สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 74.3 โลกมันแคบ (3)
ฉู่ฉีเหยียนกระตุกยิ้มที่อ่านไม่ออก แต่ก็มิได้แสดงความเห็น
หลี่หลินเห็นเขาเงียบ ก็เอ่ยต่อว่า “ส่วนทางคังจวิ้นอ๋องก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติขอรับ วันที่กลับมาจากเมืองฉู่เขาก็แวะไปที่อารามเมตตา จากนั้นก็อยู่แต่ในเมืองหลวง สถานที่ที่เข้าออกก็มีเพียงท้องพระโรงกับศาลาว่าการเท่านั้น”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของหลี่หลินก็พลันเปลี่ยนเป็นนิ่งเรียบ เอ่ยว่า “จริงสิ ที่ซื่อจื่อเคยให้ข้าน้อยตรวจสอบประวัติชายารองแซ่ฟาง ภูมิหลังของนางไม่ซับซ้อน นางเป็นข้ารับใช้อยู่ในวังหลวงสิบสี่ปี เป็นคนเงียบๆ เหมือนว่าตอนนั้นก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กับใคร ต่อมาปีเซี่ยนจงที่ยี่สิบได้มีการปล่อยให้นางกำนัลอายุมากออกจากวังกลุ่มหนึ่ง ไม่นานหลังจากนั้นฮ่องเต้ก็ยกทัพไป บ้านเกิดของชายารองแซ่ฟางซึ่งอยู่ทางเหนือ ตอนที่องค์รัชทายาทนำทัพข้ามแม่น้ำไปก็ถูกทัพของต้าหรงตีกลับจนเกือบต้องทิ้งชีวิตไว้กลางแม่น้ำ โชคยังดีที่ชายารองแซ่ฟางซึ่งอาศัยอยู่แถวนั้นมาช่วยไว้ได้ทัน ทั้งยังพาเขาหลบเข้าป่า จนเอาตัวรอดจากการไล่ล่าของศัตรูได้ หลังจากนั้นนางก็ติดตามอยู่ข้างกายองค์รัชทายาทขอรับ”
ฉู่ฉีเหยียนเพียงรับฟังไม่แสดงความเห็น พลางเล่นแส้ม้าในมืออย่างครุ่นคิดว่า “ไปตรวจสอบที่บ้านเกิดนางดูหรือยัง?”
“หมู่บ้านแถบนั้นถูกสงครามทำลายจนสิ้น ข้าน้อยส่งคนไปดูแล้ว เหลือเพียงที่รกร้างว่างเปล่าขอรับ” หลี่หลินตอบ
“เช่นนั้นก็แค่เรื่องเล่าสินะ?” หัวคิ้วของฉู่ฉีเหยียนขมวดมุ่น
“ก็ไม่ทั้งหมดขอรับ” หลี่หลินเหลือบมองสีหน้าเขา แล้วรีบอธิบายว่า “ข้าน้อยได้ลองหาทางค้นดูบันทึกที่ราชวงศ์ก่อนเหลือทิ้งไว้ ตรวจสอบก็พบว่าพ่อแม่ของนางเสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือเพียงน้องสาวที่อ่อนกว่าสองปี ต่อมาก็ตายจากไปเพราะพิษสงคราม ส่วนชีวิตในช่วงนั้นของชายารองแซ่ฟาง ก็ถูกต้องตรงกันทั้งหมด ไม่มีปัญหาอะไรขอรับ”
สตรีที่เป็นเพียงข้ารับใช้ในวัง เวลานี้ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว จะสืบค้นข้อมูลของนางคงไม่ง่ายนัก ยิ่งกว่านั้น…
ครานั้นที่ฉู่เป้ยโจมตีพระราชวังต้าหรง เขาจุดไฟเผาทุกอย่างจนวอดวาย คิดจะหานางกำนัลสักคนที่เข้าวังพร้อมกันกับคนแซ่ฟางจึงยากยิ่ง
“หากไม่มีคนมายืนยันต่อหน้า ข้าก็ยังไม่วางใจ” ฉู่ฉีเหยียนเม้มปาก ก่อนจะเบนสายตาไปมองที่ห่างไกล “ไปสืบต่อเถอะ!”
คนแซ่ฟางผู้นี้ แม้สิ่งที่พบเจอมาครึ่งชีวิตจะทำให้คนฟังทอดถอนใจ แต่สตรีเช่นนาง หลี่หลินกลับไม่รู้สึกว่าจะขุดความลับสำคัญอะไรออกมาได้
แต่เมื่อเป็นคำสั่งของฉู่ฉีเหยียน เขาก็ไม่อาจขัดข้อง รีบพยักหน้ารับคำ “ขอรับ ข้าน้อยจะให้คนไปสืบต่อ!”
