สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 62.2 ร่วงหล่น (2)
คนในเมืองพยายามมากถึงมากที่สุดเพื่อให้ได้ชีวิตนางมา เพราะฉะนั้นตอนนี้การพึ่งพากำลังทหารจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากที่สุด
เมื่อเห็นนางหันหน้าไปกำลังจะหนี องค์รัชทายาทหนานฮวาที่กำลังฆ่าฟันคนชุดดำจนตัวอาบเลือดนั้นก็โกรธกรุ่นขึ้นมาทันใด อารมณ์โมโหที่กลั้นเอาไว้แทบจะพุ่งทะลักออกมา โกรธเกรี้ยวจนใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูปเหยเก
“รีบตามไป!” พวกคนชุดดำที่ได้รับคำสั่งมาพวกนั้นตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นก็มีคนหลายคนวิ่งตามไปขัดขวางทิศทางการหลบหนีของฉู่สวินหยางเอาไว้
ถึงแม้ฝีมือของฉู่สวินหยางจะไม่ได้ถือว่าแย่ แต่เมื่อเทียบกับองครักษ์เงาที่ลอบฆ่าสังหารคนเป็นอาชีพพวกนี้แล้วยังนับว่าห่างชั้นกันมากนัก
ในตอนที่นางทิ้งม้าแล้วพยายามหนีไปตอนนั้น นางไม่ได้พกอาวุธป้องกันตัวติดมาด้วยเลยสักชิ้น ทำให้ในตอนนี้ความสามารถในการต่อกรของนางมีจำกัด นางหนีไปได้ไม่ไกลเท่าไรก็ถูกคนชุดดำที่วิ่งแซงหน้าขึ้นมาชักดาบจ่อเข้าที่ข้างลำคอของนางในทันที
แววตาสีหน้าของฉู่สวินหยางตะลึงงัน เอนตัวกดลงไปด้านหลัง ปล่อยให้ปลายดาบของอีกฝ่ายหลุดจากตำแหน่งที่ชี้จ่อบนคอนางอยู่นั้นออกไป คนผู้นั้นตะลึงราวกับคิดไม่ถึงว่าท่านหญิงผู้สูงส่งอย่างนางจะตอบสนองเยี่ยงนี้ แต่นอกจากความตะลึงที่มีอยู่นั้นแล้ว มือข้างซ้ายของเขาก็ยื่นออกไปจับไหล่ของนางเอาไว้แน่น
ฉู่สวินหยางรู้สึกเจ็บไหล่ ขมวดคิ้วแล้วพลิกมือจับข้อมือของอีกฝ่ายดึงขึ้นมา ออกแรงบีบอย่างไม่สนใจว่าเขาจะเจ็บปวดหรือไม่
เสียงดังขึ้นกรอบ คนผู้นั้นร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานขึ้น จากนั้นหน้าผากก็มีเหงื่อผุดกลิ้งไหลลงมาเป็นหยดใหญ่
ริมฝีปากของฉู่สวินหยางยิ้มเย็นชาขึ้น ถือโอกาสในขณะที่เขายังเจ็บปวดทรมานอยู่ นางหมุนตัวถีบเข้าลงไปบนเข่าของอีกฝ่ายเต็มแรง
คนผู้นั้นสบถออกมาอีกครั้ง แล้วล้มพับลงไปบนพื้นอย่างแรงโดยที่ไม่ทันได้ป้องกันตัวเลยสักนิด
ฉู่สวินหยางชักฝีเท้ากลับพลางแย่งชิงดาบในมือของอีกฝ่ายมาได้อย่างง่ายดาย
ในขณะเดียวกันนั้นเอง คนที่ไล่อยู่ด้านหลังก็ตามขึ้นมาทัน
เมื่อเห็นเพื่อนผู้ร่างกายแข็งแกร่งกำยำของตนถูกท่านหญิงสวินหยางร่างบางดูไม่มีแรงคนนี้ทำร้ายสกัดกั้นเข้า พวกเขาต่างอึ้งตะลึงตาค้างกันทุกคน แต่ก็ไม่ได้ยืนอึ้งนานนัก ต่อมาพวกเขาหยิบดาบพุ่งเข้าใส่นางทันที
ฉู่สวินหยางไม่มีอารมณ์ต่อสู้กับพวกเขา เมื่อเห็นเงาของอีกฝ่ายกำลังโจมตีเข้ามา นางไม่ได้สู้กลับและไม่ได้หลบหลีก แต่นางกลับดึงไข่มุกเม็ดหนึ่งที่ผูกอยู่บนเอวมาบีบจนแตกคามือ
เมื่อคนชุดดำเข้าประชิดมาใกล้แล้วกำลังจะง้างมือฟันดาบใส่นางตอนนั้น
ผงสีเขียวอ่อนก็สาดกระจายออกมาจากซอกนิ้วมือของนาง
“มีพิษ!” คนชุดดำพวกนั้นสัมผัสได้ จึงรีบตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ พวกเขาต่างยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดจมูกเอาไว้
ฉู่สวินหยางเห็นดังนั้นจึงยิ้มเย็นชาออกมา จากนั้นหมุนตัวกำลังจะเดินจากไป…
คิดว่ายาพิษที่เหยียนหลิงจวินผสมให้นางเป็นเครื่องมือป้องกันตัวนั่นต่อกรได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกัน?
