นสิ่งที่นางรับปากให้สัญญากับเขาได้ ก็มีเพียงแค่ความอิสระก็เท่านั้น…
เมื่อเขายินยอมที่จะอยู่กับนาง ก็อยู่ด้วยกันได้อย่างไม่ต้องคิดมาก แต่หากมีวันหนึ่งเขาอยากเดินจากไป…
สิ่งที่นางมอบให้เขาได้นั้นก็คือการปล่อยมือจากลาได้ทุกเมื่อ
แววตาของนางยิ้ม ทว่าสีหน้ากลับเผยให้เห็นความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจปกปิดไว้ได้
อารมณ์ของเหยียนหลิงจวินไม่คงที่ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเสียใจหรือโกรธ เขาจ้องมองแววตาของนางอย่างเนิ่นนาน ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่ารอยยิ้มของนางนั้น มันช่างเป็นรอยยิ้มที่เจ็บปวดทรมานใจเหลือเกิน
“ข้าไม่ต้องการให้เจ้ารับปากสิ่งใดกับข้า ซินเป่า ขอเพียงแค่เจ้าอยู่ข้างกายข้าก็พอ ข้า…” เหยียนหลิงจวินเอ่ยปาก
“เหยียนหลิง อย่าถามข้าเรื่องอนาคตอีกได้หรือไม่?” ฉู่สวินหยางไม่ตอบคำถามเขา แถมยังพูดแทรกเขาอีกด้วย
หากทั้งสองคนตกลงปลงใจอยู่ด้วยกันไปตลอด ดูแล้วนั่นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่หากอยู่ด้วยกันไปตลอดทางไม่ได้เล่า ใครจะไปรู้ว่าในแผนการในความคิดของอีกฝ่ายจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเลยเล่า?
ไม่แน่เขาอาจจะรักษาคำมั่นสัญญานั้นไว้ได้ ทอดทิ้งบ้านเมืองและแคว้นของตน แล้วมีชีวิตอยู่เพื่อนางคนเดียว
แต่ว่านาง…
ไม่มีทางทอดทิ้งท่านพ่อและท่านพี่ของตนเอง ไปอยู่ในที่ที่มีแต่เขาคอยปกป้องนางอยู่แบบนั้นได้หรอก
เส้นทางที่นางต้องการก้าวผ่าน เป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยอำนาจกลอุบายที่ต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต ไม่แน่ตัวนางเองอาจต้องกลายเป็นหนึ่งในเถ้ากระดูกสีขาวที่กลายเป็นเบี้ยล่างของคนอื่นก็เป็นได้
ในเมื่อเป็นคนแบบนี้ นางจะกล้ารับปากให้คำมั่นสัญญาคนอื่นว่าจะสร้างอนาคตด้วยกันตราบชั่วฟ้าดินสลายได้เยี่ยงไร?
นิ้วมือของนางเชยคางของอีกฝ่ายขยับขึ้นไปมา จากนั้นใช้มือโอบรอบคอของเขาไว้ ดึงลำคอของเขาลงต่ำ ค่อยๆ บรรจงจูบลงบนริมฝีปากของเขา
ช่างเป็นการสัมผัสที่แผ่วเบายิ่งนัก
ในค่ำคืนที่ลมหนาวโพยพัด ทำให้ริมฝีปากนั้นเย็นเล็กน้อย
ภายใต้การสัมผัสเบาบางนั้น จู่ๆ ร่างกายของเหยียนหลิงจวินก็กระตุกขึ้นอย่างไม่อาจบังคับได้
“เจ้าต้องการอยู่เคียงข้างข้านานเท่าไรก็ได้ แต่ว่า…ข้าอนุญาตให้เจ้าทอดทิ้งข้าได้ทุกเมื่อ!” นางจ้องมองเขาด้วยแววตาจริงจัง ดวงตาโค้งมนเผยให้เห็นรอยยิ้มสวยงาม
