สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 58.4 ตำหนักทองบังคับแต่งงาน เสี่ยงอันตรายเข้าเมืองฉู่ (4)
- Home
- สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2
- บทที่ 58.4 ตำหนักทองบังคับแต่งงาน เสี่ยงอันตรายเข้าเมืองฉู่ (4)
ที่นี่กำลังทำสงคราม เรื่องเสบียงและหญ้าเป็นเรื่องที่สะเพร่าไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เพิ่งเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับรุ่ยชินอ๋อง ฉู่ฉีเฟิงจะรอบคอบไปคุ้มกันเสบียงและหญ้าด้วยตนเองบ้างก็เป็นเรื่องปกติ
“อ้อ!” ฉู่สวินหยางก็ไม่ได้ถามอะไรต่อมากเช่นกัน “แล้วซื่อจื่ออ๋องหนานเหอล่ะ? อยู่ในเมืองหรือ?”
“สองวันก่อนเพิ่งจะทำสงครามกับชาวหนานฮวาไปครั้งหนึ่ง ซื่อจื่อกับท่านจวิ้นอ๋องอ้อมไปตีขนาบข้าศึกทั้งซ้ายขวาสำเร็จจนชนะ และบังคับให้ทหารหนานฮวาที่อยู่นอกประตูเมืองทางใต้ล่าถอยไปถึงหุบเขาวัวที่ห่างไปสิบลี้ กองทหารของเราบุกไปเกินครึ่งทางแล้วจึงตั้งค่ายป้องกันข้าศึกอยู่นอกเมือง ซื่อจื่อกำลังจัดระเบียบกองทัพอยู่ในค่าย หากท่านหญิงอยากพบเขา เกรงว่าต้องรบกวนท่านไปที่ค่ายทหารทางด้านนั้นขอรับ” หูเฉิงตอบ แล้วชะงักไปครู่หนึ่งและลองถามอีกว่า “ท่านหญิงจะไปตอนนี้เลย…หรือจะไปเยี่ยมท่านรุ่ยชินอ๋องก่อนขอรับ?”
“ท่านปู่อยู่ในเมืองใช่หรือไม่?” ฉู่สวินหยางดึงสายตากลับมาจากที่ไกลและมองเขา
“ขอรับ! หลังจากท่านอ๋องมา ท่านเจ้าเมืองของพวกเราก็ตั้งใจยกคฤหาสน์หลังหนึ่งของตนเองให้เป็นที่พำนักชั่วคราวโดยเฉพาะ เวลานี้ท่านอ๋องยังพักอาศัยอยู่ที่นั่นขอรับ!” หูเฉิงเอ่ย “แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องเป็นหวัดและล้มป่วย จึงไม่เห็นเขาไปที่ค่ายทหารหลายวันแล้ว ช่วงนี้ก็ปิดประตูพักรักษาตัวตลอดขอรับ!”
“ใช่แล้ว เพราะได้ยินว่าท่านปู่ป่วย ฝ่าบาทถึงได้ให้ข้าพาใต้เท้าเหยียนหลิงมาดูเขาด้วย” ฉู่สวินหยางเอ่ย “แบบนี้แล้วกัน เจ้าให้ใครสักคนไปทักทายซื่อจื่ออ๋องหนานเหอสักหน่อย บอกว่าข้ามาและเชิญเขามาพบ ท่านปู่เป็นผู้อาวุโส ข้าไปพบเขาก่อนดีกว่า!”
“ขอรับ!” หูเฉิงรีบขานรับ เขาสั่งทหารคนหนึ่งให้ออกนอกเมืองไปแจ้งข่าวกับฉู่ฉีเหยียน แล้วเอ่ยกับฉู่สวินหยางอีกว่า “ท่านหญิงไม่คุ้นเคยกับเมืองนี้ ข้าจะไปส่งท่านที่คฤหาสน์ขอรับ”
“ช่วงนี้มีเรื่องวุ่นวายมากมาย เจ้าเองก็ยุ่งมาก แค่บอกทางข้าก็พอ แล้วข้าจะไปหาเอง” ฉู่สวินหยางยิ้ม พลางมองไปรอบๆ อย่างไม่สนใจ “อย่างไรเมืองฉู่นี้ก็ไม่ได้กว้างมากนัก”
“ฟ้ามืดแล้ว ให้ข้าไปส่งท่านเถอะขอรับ!” หูเฉิงหัวเราะแหะๆ ออกมาอีก “ชาวบ้านในเมืองจำนวนมากย้ายออกไปรอบหนึ่งแล้ว เวลานี้พอถึงกลางคืนก็ยากที่จะหาคนสักคนออกมาเดินบนถนนใหญ่”
ฉู่สวินหยางมองเขาอีกครั้ง แต่ยังคงยืนกรานเช่นเดิม
คนนั้นก็เอาแต่ยิ้มประจบตลอดและถูมืออย่างกระตือรือร้น
สุดท้ายก็เป็นเหยียนหลิงจวินที่ทนมองต่อไปไม่ไหวว่า “ในเมื่อเขาหวังดี เช่นนั้นก็ให้เขานำทางเถอะ รีบเดินทางมาตลอดทางเจ้าไม่เหนื่อยหรือ? รีบไปพบรุ่ยชินอ๋องก่อน แล้วเจ้าจะได้พักเร็วๆ ด้วย”
ฉู่สวินหยางได้ยินแล้วก็ยักไหล่อย่างไม่สนใจว่า “เช่นนั้นก็ได้!”
