สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 53.4 ตายตั้งแต่ยังเล็ก (4)
ซื่อหรงตบฝ่ามือลงบนไหล่เขา พยายามผลักเขาออก
ซูอี้อาศัยแรงนั้นพลิกตัวกลางอากาศ ก่อนจะตั้งรับมือสังหารที่ไม่รู้ผุดมาจากไหน
ศัตรูอาศัยจังหวะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันฉวยโอกาสลงมือ ด้วยไม่ทันระวังตัวและไร้อาวุธ แต่คิดไม่ถึงว่าช่วงวินาทีสำคัญ ซูอี้จะเจอมีดโค้งที่ซื่อหรงซ่อนเอาไว้ตรงเอวเสียก่อน
ซูอี้หมุนพลิกข้อมือ ประกายมีดคมกริบวาบแสง เพียงเสี้ยววินาทีก็กระโจนออกไปฟาดลงกลางอกของมือสังหารสองคนที่อยู่หน้าสุด พวกมันร้องครวญครางเจ็บปวดแล้วทิ้งตัวลงพื้น เขาไม่รอให้ทั้งคู่ร่วงถึงดิน ก็เหยียบร่างของพวกนั้นซ้ำเพื่อใช้เป็นแรงส่ง ก่อนพุ่งตัวเข้าหามือสังหารอีกสองคนที่ตามมาติดๆ
เห็นว่าเพื่อนตัวเองสิ้นชีพ สองคนก็คล้ายมึนงง ร่างที่ชะงักหยุดกลายเป็นช่องโหว่ให้โจมตี
ซูอี้ลงมีดอีกครั้ง เชือดคอหนึ่งในนั้นทันที
ส่วนอีกคนหนึ่ง พอซื่อหรงตั้งตัวได้ ก็ปาอาวุธลับเข้าใส่หลายดอก
คนผู้นั้นร่นถอยพลางพลิกหลบ เพราะความมืดทำให้มองไม่เห็นว่าเขาถูกอาวุธลับหรือไม่ เพียงได้ยินเสียงตู้มจนน้ำกระจาย คนตกหายลงไปแล้วไหลไปตามน้ำ เพียงพริบตาก็หายลับไม่เห็นตัว
ซูอี้บาดเจ็บอยู่ก่อน ทั้งยังเร่งร้อนเดินทางตลอดคืน เดิมก็อ่อนแรงเต็มที เมื่อครู่ยังเค้นพลังที่เหลือจัดการคน ร่างกายตอนนี้พลันเหมือนเครื่องดนตรีสายขาด จู่ๆ ก็ทรงตัวไม่อยู่ หงายร่วงลงน้ำตามไปติดๆ
ซื่อหรงหรี่ตาเขม็ง พุ่งตัวไปข้างหน้า คว้าเอาแขนเสื้อของเขาไว้ได้ทัน ก่อนจะออกแรงกระชากเขาไปด้านหลัง
ร่างกายของซูอี้หมุนเคว้งกลางอากาศ ตอนที่ลงถึงพื้นฝีเท้าก็ซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว
ซื่อหรงไม่พูดอะไร เขาก็ไม่ได้เดินมาหา เพียงยื่นมีดโค้งในมือให้ “คืนให้เจ้า!”
ซื่อหรงก็รับไปอย่างเงียบๆ
นัยน์ตาของซูอี้พลันมีแววประหลาดใจแวบผ่าน เผยยิ้มเศร้าแล้วเอ่ยว่า “เมืองหมินวุ่นวายไปทั่ว ไม่นานจดหมายลับก็คงส่งถึงเมืองหลวงแล้ว ฆ่าปิดปากพวกนั้นไปก็ใช่จะมีประโยชน์ ตอนนี้เจ้าใช้หนี้ข้าคืนแล้ว เช่นนั้นก็ทำตามที่เคยตกลงกันไว้ ลงมือเถอะ!”
ซื่อหรงตกตะลึง ขมวดคิ้วน้อยๆ มองไปทางเขา
มุมปากซูอี้กระตุกเป็นยิ้มเย็น เอ่ยด้วยท่าทีปล่อยวาง “ถ้าจะยอมคนอื่นมิสู้ช่วยให้เจ้าสมหวัง เจ้าต้องเอาหัวข้ากลับไปตามคำสั่งใช่ไหม? ข้าตายที่นี่ ต่อไปหากโดนตรวจสอบขึ้นมาก็อ้างได้ว่าสกุลซูคิดทรยศ ข้ากับซูหังต่อสู้กันจนถูกฆ่าตาย”
ขอเพียงเอาหัวเขากลับไป ตนก็จะได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้อีกครั้ง และคลายวิกฤติในครั้งนี้ได้
เดิมนี่เป็นแผนที่ซื่อหรงวางเอาไว้
ซูอี้พูดจบ ก็หลับตารออย่างสงบ
บุรุษร่างสูงใหญ่ถูกลมจากแม่น้ำพัดตี ชายเสื้อคลุมสีเทาของเขาหมุนม้วน เผยให้เห็นดวงหน้าขาวซีดอ่อนแรง
ซื่อหรงเม้มริมฝีปากแน่น
คนพวกนั้นคิดเล่นงานนางถึงตาย หากว่าฮ่องเต้ทรงหลงเชื่อจริงๆ นางก็คือคนทรยศที่เหลือเพียงความตายเป็นทางเลือกสุดท้าย ตอนนี้…
ขอเพียงได้หัวของซูอี้กลับไปก็จะพลิกสถานการณ์กลับมาได้
ไม่มีชีวิตของใครจะมีค่ามากพอให้นางเอาชีวิตของตนไปแลก!