จากนั้นก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ อีกเรื่อง “ซื่อจื่อ ยังมีอีกเรื่องขอรับ…”
“อืม!” ไม่รู้ฉู่ฉีเหยียนกำลังคิดอะไรอยู่ จึงส่งเสียงตอบรับอย่างใจลอย
หลี่หลินทำหน้าไม่สบายใจ ก่อนจะเอ่ยปากอย่างลังเล “ก่อนไปเมืองฉู่ข้าน้อยจัดวางคนไว้ที่แถวอารามเมตตาเพื่อจับตาดูชายารองแซ่ฟาง ทว่า…ตอนนี้หาคนไม่เจอแล้วขอรับ”
“หืม?” ฉู่ฉีเหยียนฟังก็ชะงักไป หันหน้ากลับมามองเขา
หลี่หลินก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด “สองวันก่อนตอนที่กลับมาจากเมืองฉู่ เพราะวุ่นวายหลายเรื่อง ข้าน้อยจึงลืมไป พอช่วงนี้มีเวลา คิดจะเรียกคนมาสอบถาม ปรากฏว่าตามตัวไม่เจอแล้ว ค้นหาจนทั่วก็ไม่มีร่องรอย อาจจะ…”
“เป็นความเลินเล่อของข้าน้อยเอง” หลี่หลินตอบ น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นรู้สึกผิด “อาจจะถูกคนของวังบูรพาจับได้ขอรับ!”
คนแซ่ฟางอาศัยอยู่บนเขาคนเดียว ฉู่อี้อันไม่มีทางปล่อยนางทิ้งไว้แบบนั้นแน่ อย่างไรก็ต้องมีการป้องกันไว้บ้าง
“มาถึงขนาดนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับแตกหักกันแล้ว ยังกลัวถูกจับได้อีกรึ?” เหนือความคาดหมาย ฉู่ฉีเหยียนทำหน้าไม่ใส่ใจเลยสักนิด “ให้คนตามต่อ!”
สิ่งแรกที่ฉู่ฉีเฟิงทำหลังจากกลับมา คือไปหาคนแซ่ฟาง?
เรื่องนี้…
เหมือนจะมีบางอย่างชอบมาพากล
“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!”
ทางด้านฉู่ฉีเฟิงเพิ่งจะนำองครักษ์เดินเลี้ยวมุมถนนออกมา ทันใดนั้นสายลับที่เพิ่งส่งออกไปก็กลับมารายงานว่า “ท่านชาย เมื่อครู่ซื่อจื่อจวนอ๋องหนานเหอเจอกับรถม้าของท่านหญิงฉางหนิง สองคนหยุดสนทนากันครู่หนึ่งขอรับ”
ฉู่ฉีเฟิงทำหน้าเหมือนรู้อยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะโบกมือให้อีกฝ่ายล่าถอยไป
จูหย่วนซานที่แบกฮั่วชิงเอ๋อร์รออยู่ตรงมุมถนนถึงค่อยโผล่ออกมา
“ท่านชาย!” จูหย่วนซานเรียก แล้วส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้ “คุณหนูฮั่วทำตกไว้ตอนที่ชุลมุนเมื่อครู่ขอรับ”
ฉู่ฉีเฟิงไม่ได้รับจดหมายนั้นมา ทั้งเบนสายตาหนีอย่างไม่ใส่ใจ “ส่งนางกลับเถอะ!”
“ท่านชาย…” จูหย่วนซานเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจ
ฉู่ฉีเฟิงกลับเอ่ยเสียงเย็นว่า “เจ้าบอกกับฮั่วกังด้วยว่า ต่อมาอย่าได้คิดเล่นไม้นี้กับคนข้างกายข้าอีก ครั้งนี้ข้าจะไม่เอาความ แต่หากมีครั้งหน้า ไม่ว่าจะเป็นคุณหนูฮั่วหรือว่าเขา จะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้อีกแล้ว”
ไม่ว่าในจดหมายจะเป็นสิ่งใด ในเมื่อเป็นของสำคัญ เหตุใดจึงมาอยู่ในมือคุณหนูฮั่วอย่างง่ายดายได้? ทั้งยังนำออกมาภายนอกอีก
จูหย่วนซานได้ฟัง ก็อดสะดุ้งตกใจมิได้
ฉู่ฉีเฟิงกำลังจะบังคับม้าให้เดินหน้าต่อ ฮั่วชิงเอ๋อร์ที่ถูกวางพิงกำแพงไว้ชั่วคราวพลันได้สติ
นางปีนขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ก้าวเท้าเข้ามาอย่างรีบร้อน ถามเสียงเบาอย่างไม่อยากเชื่อว่า “ท่านชายพูดเรื่องอะไร? ท่านพ่อข้า…”
นางซ่อนตัวอยู่นอกหน้าต่าง แอบฟังฮั่วกังกับฮูหยินฮั่วสนทนากัน
ตอนนั้นเพราะลนลานจึงไม่ได้คิดมาก ตอนนี้ลองคิดดู…
ฮั่วกังเป็นคนฝึกวรยุทธ์ นางแอบอยู่นอกหน้าต่างตั้งนานมีหรือที่เขาจะไม่รู้สึกตัว?
วาจาของฮั่วชิงเอ๋อร์เพิ่งหลุดออกไป แต่ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาตอบคำถามแล้ว
สีหน้านางขาวซีด ก้าวถอยหลังด้วยสติที่ล่องลอย
———————————————–