สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 77.2 พบกันอีกครั้ง (2)
ห้าวันให้หลัง คณะของผู้แทนพระองค์ได้เดินทางมาถึงแคว้นฉู่
หลังจากชัยชนะจากการไล่ล่าครั้งที่แล้วของฉู่ฉีเฟิง จึงยึดเมืองทั้งห้าของฉางสุ่ยจวิ้นเอาไว้ได้อย่างราบรื่น ดังนั้นหากจะพูดอย่างจริงจังแล้ว เมืองชายแดนเหล่านี้ไม่ใช่แคว้นฉู่อีกต่อไป แต่เป็นเมืองๆ หนึ่งทางทิศตะวันตกของฉางสุ่ยจวิ้น นามว่าหลายเฟิ่งเฉิง
จุดหมายของฉู่ฉีเฟิงอยู่ที่นี่
หลังจากมาถึงแคว้นฉู่ เจิ้งตั๋วได้เดินทางต่อไปยังค่ายทหารโดยไม่หยุดพัก
ฉู่สวินหยางสองพี่น้องเข้าพักในโรงเตี๊ยม
จูหย่วนซานนำคนไปจัดการเรื่องสัมภาระ ฉู่ฉีเฟิงและฉู่สวินหยางจึงไปยังโถงบุปผาก่อน เพิ่งจะเข้าประตู เจี่ยงลิ่วที่เต็มไปด้วยเหงื่อเพิ่งจะมาจากทางด้านหลังอย่างพร้อมจดหมายฉบับหนึ่ง รายงานว่า “ท่านอ๋อง ท่านหญิง มีข่าวจากทางหนานฮวาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของทั้งสองพี่น้องพลันเคร่งขรึม
ฉู่ฉีเฟิงรับจดหมายฉบับนั้นมาเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉู่สวินหยางเข้ามายืนอยู่ข้างกายเขาเพื่อกวาดสายตาอ่านดู จากนั้นจึงหัวเราะเสียงเย็นอย่างดูหมิ่นขึ้นครั้งหนึ่ง “องค์รัชทายาทผู้นี้ร้ายกาจยิ่งนัก ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ องค์ชายหกนั้นต้องตกเป็นนักโทษถูกทำลายชื่อเสียง องค์ชายสี่นั้นขุดหลุมฝังศพตัวเองจึงถูกฮ่องเต้ทอดทิ้ง กลับกลายเป็นเขาเองที่เข้ามาพัวพันในเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นกลับลุกขึ้นยืนได้ ยังคงเป็นเขาที่คว้าโอกาสมาเยือนซีเยว่ในฐานะทูตได้”
“ตำแหน่งรัชทายาทของแคว้นหนึ่งๆ นั้นมักจะตกอยู่ในการคาดเดาของผู้อื่นเสมอ หนำซ้ำเบื้องหลังของเขายังมีเฉินฮองเฮาและติ้งกั๋วกงสกุลเฉินอยู่ เรื่องในครั้งนี้เขาไม่จำเป็นต้องกังวลด้วยซ้ำ คนของสกุลเฉินย่อมหักร้างถางพงให้เขาอยู่แล้ว” ฉู่ฉีเฟิงกล่าว สีหน้าเคร่งขรึม ในน้ำเสียงนั้นไม่มีความเย้ยหยัน กลับพูดอย่างระมัดระวังว่า “คำกล่าวที่ว่า ‘การปกครองที่ปราศจากการปกครอง’ นั้น ความสามารถเช่นนี้หากจะพูดขึ้นมาแล้วองค์รัชทยาทหนานฮวาผู้นี้ถือได้ว่าเป็นผู้ที่อยู่ในลำดับต้นๆ”
คนส่วนใหญ่นั้นหากมีชาติกำเนิดที่สูงสุด ล้วนทนไม่ได้ต่อสายตาดูแคลนและบีบคั้นจากผู้อื่น แต่องค์รัชทายาทหนานฮวาผู้นี้กลับทำได้โดยไม่เอ่ยวาจาใดใดมาเป็นเวลาหลายปี เพียงแค่ความอดทนอดกลั้นของเขานั้นก็ยากนักที่จะหาผู้ใดเปรียบ
