สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 78.3 พบกันอีกครั้ง (3)
นางไม่คิดว่าเหยียนหลิงจวินกำลังนอนหลับ เพราะถูกรั้งเอาไว้ให้อยู่ที่นี่ทั้งวันน่าจะนอนพอแล้ว
ส่วนเหยียนหลิงจวินรู้ตั้งนานแล้วว่ามีผู้อื่นเข้ามา ทว่ากลับไม่ลืมตา มีเพียงริมฝีปากที่มีรอยยิ้มปรากกฎอยู่
ฉู่สวินหยางเดินเข้าไป จนกระทั่งมองหน้าเขาได้อย่างชัดเจน จากนั้นยังยอบกายลงนั่งลงบนขอบน้ำพุร้อน
“ตั้งแต่เช้าจนค่ำต้องแช่อยู่ที่นี่ ไม่เบื่อบ้างหรือ?”
ระหว่างที่พูดนางก็ดึงชายกระโปรงขึ้น ให้เท้าทั้งคู่แช่อยู่ในน้ำ
อุณหภูมิของน้ำสูงเล็กน้อย เมื่อแรกเริ่มแช่นั้นทำให้รู้สึกไม่สบายเท่าไรนัก ฉู่สวินหยางวาดเท้าไปมาในนั้นและคุ้นเคยอย่างรวดเร็ว
“มาได้อย่างไร?” เหยียนหลิงจวินกล่าว พิงขอบบ่อไม่ได้ลืมตา ฝ่ามือที่ลูบไล้อยู่ในน้ำคว้าขาของนางได้ข้างหนึ่ง กางมือออกจับฝ่าเท้าของนางเอาไว้
แม้ฉู่สวินหยางมีนิสัยเลือดร้อนแน่วแน่ แต่ยังคงเป็นสาวน้อยหน้าตางดงาม
รูปร่างสูงชะลูด แต่ไม่สูงใหญ่ อวัยวะบนใบหน้าทั้งห้างดงาม ไม่กรีดกราย แต่รายละเอียดต่างๆ นั้นกลับงดงามยิ่งนัก เป็นความงดงามที่สามารถสัมผัสได้ถึงน้ำหมึกในภาพวาดที่กลายเป็นทิวทัศน์อันงดงาม ภายใต้การปรุงแต่งทำให้งดงามเฉิดฉันท์ และในยามที่ไม่ได้ปรุงแต่งใด นางกลับมีสิ่งที่ผู้อื่นมองข้ามไม่ได้ที่ทำให้ผู้คนอยากเก็บเอาไว้
ฝ่าเท้าของนางไม่กว้าง เมื่อตกอยู่ในฝ่ามือของเหยียนหลิงจวิน กลับพอเหมาะพอเจาะอย่างยิ่ง
เหยียนหลิงจวินมีรอยยิ้มติดอยู่บนริมฝีปาก ถามอีกครั้งอย่างใจลอยว่า “ทำไมจึงเข้ามาในเวลานี้เล่า?”
“ข้าก็อยากเข้ามาในเวลาอื่นเหมือนกัน” ฉู่สวินหยางเบ้ปาก พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจเท่าไรนักว่า “อาจารย์ปู่ท่านนั้นของท่าน กันข้าราวกับป้องกันโจรขโมยอย่างไรอย่างนั้น หากเขาไม่นอนก็เหมือนเป็นเทพเฝ้าทวารองค์หนึ่งขวางประตูเอาไว้ อายุมากเช่นนี้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหนกัน”
“หึ…” เหยียนหลิงจวินไม่พูดอันใด ออกแรงนวดฝ่าเท้าของนาง “นั่นเขากำลังโมโหข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าก็เหมือนกัน รู้ทั้งรู้ว่าเขาเจ้าอารมณ์เป็นเด็กๆ ก็ไม่ปลอบโยนเขา ยังจะไปงัดข้อกับเขาอีก”
“เหตุใดข้าต้องปลอบโยนเขา” ฉู่สวินหยางกล่าว ร้องหึขึ้นครั้งหนึ่ง ซ้ำยังเตะเท้าในน้ำอีกสองสามที
ละอองน้ำสาดกระจาย ใบไม้สมุนไพรที่ลอยอยู่ในน้ำลอยขึ้นมาบ้างจมลงไปบ้าง ราวกับเป็นเรือน้อยที่ลอยอยู่กลางทะเล
กระโปรงของนางตกลงในน้ำ บานอยู่ในน้ำเป็นผืนใหญ่
กระโปรงสีเขียวบานออกบนผืนน้ำ ดูเหมือนใบบัวผืนใหญ่สีสันสดใส มีขาทั้งสองข้างของนางเป็นจุดศูนย์กลาง อยู่ข้างๆ ริมบ่อน้ำ
