สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 - บทที่ 93.2 ลอบสังหารคืนไหว้พระจันทร์ (2)
พวกนางกำนัลข้างกายนางไม่กี่คนเดินเข้ามาช่วยพยุงฮูหยินฮั่วที่อ่อนแรงขึ้นมา
“มีคนจำการแต่งกายและเครื่องประดับของแม่นางฮั่วได้เพคะ พระชายา!” สตรีที่อยู่ด้านข้างคนหนึ่งกล่าวเสียงเบา
วันนี้ในวังจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ทั้งยังเป็นวันมงคลที่ได้กลับมาพบกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน เหล่าคุณหนูทั้งหลายต่างก็พากันแต่งกายอย่างโดดเด่นเฉิดฉาย จึงมีเพียงฮั่วชิงเอ๋อร์เท่านั้นที่แต่งกายด้วยชุดสีเรียบง่ายเพราะไว้ทุกข์ในการจากไปของฮั่วกัง
ดังนั้นแม้ว่าจะยังไม่ได้นำคนขึ้นมา แต่ทั้งอาศัยจากการยืนยันของฮูหยินฮั่ว คาดว่าอย่างไรก็คงไม่ห่างจากความจริงนี้ไปได้มากนัก
“ยังมัวยืนทึ่มทำไมอยู่? ยังไม่รีบนำคนขึ้นมาอีก!” เต๋อเฟยตั้งสติได้ก็กวาดสายตามองไปทางพวกองครักษ์และนางกำนัลทั้งหลายที่ตามมาด้วยความโมโห
“อย่าลงไปในน้ำ โคลนในสระนี้ลึกไม่น้อย จะติดอยู่ในนั้นเอาได้” ข้ารับใช้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนผู้หนึ่งรีบขวางองครักษ์ที่กำลังจะลงไปงมศพไว้ “พระชายาโปรดคอยสักครู่นะขอรับ เดี๋ยวบ่าวจะไปนำเครื่องมือมาก่อน!”
เต๋อเฟยผงกศีรษะเล็กน้อย เขาก็สาวเท้าออกไปด้วยความเร่งรีบ
“ชิงเอ๋อร์! ชิงเอ๋อร์!” ฮูหยินฮั่วทางด้านนี้ก็ร้องไห้จนหมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว เดี๋ยวก็ประกายสายตามองไปที่น้ำนั้นเป็นครั้งเป็นคราว ปากก็เอาแต่พร่ำเรียกชื่อฮั่วชิงเอ๋อร์ด้วยความโศกเศร้า
ก่อนหน้านี้สามีเพิ่งจะจากไป ยามนี้ก็มาเสียลูกสาวไปอีก
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ล้วนรับไม่ไหวทั้งนั้น
สาวใช้ติดตามที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างก็พากันใจอ่อน มองเห็นท่าทีที่สิ้นหวังนั้นของนาง จึงอดที่จะดึงผ้ามาซับน้ำตาไม่ได้
เต๋อเฟยก็ไม่อาจรอนิ่งเฉยอยู่อย่างนี้ได้ จึงหันไปสอบถามผู้คนรอบๆ “หลังจากเกิดเรื่อง มีใครได้พบตัวแม่นางฮั่วบ้างหรือไม่? บริเวณนี้คนก็เดินให้ขวักไขว่ แม้ว่าจะเป็นยามค่ำคืน แต่หากมีคนตกน้ำ เหตุไฉนคนอื่นๆ กลับไม่มีใครได้ยินเสียงแล้วตามมาช่วยเล่า?”
