สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 57.2 ไม่ช้าก็เร็วเจ้าต้องเป็นของข้าอยู่ดี! (2)
เหยียนหลิงจวินมองใบหน้างดงามของนางที่อยู่ใกล้กันมาก เหมือนจะหายใจเร็วและใจเต้นไปบ้าง แต่เขาก็ยังดึงมือนางที่โอบรอบคอของเขาออก กล่าวว่า “ข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ร่างกายเจ้าเพิ่งจะหายดี ยังทนความหนาวไม่ไหว”
พอฉู่สวินหยางได้ยินถึงเพิ่งจะรู้สึกเขินเล็กน้อย นางดึงมือกลับมาอย่างผิดหวังและสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มทั้งตัว
เหยียนหลิงจวินถอดเสื้อคลุมยาวตัวนอกที่เปียกชื้นและรองเท้าหนังออก โดยเปลี่ยนมาสวมรองเท้าส้นเตี้ยเนื้อนิ่มสำหรับใส่ในห้องแทน เขาไปล้างมือกับหน้าตรงอ่างในห้องด้านนอกก่อน พอจัดการเรียบร้อยแล้วกลับมาก็เห็นฉู่สวิน
หยางห่อตัวอยู่ในผ้าห่มโดยโผล่แค่ใบหน้าเล็กๆ มามองเขาพอดี
ความรู้สึกหนาวที่ไปวิ่งวุ่นทำงานหนักอยู่ข้างนอกมาทั้งคืนราวกับมลายหายไปหมดในชั่วพริบตาที่สบสายตานาง
เขาเดินไปข้างเตียงและโน้มตัวเข้าไปหาก่อน เกลี่ยผมหน้าม้าแล้วจูบหน้าผากนาง พลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว หิวรึยัง? ไม่งั้นข้าจะให้พวกเขาหาอะไรมาให้เจ้ารองท้องก่อน?”
“ไม่ต้องลำบากหรอก ข้าไม่หิว!” ฉู่สวินหยางตอบ ช่วงนี้นางป่วยอยู่ เดิมทีร่างกายก็ยังไม่ฟื้นตัวดีนักและยังฝืนมาตลอดทั้งคืนอีก ทว่าพอตอนนี้ได้รู้ว่าในที่สุดเรื่องก็จบลงแล้วก็รู้สึกสบายใจ นางหาวอย่างเกียจคร้านแล้วขดตัวเข้าไปในผ้าห่มอีก
เหยียนหลิงจวินเห็นนัยน์ตาของนางน้ำตารื้นอย่างกะทันหันก็ยิ้มขึ้นมา แล้วเตะรองเท้า พลิกตัวขึ้นเตียง และสอดตัวตามเข้าไปในผ้าห่มด้วย
ฉู่สวินหยางกลับไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังเต็มใจขยับเข้าไปข้างในเอง จะได้แบ่งผ้าห่มให้เขามากขึ้นอีกนิด
เหยียนหลิงจวินดึงผ้าห่มแล้วเอนตัวนอนลงไปพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากของนางอีกว่า “เช่นนั้นก็นอนสักหน่อยเถิด ทางฝั่งซูอี้น่าจะวุ่นวายไปอีกสักพัก หลับได้จนถึงเที่ยง พอตื่นมาก็คงเรียบร้อยแล้ว”
ฉู่สวินหยางไม่ได้ถามรายละเอียดของทางฝั่งซูอี้เช่นกัน และแค่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เหยียนหลิงจวินเอนตัวนอนลงแล้วก็ยื่นมือไปช้อนตัวนางอีก แต่เขาคิดไม่ถึงว่าพอมือนี้ยื่นออกไป ในสมองก็เหมือนจะเบลอไปชั่วครู่ หน้านิ่งเป็นน้ำแข็งไปทั้งหน้าในชั่วพริบตา
ฉู่สวินหยางก็ตัวแข็งทื่อไปทั้งตัวเช่นกัน นางอายจนหน้าแดงในชั่วพริบตา พอตั้งสติได้แล้วก็ตกใจจนดึงมือเขาไว้อย่างลนลานทำอะไรไม่ถูก “ถอยไป!”