ไม่มีแม้กระทั่งความโดดเดี่ยวอ้างว้าง ทว่ากลับสดใสงดงามจนทำให้คนตกใจ
เหยียนหลิงจวินกำลังจะเอ่ยปากค้านขึ้น ‘ข้าไม่มีวันทอดทิ้งเจ้า’ แต่ตอนนั้นนางก็คลายมือออกแล้วพลิกตัวลุกขึ้น สองมือโอบรอบเอว ซุกหน้าอยู่ในอ้อมอกของเขา
มือของเหยียนหลิงจวินที่เคยวางอยู่บนขมับของนาง ค้างอยู่กลางอากาศจนโดนลมหนาวเย็นโชยพัดจนแข็งทื่อ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย หาจังหวะที่เหมาะสมพูดทำลายบรรยากาศความเงียบงันตรงหน้าออกมาไม่ได้เสียที
นางวางตำแหน่งตัวเองไว้แบบนั้น ให้เขาคิดอยากไขว่คว้าเมื่อไรก็ย่อมได้ แต่ทว่ากลับทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเสียเหลือเกิน กลัวว่าจะมีครั้งใดครั้งนึงที่ยื่นมือออกไป แต่กลับพบเพียงแต่ความว่างเปล่า
หากมีสักวันหนึ่ง…
ดูจากภายนอกแล้ว เขายอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเดินก้าวเข้าไปในชีวิตนางด้วยท่วงท่าทีเฝ้ามองอย่างคาดหวัง แต่คนหยิ่งผยองอย่างนาง กลับใช้พฤติกรรมอ่อนน้อมถ่อมตนยอมรับสิ่งที่คนอื่นมอบให้อย่างโง่เขลา
ข้าอนุญาตให้เจ้าทอดทิ้งข้าได้ทุกเมื่อ!
มันช่างขัดแย้งและน่ากลัวยิ่งนัก!
เวลาแบบนี้ผู้หญิงทั่วไปมักจะหลงใหลกับคำมั่นสัญญานั้น แต่นาง…
บอกว่าตนรับไว้ไม่ได้!
เหยียนหลิงจวินสติหลุดลอยไปเนิ่นนาน ในขณะที่เขานิ่งเงียบอยู่ ฉู่สวินหยางที่ยิ้มอยู่ในอ้อมอกของเขาก็ค่อยๆ เขยิบตัวออกมา จัดแจงชุดให้เรียบร้อยพลางพูดว่า “ลงไปกันเถอะ เดี๋ยวพวกคนด้านล่างขึ้นนมาเจอจะลำบากเอา”
พูดจบไม่ทันรอให้เหยียนหลิงจวินแม้แต่พยักหน้า ก็ใช้มือข้างหนึ่งเท้าระเบียงเอาไว้ แล้วกระโดดลงไปอย่างว่องไว
ชั้นลอยไม่ได้สูงมากนัก อย่างน้อยสำหรับฉู่สวินหยางและเหยียนหลิงจวินแล้ว หากต้องการขึ้นหรือลง ก็ทำได้อย่างสบายๆ การมีอยู่ของบันไดนั่นไม่มีค่าอันใด
สีหน้าของเหยียนหลิงจวินงงงวย เมื่อรู้สึกตัวได้ก็กระโดดตามนางลงไป กำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ฉู่สวินหยางกลับโบกมือปัด หันหลังแล้วมุ่งเดินไป “ข้าไปหาพวกน้องสี่ก่อนนะ!”
ฉู่เยว่ซินเมาเรือ จึงนอนพักอยู่ในห้องโดยสารตลอด ตอนที่ฉู่สวินหยางมาถึง ฉู่เยว่หนิงกับฮั่วชิงเอ๋อร์ยังคงอยู่บนระเบียง เพียงแต่ว่าบรรยากาศแปลกไปอย่างบอกไม่ถูก เดิมทีทั้งสองคนที่คุยกันคึกคัก จู่ๆ ก็เงียบลงอย่างน่าประหลาด พวกนางยืนอยู่ตรงหัวเรือ จ้องมองเรืออีกลำที่อยู่ไม่ไกลนักกำลังสั่นคลอนด้วยสายตาเย็นชา
———————————–