เป็นอย่างที่คาดไว้เมื่อนางหันหลังออกไป ชายชุดดำที่ปิดหน้าปิดตาอยู่ก็เริ่มหายใจไม่คล่อง เนื้อหนังที่สัมผัสโดนกับผงยาพวกนั้นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาดำ แล้วค่อยๆ ลุกลามไปที่อื่นเรื่อยๆ
พวกเขาทั้งสี่คนแทบจะล้มลงไปบนพื้นพร้อมกันในคราวเดียว ต่างฝ่ายต่างจับแขนเกาไม่หยุด
ในขณะเดียวกันองค์รัชทายาทหนานฮวาที่สลัดตัวจากคนชุดดำได้พ้นก็ไล่ตามเข้ามา เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า สีหน้าของเขาก็พลันมืดมนราวกับก้นกระทะทันที ทั้งหวาดผวาและตกใจ อธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร…
บนตัวของผู้หญิงคนนี้มีสิ่งแบบนี้ซ่อนไว้อยู่ด้วยงั้นหรือ? ลองคิดดูว่าหากก่อนหน้านี้นางใช้มันกับตัวเองหรือไม่ก็ฉางซือหมิงต่อหน้าผู้คนไป ไม่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นอย่างไรก็ทำให้หวาดผวาขนหัวลุกเหลือเกิน
ทหารองครักษ์ของเขาเองก็ตกใจไม่แพ้กันพลางพูดขึ้นอย่างลังเลว่า “องค์รัชทายาทขอรับ จะไล่ตามนางไปต่อไหมขอรับ?”
“ไล่ตามไป!” องค์รัชทายาทหนานฮวาตอบโดยไม่ต้องคิด พวกเขาทั้งหลายรีบเดินมุ่งหน้าออกไปโดยหลีกเลี่ยงการปะทะกับคนชุดดำที่ล้มระเนระนาดอยู่บนพื้น
ฉู่สวินหยางมุ่งหน้าหนีออกมาได้ไกลพอสมควร เมื่อเห็นพวกเขายังไล่ตามอย่างไม่ลดละแบบนั้นก็ยิ่งหงุดหงิดจนคิ้วขมวดเป็นปม แต่ในขณะเดียวกันที่นางหันหลังไปมองตอนนั้น จู่ๆ ตรงหน้าก็มีเสียงลมพัดโหยหวนสาดกระหน่ำเข้ามา…
ตามมาด้วยการโจมตีของฝนธนูที่พุ่งเข้ามาหากันใหญ่จากทางด้านนอกป่า
ฉู่สวินหยางตกใจ รีบล้มตัวลงแนบไปกับพื้นแล้วกลิ้งไปด้านข้าง พยายามหลบการโจมตีนั้น
ดูท่าอีกฝ่ายจะเตรียมการมาอย่างดีมากกว่าที่นางคิดไว้เยอะนัก แค่สถานที่ตรงนี้ก็มีแนวป้องกันอยู่สองที่แล้ว
พลธนูที่ล้อมอยู่ด้านนอกเห็นว่าการโจมตีครั้งแรกไม่เป็นผล ก็รีบทำการโจมตีครั้งที่สองทันที
ในเวลานี้พวกองค์รัชทายาทหนานฮวาก็ตามมาทันพอดี เห็นสถานการณ์ดังนั้นก็โมโหเป็นอย่างมาก ขณะที่กำลังหลบลูกศรพวกนั้น คนของเขาก็ถูกโจมตีจนกระจัดกระจาย
องค์รัชทายาทหนานฮวากวาดตามองด้วยความรวดเร็ว ก็เห็นฉู่สวินหยางที่หลบซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้นั่นเข้า
เขาสบตาเข้ากับแววตาเย็นชาแน่วแน่ระมัดระวังของนาง อารมณ์โกรธโมโหในใจของเขาพลันเลือนหายไปไม่น้อย พูดเยาะเย้ยอีกฝ่ายขึ้นว่า “ดูท่าจะมีแต่คนเกลียดเจ้านะเนี่ย!”