นางก้มตัวลงไป ดึงมือของเหยียนหลิงจวินไปเล่นปลายนิ้ว
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุที่แช่อยู่ในน้ำพุร้อนหรือการบำรุงร่างกายในหลายวันนี้ ร่างกายของเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ครานี้นิ้วมือของเขามีความอบอุ่นเล็กน้อย แม้จะไม่เหมือนอุณหภูมิของคนปกติทั่วไป ทว่าไม่มีความเย็นจนทำให้คนตกใจ
“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าถามพวกอิ้งจื่อ พวกนางก็ไม่ยอมพูดกับข้า” ฉู่สวินหยางกล่าว รู้สึกไม่มีความสุขนัก “เจ้าหุบเขาปีศาจต้องลำบากตลอดเวลา ยังดึงเวลามานานเช่นนี้ หากเป็นเพียงปัญหาทั่วไป ไม่ควรเป็นเช่นนี้”
วิชาแพทย์ของเหยียนหลิงโซ่วนั้นเหนือผู้อื่นและด้วยประสบการณ์ตลอดชีวิต ความรู้ในด้านนี้ของเขายากนักที่จะหาคนมาเปรียบเทียบได้
แม้แต่เขายังกังวลกับอาการเจ็บป่วยของเหยียนหลิงจวิน เห็นได้ว่าอาการของเขาไม่ดีสักเท่าไร
“ไม่ใช่พูดกับเจ้าแล้วหรือ ไม่เป็นไร ไม่ได้เป็นโรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เป็นโรคเก่าที่เป็นมานานจะรักษาให้หายภายในเวลาสั้นๆ นั้นไม่ง่ายเลย” เหยียนหลิงจวินกล่าว จับมือของนางมาจุมพิต “เจ้าอย่าได้กังวล ร่างกายของข้าเองข้าจะไม่รู้เลยหรือไร? หากเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ข้าคงไม่กลับมาพบหน้าเจ้า”
สีหน้าของฉู่สวินหยางเคร่งขรึม มองเขาด้วยสายตาสับสนวุ่นวาย อดไม่ไหวหัวเราะออกมา “เป็นเพราะหลังจากการตกน้ำนั้นทำให้โรคเก่าของท่านกำเริบใช่หรือไม่?”
นางถาม ทว่าน้ำเสียงกลับแตกต่างจากยามปกติ
เรื่องนี้ ที่จริงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน
เหยียนหลิงจวินรู้ว่าพูดไม่ชนะนาง จึงได้แต่นิ่งเงียบ
ครู่หนึ่ง เหยียนหลิงจวินจึงถอนใจยาวยืด “ที่จริงเป็นเช่นนี้ก็ดี อำพรางตัวมาหลายปี หากอยู่ดีๆ ข้าปรากฏกายอย่างอยู่ดีมีสุขต่อหน้าพวกเขา เรื่องในครั้งนี้คงคลี่คลายไม่ได้ง่ายดายเช่นนี้”
ฉู่สวินหยางมองริมฝีปากเขาที่เม้มเป็นเส้นตรง ในใจพลอยรู้สึกขมปร่าไปด้วย
นางโน้มตัวลงไป โอบมือรอบลำคอของเขาและกอดเขาเอาไว้ในอ้อมกอด
เหยียนหลิงจวินยกมือขึ้นตบหลังของนางเบาๆ สองครั้ง พูดอย่างจนปัญญาว่า “ซินเป่า เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้ อย่าได้โทษตัวเองเลย ข้าจะรู้สึกว่าสิ่งที่ข้าทำมาทั้งหมดนั้นไร้ประโยชน์”
“แต่หากเกิดเรื่องอะไรกับท่าน ข้าย่อมต้องโทษตนเองและรู้สึกผิดเช่นกัน” ฉู่สวินหยางพูดด้วยน้ำเสียงสลดหดหู่ “ถ้าหากข้าต้องแบกรับความรู้สึกผิดนี้ไปตลอดชีวิต ข้ายินยอมให้ท่านไม่เคยไปที่นั่นเลยจะดีกว่า และปรารถนาให้คนที่ตกหน้าผาลงไปนั้นเป็นตัวข้าเอง”