“ท่านหญิงเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทางแล้ว อยากให้ข้าจัดหาเกี้ยวสองหลังให้พวกท่านสองคนแทนการเดินเท้าหรือไม่ขอรับ?” หูเฉิงกลอกตาและรีบเอ่ย
“ช่างเถอะ!” ครั้งนี้ฉู่สวินหยางกลับไม่ลังเลที่จะปฏิเสธตรงๆ นางโยนแส้ม้าลงไปบนอกเขา เอามือไพล่หลังและสาวเท้าเข้าไปก่อน พลางเอ่ยว่า “ครั้งที่แล้วรีบไปรีบมา ข้ายังไม่ทันได้ตั้งใจดูทิวทัศน์เมืองฉู่เลย พวกเราก็เดินไปกันเถอะ!”
“ขอรับ!” หูเฉิงเพ่งมองเหยียนหลิงจวินและคล้ายจะยิ้มประจบเอาใจ แล้วก็เดินนำทุกคนไปทางด้านตะวันออกของเมือง
เขาเดินอยู่หน้าสุด พร้อมกับคอยหันกลับมาแนะนำสภาพแวดล้อม ขนบธรรมเนียมประเพณี และความมีน้ำใจที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวเมืองนี้ตลอดไปด้วย เหมือนคิดว่าเป็นโอกาสดีมากที่จะประจบเอาใจและดึงชนชั้นสูงมาเป็นพวกแล้วจริงๆ
ฉู่สวินหยางกับเหยียนหลิงจวินเดินตามเคียงข้างกันอยู่ด้านหลัง และฟังเขาแนะนำกับสังเกตบ้านเรือนรอบๆ ตามข้างทางอย่างเรื่อยเปื่อยไปด้วย
ความจริงเวลานี้ฟ้ามืดสนิทแล้ว อีกทั้งยังอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ทุกบ้านต่างปิดประตูมิดชิด บนถนนเงียบเหงา อันที่จริงก็ไม่มีสิ่งใดอะไรน่าดูเช่นกัน
เพราะว่าเดินเท้าและคนกลุ่มนี้ก็เดินช้ามาก จึงเดินไปเกือบครึ่งชั่วยามถึงจะผ่านกลางย่านชุมชนขนาดใหญ่ออกมาได้
“อยู่ข้างหน้าแล้วขอรับ!” หูเฉิงยกมือชี้ไปด้านหน้า
มีบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลตรงนั้นจริงๆ บริเวณโดยรอบถูกโอบล้อมด้วยเรือนหลังใหญ่มาก ทว่ากลางคืนมองเห็นได้ค่อนข้างยาก เหมือนจะเห็นต้นไม้บางต้นสูงเสียดฟ้า แม้มองเห็นไม่ค่อยชัดนัก แต่ก็แลดูยืนต้นอยู่อย่างหนาแน่น
“ตอนแรกตั้งใจเลือกที่ตั้งของคฤหาสน์หลังนี้ให้สงบเงียบ กลางคืนจึงดูเปลี่ยวไปบ้างขอรับ” หูเฉิงเอ่ย และเดินพาทุกคนเดินเข้าไปในตรอก เขาเดินไปทางบันไดหน้าประตูใหญ่นั้นพร้อมกับเอ่ย “ท่านหญิงช่วยรอสักครู่ ข้าจะไปเรียกคนข้างในมาเปิดประตูให้ท่านขอรับ!”
เขาเอ่ยพลางก้าวเท้าจะขึ้นบันได แต่ไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงฉู่สวินหยางพูดออกมาก่อนไม่กี่คำทันที “ไม่จำเป็นแล้ว!”