เหยียนหลิงจวินเห็นนางลุกลี้ลุกลนใหญ่ก็ได้สติกลับมาเช่นกัน และเพิ่งเห็นว่านางดึงมือของตนเองไว้ แต่เขากลับไม่คิดจะยอม ซ้ำยังยื่นมือไปดึงนางมากอดไว้ทั้งตัวอีก
เวลานี้ฉู่สวินหยางรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว นางจึงเริ่มดิ้นอย่างแรง
ก่อนหน้านี้เจี๋ยหงหอบเอาเสื้อผ้าของนางออกไปหมดแล้ว และนางสวมเพียงแค่เสื้อคลุมยาวตัวใหญ่หลวมโพรกของเหยียนหลิงจวินเพื่อความคล่องตัว ทว่าเมื่อครู่นางขดตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่นสบายตลอดจนไม่ได้สังเกตว่าสายคาดเอวหลุดกระจายไปตั้งแต่ตอนที่นางกับเขาแย่งหนังสือกันไปมา และคิดไม่ถึงว่าตอนที่เหยียนหลิงจวินยื่นมือมาช้อนตัวนางนั้นจะยื่นนิ้วเข้าไปใต้เสื้อผ้าและแตะผิวนางเข้าพอดี
ฝ่ามือเย็นเล็กน้อยของเขาตอนที่เพิ่งเข้ามาเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นฝ่ามือร้อนผะผ่าวยามโอบเอวนาง
ฉู่สวินหยางรู้สึกเหมือนกองไฟลุกโชนขึ้นมาและลามเลียไปทั่วร่างของตนอย่างรวดเร็วตามจุดที่ฝ่ามือของเขาสัมผัส
แต่เหยียนหลิงจวินเห็นนางอึดอัดใจกลับยิ่งสนุกขึ้นมากเป็นพิเศษ จึงฉวยโอกาสดึงนางเข้าสู่อ้อมกอดและให้นางซบอยู่บนตัวเขาเองเสียเลย
ฉู่สวินหยางเผลอยกมือไปผลักเขา ทว่าพอใช้แขนยันเอาไว้ เสื้อผ้าก็หลุดลุ่ยตามไปด้วยหมดจนเผยให้เห็นหน้าอก
สายตาของชายหนุ่มใต้ร่างพลันฉายแววลุ่มลึก
“เจ้า…” ฉู่สวินหยางทั้งอายทั้งโกรธ นางรีบใช้สองมือกอดอกไว้แล้วกระถดตัวถอยกลับไปอยู่บนตัวเขาอีกครั้งอย่างแรง
“อื้อ!” เหยียนหลิงจวินถูกนางกระแทกจนหายใจติดขัด แล้วก็อดที่จะหัวเราะเสียงแหบต่ำออกมาไม่ได้ว่า “ใครให้เจ้าแต่งตัวแบบนี้กันเล่า?”
“ข้า…” ฉู่สวินหยางอยากพูดและขยับตัวบ้าง แต่ว่าเขากลับไม่คิดจะคลายมือที่โอบอยู่หลังเอวนางแม้แต่น้อย ทำให้นางเขินหนักจนคิดอะไรไม่ออกเช่นกันและทำได้เพียงบ่นอุบอิบว่า “เจ้ายุ่งอะไรด้วย?”
เหยียนหลิงจวินได้ยินก็ยิ่งอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
เขากอดนางไว้แล้วพลิกตัวกดนางลงไปบนเตียง สบสายตาที่หวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับฝืนท่าทำเป็นนิ่งตลอดของนาง รอยยิ้มยิ่งฉายชัดมากขึ้นในดวงตาของเขา นิ้วมือลูบกระดูกไหปลาร้าแสนสวยของนางเบาๆ ว่า “เจ้าแต่งตัวแบบนี้และยังนอนอยู่บนเตียงของข้าตอนดึกดื่น เวลานี้ยังบอกไม่ให้ข้ายุ่งอีกหรือ?”