“ซินเป่า อย่าพูดเช่นนี้ หากผู้ที่ตกหน้าผาในวันนั้นเป็นเจ้า ข้าคิดว่าในเวลานี้ข้าคงมีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้ว” ต่อให้เรื่องราวผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นที่นางเหยียบบนอากาศที่ว่างเปล่าแล้วร่างร่วงลงจากที่สูง หัวใจของเหยียนหลิงจวินยังรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดเอาไว้ น้ำเสียงของเขาแหบพร่า เขาจุมพิตไรผมของนาง “ข้าขอเพียงเจ้าปลอดภัย…ข้าขอเพียงเจ้าปลอดภัยทุกอย่าง ไม่มีข้า เจ้ายังมีบิดาและพี่ชาย รวมไปถึง…ต่อไปยังมีคนที่มาแทนที่ข้าเพื่อดูแลเจ้า แต่หากเสียเจ้าไป ข้าไม่เหลืออะไรเลย”
โชคดีเหลือเกินที่นาทีนั้นเขาจับตัวนางเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น…
แต่ไหนแต่ไรมาไม่กล้าแม้แต่จะคิด หากมีวันหนึ่งที่นางหายไปจากชีวิตของเขาอย่างกะทันหัน ชีวิตของเขาจะมีสภาพเป็นเช่นไร
คงมีชีวิตอยู่ต่อไปแบบเละเทะอย่างที่เป็นมา? และจมปลักอยู่กับความเจ็บปวดและความกดดัน คงไม่มีวันที่จะหาทางออกใหม่ได้พบ
“ข้าไม่ต้องการให้ใครมาดูแลข้า ตัวข้าย่อมดูแลตัวเองได้ดีอยู่แล้ว ข้าไม่ต้องการให้ท่านมาวางแผนคิดแทนข้า ตลอดมามีแต่ท่านที่คอยคล้อยตามข้า” น้ำตาของฉู่สวินหยางไหลพราก พูดด้วยท่าทีหมดอาลัยตายอยากว่า “ท่านควรจะรู้ ต่อให้เป็นท่าน…เพราะพวกเราคุยกันแล้วว่าจะอยู่ด้วยกัน ข้าจึงยอมรับสิ่งที่ท่านมอบให้”
ที่จริงหากนับขึ้นมาจริงๆ เวลาที่พวกเขาทั้งสองรู้จักกันนั้นไม่นานเลย ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ไหนแต่ไรมาเป็นเขาที่คิดแทนนาง วางแผนแทนนาง
นางเงยหน้าจากหัวไหล่ของเขา มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ น้ำตาเอ่อคลอ “เหยียนหลิง ท่านรู้ว่าอะไรก็ไม่กลัว ไม่ว่าบนโลกจะขาดใครไป ข้าย่อมสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างดี แต่…อย่าให้ข้าต้องมีชีวิตที่เหลืออยู่กับความรู้สึกผิดในใจและความเสียดาย”
ครั้งที่แล้วนางมีกำลังอำนาจทหารในมือ ที่จริงแล้วขอเพียงนางต้องการ สุดท้ายแล้วต่อให้ก่อนการก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ทำการพลิกคดีขึ้นใหม่ได้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีคนยอมให้นางทำเช่นนั้น
เมื่อแรกเริ่มอาจเป็นเพราะฉู่อี้อันและฉู่ฉีเฟิงเองต่างก็รู้ในจุดนี้เช่นกัน ดังนั้นจะยอมไปตายข้างหน้าอย่างตัดใจ ไม่อยากให้ตนเองกลายเป็นภาระที่ทำให้นางต้องมีห่วง
แต่จริงๆ แล้ว…
เมื่อรู้ว่าบิดาและพี่ชายที่รักและเอ็นดูนางยอมตายเพื่อนาง เพียงแค่จุดนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้นางเป็นทุกข์และกดดันอย่างหนักจนแทบจะหายใจไม่ออก
———————-