“ในเมื่อได้กำหนดผู้ที่ถูกเลือกแล้ว หากดูจากการเดินทางยามนี้คนผู้นี้อยู่ระหว่างการเดินทางแล้ว อย่างช้าที่สุดภายในสามวันนี้เขาต้องเดินทางมาถึงเมืองหลายเฟิ่ง” เมื่อสงบจิตใจที่สับสนวุ่นวายลงได้ ฉู่สวินหยางจึงกล่าวออกมา
“อืม” ฉู่ฉีเฟิงเก็บจดหมายฉบับนั้น ส่งคืนให้เจี่ยงลิ่ว “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้พวกเขาไม่ต้องจัดการกับสัมภาระแล้ว ข้าไม่อยู่ที่นานนักหรอก เตรียมตัวออกเดินทางได้ พวกเราจะไปเมืองหลายเฟิ่ง”
“พ่ะย่ะค่ะ” เจี่ยงลิ่วรับคำ โค้งคำนับแล้วถอยออกไป
ฉู่ฉีเฟิงมองตามเงาร่างของเขาออกไปแวบหนึ่ง จากนั้นจึงถอนสายตากลับมามองฉู่สวินหยางและกล่าวต่อ
“เจ้าอยู่ที่นี่…ข้าจะทิ้งคนไว้ให้เจ้าส่วนหนึ่ง”
การมาที่นี่ของฉู่สวินหยางนั้นไม่ได้มาเพราะนึกสนุกอันใด
สองพี่น้องต่างเข้าใจกันโดยไม่ต้องเอ่ยวาจา
แววตาของฉู่สวินหยางมีความไม่แน่ใจในตนเองนัก พยักหน้ากล่าวว่า “อืม ท่านพี่ให้หย่วนซานและคนไม่กี่คนเหลืออยู่ที่นี่ ท่านไปจัดการเรื่องสำคัญเถิด ไม่ต้องเป็นห่วงข้า”
ฉู่ฉีเฟิงมองนาง ทั้งๆ ที่ในใจมีคำพูดอยากเอ่ยออกไป แต่เมื่อคำพูดมาถึงปากแล้วไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดขึ้นอย่างไรดี สุดท้ายได้แต่ปล่อยให้โอกาสผ่านพ้นไป ได้แต่ยกมือขึ้นตบบ่านางแล้วกล่าวว่า “เจ้าต้องระมัดระวังสักหน่อย หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นให้หย่วนซานติดต่อข้า”
“จะมีเรื่องอันใดได้เล่า? ต่อให้เจิ้งตั๋วมา แคว้นฉู่ทั้งข้างนอกและข้างในต่างตกอยู่ในกำมือแล้ว” ฉู่สวินหยางกล่าว ไม่คัดค้านใดใด
ฉู่ฉีเฟิงจึงไม่พูดอะไรอีก สองพี่น้องคุยกันไม่กี่ประโยค เจี่ยงลิ่วเข้ามารายงานจากด้านนอกว่าทุกอย่างได้เตรียมการพร้อมสรรพ ออกเดินทางได้ทันที
“เช่นนั้นข้าออกเดินทางไปก่อน อีกหลายวัน…” ฉู่ฉีเฟิงกล่าว ส่งสายตาเป็นคำถามให้แก่ฉู่สวินหยาง
ฉู่สวินหยางหัวเราะ “ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกทีเถอะ”
สถานการณ์ทางเหยียนหลิงจวินยังไม่แน่ชัด นางพูดอะไปในยามนี้ถือว่าเร็วเกินไปทั้งสิ้น
“อืม” ฉู่ฉีเฟิงพยักหน้า สะบัดชายเสื้อคลุมยาวแล้วก้าวยาวๆ ออกไป
ฉู่สวินหยางมองส่งเขาจากกลางห้องโถง จนกระทั่งเห็นเงาหลังของเขาออกจากเรือนไป รอยยิ้มบางๆ บริเวณมุมปากของนางก็หายไปพร้อมกันด้วย
นางหันกลับมามองเจี๋ยหง “ข่าวทางนั้นของเจ้าเป็นเช่นใดกันแน่? ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? ยังไม่กลับมาอีกหรือ?”