แรงนิ้วมือของเขากำลังดี เพียงแค่ลูบผิวเบาๆ ก็พอให้รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย
ฉู่สวินหยางขยับคออย่างอึดอัด และไม่พยายามจะอธิบายเหตุผลกับเขาแล้ว นางกัดริมฝีปากคล้ายกำลังครุ่นคิด
เหยียนหลิงจวินกำลังมองนางอย่างเยือกเย็นพอดี ทันทีที่เห็นความเจ้าเล่ห์ฉายวาบในดวงตาของนางก็รู้สึกระแวงขึ้นมาในทันใด ทว่าเขายังไม่ทันได้ทำอะไร ฉู่สวินหยางก็ยื่นมือมาสอดนิ้วเข้าไปทางปกคอเสื้อของเขาแล้ว ปลายนิ้วอ่อนนุ่มของหญิงสาวเหมือนปลากำลังแหวกว่ายสำรวจผิวหนังและล่วงล้ำเข้าไปถึงหลังบ่าเขาอย่างรวดเร็ว และดึงคอเสื้อของเขาเปิดออกโดยไม่ยอมบอกอะไรทั้งนั้น
ทันทีที่สัมผัสโดนอากาศ แม้จะตกใจ แต่เหยียนหลิงจวินก็รีบตั้งสติอย่างไว เขาค่อยๆ ยกยิ้มอย่างงุนงงและถามอย่างใจเย็นว่า “ทำอะไร?”
“ทำเช่นเดียวกับที่เจ้าทำกับข้าไง? ดูเจ้าเปลือย!” ฉู่สวินหยางเลิกคิ้วสบสายตาเขา
เหยียนหลิงจวินกลับไม่รู้สึกเสียหายตรงไหน หากจะถูกนางจับเปลือยกายแล้วดูอีกเล็กน้อย แต่อย่างไรก็รู้สึกแปลกไปหมดที่ผู้หญิงคนนี้มีความคิดเช่นนี้
“หึ…” เขาอดที่จะหัวเราะอีกรอบไม่ได้ ทว่าเสียงหัวเราะเพิ่งจะผ่านลำคอไป หางเสียงกลับเปลี่ยนเป็นเสียงซู้ดปากตามไปติดๆ
เพราะว่าฉู่สวินหยางฉวยโอกาสที่เขาไม่ทันระวังตัวโน้มตัวมากัดไหล่เขาทันที
แม้ครั้งนี้นางลงมือไม่หนักแต่ก็ไม่ได้เบานัก เหยียนหลิงจวินรู้สึกเจ็บมาก แล้วฉู่สวินหยางก็ฉวยจังหวะที่เขา
ละความสนใจไปจากนางดึงมือเขาออกอย่างไว นางผลักเขาออกไปข้างๆ พลิกตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วคลุมเสื้อด้านหน้าของตนเองให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว
เหยียนหลิงจวินถูกนางทิ้งไว้ข้างๆ มองนางขยับตัวอย่างคล่องแคล่วแล้วก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
ฉู่สวินหยางจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็หันกลับมา แต่กลับเห็นอีกฝ่ายยังคงนอนตะแคงอยู่ตรงนั้นในท่าเดิมที่ถูกผลักออกไปเมื่อครู่ เสื้อผ้าหลุดกระจาย ผิวกายใต้แสงตะเกียงที่เลือนรางพลันแลดูแวววาวอย่างน่าประหลาด ทำให้อดใจไม่ไหวจนอยากยื่นมือไปสัมผัส
ฉู่สวินหยางหน้าแดงขึ้นมาอีกอย่างอึดอัดใจ นางบังคับให้ตนเองหันหน้าไปทางอื่น แต่กลับสนใจรอยฟันสองแถวที่แม้ไม่มีเลือดออก แต่กลับเป็นรอยช้ำเลือดสีม่วงอมแดงอย่างชัดเจนบนไหล่ของเขา
ถึงอย่างไรตนเองก็เป็นคนพูดจาทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายก่อน ฉู่สวินหยางก็ต้องรู้สึกร้อนตัวอยู่บ้าง จึงกระแอมไอแห้งๆ ว่า “เจ้ามียาหรือไม่?”
เหยียนหลิงจวินก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วเช่นกัน ไม่รู้ว่าโมโหหรือไม่ แต่เขาเหมือนมองตู้ด้านนอกอย่างไร้อารมณ์
“อยู่ในลิ้นชักที่สองฝั่งซ้ายมือ!”
ฉู่สวินหยางลงจากเตียงไปสวมรองเท้าของเขา แล้วเดินไปหายาทาแก้ฟกช้ำจากกองขวดยาในลิ้นชักกลับมา นางกลับขึ้นไปบนเตียงอีกและค่อยๆ ทายาให้เขา
เหยียนหลิงจวินเหมือนเฉยชายิ่งกว่าเดิม และไม่คิดจะพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว
————————————————–