นางยังไม่ทันพูดจบก็ลงมือดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ในขลุ่ยยาวของเหยียนหลิงจวินออกมาอย่างว่องไว ปลายมีดแหลมคมจี้หลังเอวข้างหนึ่งของหูเฉิงพอดีโดยไม่พลาดแม้แต่นิดเดียว
หูเฉิงตกใจ ความรู้สึกที่เดาใจได้ยากของคนด้านหลังนั้นทำให้เขาขนลุกทั้งตัวในชั่วพริบตา พลางเอ่ยเสียงสั่นว่า “ท่านหญิง นี่ท่านทำอะไร ข้า…”
“ที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์ของเจ้าเมืองพวกเจ้าอย่างแน่นอน” ฉู่สวินหยางเอ่ย น้ำเสียงเนิบช้าสบายๆ ยังคงทำให้รู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุดท่ามกลางคืนที่เงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใด
หูเฉิงก็คิดไม่ถึงเช่นกัน เขาฝืนยิ้มออกมาว่า “ท่านหญิงอย่าล้อข้าเล่นเลย ที่นี่คือคฤหาสน์ที่เป็นที่พำนักชั่วคราวของรุ่ยชินอ๋องขอรับ”
“ความจริงแล้วเจ้าคิดจะตบตาข้าใช่หรือไม่?” ฉู่สวินหยางเอ่ย พลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ตามที่ข้ารู้มา คฤหาสน์ของเจ้าเมืองพวกเจ้าน่าจะอยู่ทางใต้ของเมือง”
หูเฉิงได้ยินแล้วก็ตัวแข็งทื่อไปอีกทั้งตัว
ฉู่สวินหยางเคยมาเมืองฉู่ครั้งก่อน แต่ตอนนั้นสถานการณ์ในการสู้รบคับขัน ฉู่อี้อันผ่านตัวเมืองเพียงครั้งเดียว และไม่ได้ไปศาลาว่าการด้วยซ้ำ แต่ตรงไปที่ค่ายทหารเลย เขาจึงคาดว่าฉู่สวินหยางไม่รู้เรื่องสภาพภายในเมืองนี้เลยถึงได้พูดจามั่วซั่วอย่างไร้ความเกรงกลัว
“ท่านหญิงอาจไม่ทราบว่าตระกูลเจ้าเมืองของพวกเรามีคนมากมายและมีทรัพย์สินมหาศาล จะมีคฤหาสน์เพียงแห่งเดียวได้อย่างไรกัน?” หูเฉิงพยายามตั้งสติและยังคงยิ้มประจบว่า “เขามีคฤหาสน์หลังหนึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองก็จริง แต่คฤหาสน์หลังนี้ก็เป็นของเขาเช่นกันขอรับ มันไม่มีเหตุผลเลย ข้าจะโกหกไปทำไม?”
“จริงหรือ?” ฉู่สวินหยางเอ่ย สีหน้าของนางเหมือนจะผ่อนคลายลง แต่กลับไม่คิดจะเก็บมีดคมที่จี้อยู่หลังเอวเขากลับไปแม้แต่นิดเดียว
“ข้าหลอกใครก็ได้ แต่หลอกท่านไม่ได้ขอรับ!” หูเฉิงเอ่ย เหงื่อตกเต็มศีรษะ บนหลังคล้ายจะเปียกเหงื่อเล็กน้อย “ท่านหญิงอย่าล้อข้าเล่นแบบนี้อีกเลย ข้าจะไปเรียกคนข้างในมาเปิดประตูให้ท่านเดี๋ยวนี้ ใช่หรือไม่ ท่านถามคนเฝ้าประตูดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือขอรับ?”
“เรียกคนข้างในมาเปิดประตู? เจ้าจะเรียกใคร? นักฆ่าลอบสังหารที่ซุ่มอยู่ที่นี่หรือ?” ฉู่สวินหยางปรายตามองไปรอบๆ แต่กลับไม่หลงกลนี้
ชาติก่อนนางใช้ชีวิตอยู่แถวนี้ถึงหกปีเต็ม จะมีอะไรที่นางไม่รู้?
เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้คาดการณ์แผนการเดินทางของนางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ซ้ำยังมาวางหมากเอาไว้ก่อน และรอที่จะใช้วิธีที่นางเคยใช้จัดการกับคนอื่นย้อนกลับมาจัดการนางเอง
ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจปิดข่าวที่นางออกมาจากเมืองหลวง แต่ก็มีคนไม่มากนักที่รู้ได้เร็วขนาดนี้ ดังนั้นจึงชัดเจนว่า…
มีคนได้ข่าวมาจากเมืองหลวงโดยตรง
“พูดมา ใครเป็นคนสั่งให้เจ้าหลอกข้ามาที่นี่? แล้วพวกเจ้ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่?” ฉู่สวินหยางขยับข้อมือไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วตวาดถามเสียงเย็นเยียบว่า “คิดจะจับเป็นข้าแล้วค่อยวางแผนทำร้าย? หรือจะฆ่าข้าเดี๋ยวนี้เลย?”
——————————————–