“พวกเราก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นเพคะ เมื่อครู่ตอนที่กำลังจะย้อนกลับไปในงานเลี้ยง จู่ๆ ก็มีคนพบว่าเกิดเรื่องขึ้นที่นี่แล้วเพคะ!” ฮูหยินขงกล่าว ทั้งตบหลังคุณหนูขงเบาๆ เพื่อปลอบขวัญไปพลาง
ฮูหยินฮั่วที่ร้องไห้จนแทบสติหลุดเมื่อได้ฟังเช่นนี้ คล้ายกับดึงสติกลับมาได้โดยพลัน ก็ตื่นตัวขึ้นมา
“ฮูหยิน!” แม่นมหงตื่นตกใจ คิดที่จะดึงตัวนางไว้ ทว่านางกลับเดินโซซัดโซเซไปอยู่ด้านหน้าเต๋อเฟยแล้ว คุกเข่าลงไปเสียงดัง เงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาขึ้น พลางกล่าวด้วยความแน่วแน่และเคียดแค้น “พระชายาต้องตัดสินอย่างเป็นธรรมให้หม่อมฉันด้วยนะเพคะ ฮั่วเอ๋อร์ไม่ได้พลัดตกน้ำเอง นางย่อมถูกคนทำร้ายเป็นแน่เพคะ! พระชายา ท่านต้องหาตัวคนร้ายมาให้ได้ คืนความเป็นธรรมให้ลูกสาวหม่อมฉันด้วยนะเพคะ!”
ขณะที่นางพูด น้ำตาก็พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง ทั้งล้มยวบไปกับพื้นดิน
เต๋อเฟยรู้สึกหงุดหงิดในใจ แต่ก็ไม่อาจทำเป็นไม่สนใจไปได้ ดังนั้นจึงประกายตาเย็นเยียบ กวาดสายตามองไปยังผู้คนรอบๆ “หลังจากเข้าวังในยามบ่าย มีใครได้ร่วมทางไปกับฮั่วชิงเอ๋อร์บ้าง? มีใครที่ได้พบนางเป็นครั้งสุดท้าย?”
ผู้คนต่างก็มองหน้ากันอย่างทำอะไรไม่ถูก
เพราะว่าเรื่องของฮั่วกัง ฮั่วชิงเอ๋อร์ในเวลานี้จึงถูกกระทบไปด้วย ทั้งยังถูกฮูหยินฮั่วกักบริเวณให้อยู่ในบ้านไปพักหนึ่ง จึงไม่ค่อยเริงร่าเบิกบานเฉกเช่นเมื่อก่อนอีกแล้ว
ช่วงบ่ายหลังจากเข้าวัง คนที่ได้พบนางก็มีไม่น้อย แต่หากจะเสาะหาคนที่เคยพูดกับนาง ก็นับเป็นเรื่องยากแล้ว
ภายใต้สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จู่ๆ เจิ้งเยียนก็ก้าวเท้าไปด้านหน้าเล็กน้อย แต่คล้อยหลังคล้ายกับคิดลังเลอยากจะถอยกลับเสียอย่างนั้น
กระนั้นเต๋อเฟยที่สายตาแหลมคม ก็มองเห็นนางแล้ว จึงกล่าวถามออกไป “คุณหนูเจิ้งมีอันใดจะพูดงั้นรึ?”
“ไม่มีเจ้าค่ะ!” เจิ้งเยียนคล้ายจะตกใจ รีบหลุดปากกล่าวปฏิเสธออกไป
ฮูหยินฮั่วกลับสั่นสะท้านไปทั่วร่าง เงยหน้าขึ้นในทันที ประกายสายตาคมราวกับคมมีดเพ็งเล็งไปที่ร่างของนาง คำรามเสียงดัง “เจ้ารู้อะไรมา? เป็นเจ้าที่ทำร้ายลูกสาวข้างั้นรึ? เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?”
ขณะที่นางพูด ก็ได้ถลาเข้าไปอย่างไม่อาจข่มกลั้นความโกรธไว้ได้ สองมือนั้นยึดเข้าที่ไหล่ของเจิ้งเยียน ดวงตาแดงก่ำสั่นไหวอย่างรุนแรง “นี่ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เจ้าคิดจะทำร้ายฮั่วเอ๋อร์ เป็นเจ้าที่ทำร้ายลูกสาวข้า เป็นเจ้าใช่รึไม่? ใช่ไหม?”