“เช่นกัน เช่นกัน!” ในเวลานี้ฉู่สวินหยางไม่มีอารมณ์มาต่อปากต่อคำกับเขา นางหันไปมองเขาหนึ่งทีแล้วพูดอย่างไม่อ่อนข้อด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทำไมองค์รัชทายาทต้องพูดแดกดันเยี่ยงนี้ด้วย? ตอนนี้ทั้งข้าและท่านก็กลายเป็นเหยื่อของคนอื่นเขาหมดแล้วไม่ใช่หรอกหรือ หากข้าตายไปพวกเขาก็ไม่มีทางหยุดแค่นั้นหรอก เพราะหากงานนี้ยังได้ศีรษะขององค์รัชทายาทหนานฮวาไปด้วยแล้วนั้นไซร้…คงเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างมากเชียวล่ะเจ้าค่ะ!”
ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองฝ่ายจะเคยร่วมมือกัน แต่สุดท้ายอย่างไรแล้วก็ยังเป็นศัตรูกันอยู่ดี เมื่อมีโอกาสอันดีงามวางอยู่ตรงหน้าแบบนี้ คนที่ได้ศีรษะของเขาไปก็ยังสามารถนำไปถวายเพื่อรับความดีความชอบได้อีก อีกอย่างเมื่อฆ่าปิดปากฉู่สวินหยางไปแล้ว เรื่องทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนั้นก็จำเป็นต้องสะสางให้หมดสิ้นเช่นเดียวกัน
ทำไมองค์รัชทายาทหนานฮวาจะไม่เข้าใจจุดนี้…
ครั้งนี้เขาโดนผู้หญิงตรงหน้าลากมาซวยด้วยกันเข้าจริงๆ แล้ว แถมสภาพยังย่ำแย่กว่านางมากเหลือเกิน
เพราะอย่างไรข้อตกลงระหว่างคนพวกนั้นกับคนของเขาที่ฉู่สวินหยางรู้มา มันก็เป็นแค่คำพูดปากเปล่าเท่านั้น ถึงแม้ฉู่สวินหยางจะไม่ตาย ตอนนี้ขอเพียงแค่อีกฝ่ายได้ศีรษะของเขาแล้วเอาไปถวาย นั่นก็ถือได้ว่าเป็นความดีความชอบอันใหญ่หลวงมาก ถึงตอนนั้นไม่ว่าฉู่สวินหยางจะพูดอะไรไปมันก็เป็นแค่คำพูดปากเปล่าที่ไม่มีหลักฐานแน่ชัด
เมื่อคิดแบบนั้นแล้ว…
ฆ่าเขาให้ตายมีประโยชน์มากกว่าฆ่าปิดปากฉู่สวินหยางมากนัก
พวกเขาสองคน ดวงตาทั้งคู่สบมองกัน ต่างฝ่ายต่างเกลียดขี้หน้ากัน จากนั้นจึงสบถออกมาอย่างเย็นชาแล้วเบือนหน้าหนี
พลธนูข้างหน้ายิงฝนธนูออกมาอีกห่าใหญ่ ถือโอกาสตอนที่พวกนั้นเตรียมตัวใส่ลูกศร องค์รัชทายาทหนานฮวารีบส่งสัญญาณมือให้กับพวกทหารองครักษ์
จากนั้นก็มีเงาคนพุ่งออกมาจากด้านหลังพุ่มไม้ มุ่งหน้าจู่โจมออกไปด้วยความรวดเร็ว
เมื่อเสียงกระทบจากการปะทะกันของอาวุธดังขึ้น ฉู่สวินหยางกับองค์รัชทายาทหนานฮวากำลังจะโล่งอกวางใจ แต่ทว่ากลุ่มคนชุดดำที่พวกเขาเพิ่งสลัดทิ้งไปได้ก็เร่งฝีเท้าตามขึ้นมาทันอีกแล้ว