ระยะนี้นางได้แต่กดดันถามข่าวคราวของเหยียนหลิงจวินกับเจี๋ยหง แต่ทั้งสองคนนั้นได้รับคำสั่งมา ดังนั้นไม่ว่านางจะซักไซ้อย่างไรก็ไม่ยอมเอ่ยปาก
ทว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เจี๋ยหงไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกต่อไป ยามนี้จึงหลุบตาลงพูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า “บ่าวไม่ได้มีเจตนาจะปิดบังท่านหญิงเจ้าค่ะ แต่บ่าวไม่รู้ข่าวคราวของนายท่านเลยจริงๆ แต่ระหว่างที่พวกเราเร่งเดินทางกันนั้นเคยได้รับสารจากนกพิราบจากอิ้งจื่อ บอกว่านายท่านได้ออกเดินทางกลับมาหุบเขาเพลิงอัคคีแล้วเจ้าค่ะ ดูจากการเดินทางแล้วนั้น ควรจะเดินทางมาถึงวันนี้หรือไม่ก็วันพรุ่งนี้เจ้าค่ะ”
สถานการณ์ความวุ่นวายภายในของหนานฮวานั้นได้สงบลงแล้ว ตามความคิดเห็นของเหยียนหลิงจวิน เขาย่อมไม่รั้งอยู่ในสถานที่เช่นนั้น
ทว่าเขากลับจงใจถ่วงเวลาที่จะกลับมาในเวลานี้
หากถูกเรื่องภายในราชสำนักของหนานฮวารั้งเอาไว้ ทางฉู่ฉีเฟิงย่อมได้รับข่าวสารแต่เนิ่นๆ แล้ว แต่นี่ไม่ใช่…
เช่นนั้นจึงมีเพียงคำอธิบายเพียงประการเดียว…
เขาถูกเรื่องของตนทำให้เสียเวลา
เมื่อคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ ฉู่สวินหยางรู้สึกปวดใจ แม้กระทั่งหายใจยังรู้สึกยากลำบาก กัดฟันพูดออกมาทีละคำ
“เขา…สบายดีใช่ไหม?”
“อิ้งจื่อไม่ได้พูดเจ้าค่ะ” เจี๋ยหงกล่าว แต่เมื่อเห็นสีหน้าสลดหดหู่ลึกๆ นั้นแล้วก็รู้สึกปวดใจไปด้วย จึงรีบกล่าวต่อทันทีว่า “นายท่านมีเจ้าหุบเขาปีศาจติดตามอยู่ข้างกายตลอดการเดินทาง ท่านหญิงโปรดทำใจให้สบายเถิดเจ้าค่ะ ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก”
สีหน้าของฉู่สวินหยางซีดขาว ได้แต่ฝืนยิ้มขมขื่น ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมาและก้าวข้ามธรณีประตูเข้าสู่เรือนด้านใน
คนทั้งสองควบม้ามุ่งหน้าสู่หุบเขาเพลิงอัคคี
ลักษณะพื้นที่ของหุบเขานั้นแปลกประหลาดนัก หลังจากทะลุป่าสนออกมาแล้ว ด้านในยังต้องผ่านสถานที่แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าและดอกไม้นานาชนิดที่อยู่บนทางเล็กๆ ระหว่างภูเขา มุ่งไปข้างหน้าอีกเล็กน้อยจึงเห็นด้านบนเป็นการก่อสร้างบ้านที่โงนเงน ครึ่งหนึ่งอยู่ใต้หน้าผาด้านล่างเป็นบ้านพักที่มีลักษณะที่ตั้งกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
บ้านเรือนนั้นไม่นับว่าเป็นระเบียบเรียบร้อยนัก มีทั้งบ้านใหม่บ้านเก่า ทั้งหลังใหญ่และหลังเล็ก
พื้นที่ว่างด้านหน้าวางชั้นที่ทำมาจากไม้สำหรับตากยาสมุนไพรจำนวนมาก ด้วยเหตุที่เจ้าของบ้านออกไปอย่างเร่งรีบ มียาสมุนไพรจำนวนหนึ่งที่ตากไว้ด้านนอกจึงไม่ได้เก็บเข้ามา ท่ามกลางสายลมและแสงแดดมียาสมุนไพรจำนวนมากที่สลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ฉู่สวินหยางหยิบยาสมุนไพรที่ยังนับได้ว่าสมบูรณ์ขึ้นมาไว้ในมือ ไม่คิดว่าเพียงแค่นิ้วมือแตะลงไป ใบไม้นั้นกลับกลายเป็นผงที่ปลายนิ้วของนาง
ด้วยความว่องไวของนาง เจี๋ยหงจึงเดินตามเข้าไปและหาอยู่รอบหนึ่งกล่าวว่า “ท่านหญิง ด้านในไม่มีคนเจ้าค่ะ พวกนายท่านน่าจะยังไม่ได้กลับมา พวกเราจะรออยู่ที่นี่ หรือจะกลับไปรอที่แคว้นฉู่เจ้าคะ?”
“พูดกันแล้วว่าจะอยู่ที่นี่สักวันสองวันไม่ใช่หรือ? ไปดูๆ เถอะ” ฉู่สวินหยางกล่าว ตบมือเพื่อปัดฝุ่นจากใบไม้ กลับหลังหันเดินย้อนกลับไป
เจี๋ยหงวิ่งก้าวเล็กๆ ตามไป
คนทั้งสองเดินผ่านป่าสนอย่างรวดเร็ว เดินอ้อมผ่านชั้นวางดอกไม้เถาวัลย์
————————