ชีวิตของนาง นางเก็บเอาไว้ให้เขา จะไปมอบให้คนอื่นง่ายๆ ได้อย่างไร? นางต้องรอดชีวิตเพื่อกลับไปอยู่ข้างกายเขา มิเช่นนั้นแผ่นดินที่กว้างใหญ่ เขาคนเดียวจะโดดเดี่ยวเพียงใดก็สุดรู้!
ซื่อหรงบีบด้ามมีดโค้งในมือ นิ้วมือค่อยๆ กระชับจนแน่น เพราะออกแรงมากจนเกินไป หลังมือผ่ายผอมจึงผุดเส้นเลือดเขียวคล้ำให้เห็น
นางดึงมีดออกมาอย่างช้าๆ ประกายคมกริบกระทบแสงจันทร์ สะท้อนลงพื้นน้ำที่ไหลเชี่ยว
ซูอี้แม้จะหลับตา แต่ก็สัมผัสได้ชัดถึงความเย็นเยียบของประกายมีดที่กระทบลงบนใบหน้าได้
หลังจากสังหารซูหังแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรให้เสียดายอีก ส่วนเรื่องราวก่อนๆ นั้น…
ก็ถูกกำหนดแล้วว่าไม่อาจชดเชยได้
ตายไปเสียตอนนี้…
ก็ถือว่าแล้วแก่ใจ!
เสียงลมข้างหูดังขึ้นทุกขณะ มือของหญิงสาวกำฝักมีดไว้ เตรียมตัวจะลงมือ
ซูอี้รอรับมันด้วยใจที่สงบนิ่ง แต่วินาทีที่มีดฟาดผ่านกลางอากาศ กลับได้ยินน้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากข้างหลัง
“อยู่ตรงนั้น นายท่านของข้าอยู่ตรงนั้น!”
พอได้ยินเสียงของโม่เสว่มีดในมือของซื่อหรงก็ไม่เหลือความลังเลใดใดอีก
มีดในมือตวัดลง ประกายมีดสะท้อนเข้าตาโม่เสว่กับอิ้งจื่อที่กำลังวิ่งเข้ามาหา เสี้ยววินาทีเป็นตาย อิ้งจื่อก็สะบัดมือเขวี้ยงอาวุธลับใส่ทันที
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
เสียงดังติดๆ กันสามครั้ง อาวุธลับโจมตีเข้าใส่มีดโค้ง
การเคลื่อนไหวของซื่อหรงถูกขัดขวาง เพียงพริบตาอิ้งจื่อกับโม่เสว่ก็ตามมาถึง
ปฏิกิริยาของอิ้งจื่อไวกว่าเล็กน้อย ชักดาบแทงเข้าใส่อย่างไร้ความลังเล
ดวงตาของซื่อหรงเย็นวาบ ยกมีดขึ้นขวางตามสัญชาตญาณ
โม่เสว่ก็เงื้อมีดกระโจนเข้าใส่ด้วยไอสังหารที่ลุกโชน
สามคนพลันประมือกันให้วุ่น
หัวใจของซูอี้ร้อนรน รีบสาวเท้าเข้าไปห้าม ตวาดเสียงดังว่า “หยุดมือ!”
ยังไม่ทันขาดคำ อิ้งจื่อที่กำลังสู้อย่างติดพันก็ซัดอาวุธลับออกไปอีกสองดอก
ตอนนั้นซื่อหรงถูกบีบจนถอยไปถึงขอบทำนบแล้ว ในใจซูอี้ร้องเตือน แต่ไม่ทันให้เขาได้เข้าขวาง หญิงสาวก็เบี่ยงหลบด้วยการกระโดดตัวลอย
ประจวบกับคมมีดของโม่เสว่ที่พุ่งเข้ามาติดๆ นางที่อยู่กลางอากาศถึงต้องเบี่ยงตัวหนี…
ตอนที่ซูอี้วิ่งเข้าไปคว้านาง นางก็หงายหลังร่วงลงน้ำไปแล้ว หลังจากน้ำกระเซ็นเป็นวงกว้าง ก็ไม่มีร่องรอยใดใดของนางอีก
สมองของซูอี้พลันว่างเปล่า มือยังค้างอยู่ในท่าที่จะคว้านางไว้ ได้แต่ยืนตัวเปียกอยู่ริมแม่น้ำ เหม่อมองกระแสน้ำเบื้องล่างอยู่นาน ไม่ยอมขยับเขยื้อน
“นายท่าน!” โม่เสว่ร้องเรียกแล้วลากเขาให้ถอยหลัง เห็นดวงหน้าที่ซีดเผือดอ่อนแรงก็ร้อนใจขึ้นมาทันที “ท่านบาดเจ็บหรือเจ้าคะ? สาหัสหรือไม่?”
ซูอี้คล้ายไม่ได้ยินเสียงนาง เอาแต่มองผิวน้ำที่ไกลออกไป เม้มปากแน่นไม่ยอมพูดจา
“คุณชายรอง!” อิ้งจื่อเห็นว่าท่าทางของเขาแปลกๆ จึงลองเรียกเขาอีกครั้ง
ซูอี้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ท่าทางยังดูเลอะเลือน เอ่ยอย่างใจลอยว่า “เกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง?”
“เมื่อคืนหลังจากท่านออกไปจากค่าย ทหารของสกุลซูก็อาศัยความมืดข้ามแม่น้ำ ท่านผิงกั๋วกงเป็นคนนำทัพ รบกันไปอีกยกหนึ่ง แต่ยังไม่ทันเห็นผลแพ้ชนะ พวกเขาก็ร่นถอยไปเสียก่อน” อิ้งจื่อเล่า “ตอนนี้ซูหังตายแล้ว คุณชายรองควรกลับไปจัดการสถานการณ์ และดึงทหารสกุลซูมาเสียเจ้าค่ะ”
—————————————————–