พวกเขาสองคนหันหน้ามองกัน ต่างฝ่ายต่างก็เห็นอารมณ์เสียดสีเยาะเย้ยอยู่ในแววตาของอีกฝ่าย ทว่าพวกเขากลับไม่มีเวลามาถกเถียงกันเอง ทำได้เพียงชักดาบออกมาเข้าไปต่อสู้กับข้าศึกอย่างพร้อมเพรียงกัน
เมื่อทหารองครักษ์ที่พุ่งตัวออกไปช่วยเปิดทางให้ก่อนหน้านั้น ได้ยินสถานการณ์ตรงนี้เข้าก็รีบวิ่งกลับมาช่วยเหลือพวกเขา
สองฝ่ายสู้รบฆ่าฟันกันชุลมุนวุ่นวาย
ฉู่สวินหยางแฝงตัวอยู่ในกลุ่มฝูงชน ในทางหนึ่งก็พยายามต่อกรกับมือลอบสังหารชุดดำพวกนั้น ในอีกทางหนึ่งก็พยายามสอดส่องสถานการณ์ตรงหน้าอย่างปราดเปรียวว่องไว พยายามหาโอกาสอันเหมาะสมปลีกตัวหนีอยู่ทุกเวลา…
นางกับองค์รัชทายาทหนานฮวาผู้นี้เป็นศัตรูหาใช่พันธมิตรกันไม่ เพราะเหตุนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงเรื่องคุณธรรมความดีอะไรนั่นหรอก
แต่ตอนนี้ต่อสู้กันมาครึ่งค่อนวันแล้วก็ยังไม่จบสิ้นเสียที องค์รัชทายาทหนานฮวาที่ถูกนางดึงตัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหลายต่อหลายครั้งแบบนี้ ก็ยิ่งระมัดระวังป้องกันตัวจากนางตลอดเวลา คิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้ทั้งเจ้าเล่ห์ไร้เยื่อใยและยังลงมือจัดการคนอื่นอย่างโหดเหี้ยม แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในสมรภูมิรบเขาก็ยังตามติดอยู่ข้างกายนางไม่ห่าง ติดแน่นราวกับเป็นแผ่นกอเอี๊ยะก็ไม่ปาน
ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติเยี่ยงนี้ ฉู่สวินหยางเองก็ไม่มีอารมณ์ไปต่อล้อต่อเถียงกับเขา ขณะที่นางพยายามต่อสู้กับศัตรูตอนนั้น ทางด้านหลังฉู่ฉีเหยียนที่ได้ยินข่าวคราวเข้าก็รีบตามขึ้นมา
เมื่อเขาเห็นสถานการณ์ตรงหน้าเป็นเยี่ยงนั้น เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม ชักดาบออกมาแล้วมุ่งหน้าเข้าไปร่วมต่อสู้อย่างไม่ลังเล ในขณะที่ชักดาบฟันลงไปบนร่างของคนชุดดำที่กำลังโจมตีฉู่สวินหยางนั้น เขาก็จับข้อมือของนางไว้แล้วหันหลังฆ่าฟันศัตรูมุ่งหน้าฝ่าวงล้อมออกไปด้านนอก
การปรากฏตัวขึ้นของเขาเป็นสิ่งที่ใครต่างก็คาดไม่ถึง
ฉู่สวินหยางเองก็ยังไม่ทันได้รู้สึกตัว ในขณะที่นางถูกเขาดึงตัวให้ไปหลบอยู่ข้างหลังตอนนั้น นางก็เพิ่งรู้สึกตัวถึงกับขมวดคิ้วจนต้องหันไปมอง
———————————–