ฮูหยินฮั่วในเวลานี้อยู่ในอาการคลุ้มคลั่งไปครึ่งหนึ่งแล้ว สองมือนั้นราวกับคีมเหล็กก็มิปาน เจิ้งเยียนที่ถูกบีบไว้จึงร้องไห้ออกมา
ฮูหยินฮั่วยังคงรู้สึกไม่อาจคลายความโกรธไปได้ ยกมือขึ้นบีบไปที่คอนางในทันที
สาวใช้ของเจิ้งเยียนจึงถลาเข้าไปอย่างทนไม่ได้ พยายามดึงมือฮูหยินฮั่วออกไปพลาง ทั้งกล่าวเสียงดังไปพลาง “ท่านปล่อยคุณหนูของข้าเดี๋ยวนี้นะ นี่มันเกี่ยวอันใดกับคุณหนูของข้า? ในยามเย็นคุณหนูของข้าอยู่กับท่านหญิงรองของวังบูรพาโดยตลอด ท่านหญิงรองเป็นพยานได้ บางทีใครจะไปรู้ว่า อาจจะเป็นคุณหนูฮั่วที่พลัดตกน้ำไปเองก็ได้!”
ฮูหยินฮั่วเศร้าโศกเสียใจที่สูญเสียลูกสาวที่รัก ยามนี้ไม่ว่าจะเป็นคำอธิบายอันใดก็ล้วนฟังไม่เข้าหู สองมือเอาแต่ยึดจับเจิ้งเยียนที่น้ำตาคลอเบ้า
“ท่านปล่อยมือ รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ!” สาวใช้ของเจิ้งเยียนพยายามช่วยนายของตน จึงกัดลงหลังมือฮูหยินฮั่วไปที
ฮูหยินฮั่วคล้ายกับไร้ความรู้สึกเสียอย่างนั้น สะบัดนางออกไป ก็ยังคงจับเจิ้งเยียนอย่างไม่ยอมปล่อย
สาวใช้คนนั้นถูกนางผลักจนล้มกับพื้น เมื่ออับจนหนทาง ก็รีบกวาดสายตาไปยังฝูงชน ก่อนจะถลาขึ้นไปดึงกระโปรงของฉู่เยว่ซินในฉับพลัน กล่าวด้วยขอร้อง “ท่านหญิงรอง ท่านหญิงรองพูดอะไรหน่อยสิเจ้าคะ? ท่านบอกฮูหยินฮั่วไปสิเจ้าคะ ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณหนูของข้า ตั้งแต่ช่วงเย็น ท่านก็อยู่กับคุณหนูของข้ามาโดยตลอดไม่ใช่รึ? เวลานั้นยังบังเอิญพบแม่นางฮั่วกับท่านหญิงสวินหยางในสวนดอกไม้ แต่ทุกคนก็แค่ทักทายแล้วแยกย้ายกันออกไปนะเจ้าคะ!”
สาวใช้ผู้นั้นคล้ายกับละลานจนหลุดปากออกไป เอาแต่ดึงกระโปรงฉู่เยว่ซินอย่างอ้อนวอน
ฉู่เยว่ซินถูกนางดึงจนร่างส่ายไปมา กลับประกายตาหลบหลีกอย่างมีพิรุธ กัดริมฝีปากไม่พูดอันใดออกมา
ฮูหยินฮั่วที่กำลังจับเจิ้งเยียนสั่นอย่างแรง เมื่อได้ยินคำว่า ‘ฉู่สวินหยาง’ สามพยางค์นี้ ก็คล้ายกับถูกฟ้าผ่า หยุดการเคลื่อนไหวลงในทันทีทันใด
เจิ้งเยียนผลักนางออกไป ก่อนจะถอยหลังไปด้วยความน้อยใจ กล่าวอย่างไม่พอใจ “ฮูหยินฮั่ว นี่ท่านทำอะไรกันแน่!”
—————————-