สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก - บทที่ 106 ฝ่ายบุคคล
ลิฟต์หยุดอยู่ชั้นที่18 ณัฐณิชาถือเอกสารต่างๆนานาของตัวเอง เป็นเอกสารที่ฝ่ายบุคคลส่งให้เธอตามคำสั่งของธราเทพ บอกว่าเป็นขั้นตอนของการเข้าทำงาน
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่า ฝ่ายบุคคลอยู่ไหนเหรอคะ?”
ณัฐณิชาเดินเข้าไปแล้วถามหญิงสาวคนหนึ่งด้วยรอยยิ้ม ตอนแรกหญิงสาวคนนั้นยังดูไม่สบอารมณ์ แต่พอเห็นเสื้อผ้าและรองเท้าบนตัวของณัฐณิชา เธอก็ตกตะลึงทันที! พระเจ้า~ นี่…นี่มันเป็นชุดทำงานใหม่ล่าสุดบนหน้าปกนิตยสารนี่?
ได้ยินว่าราคาเป็นหมื่นเลยนะนั่น……
ยังมีรองเท้าคู่นี้อีก!
เป็นรองเท้ารุ่นใหม่ล่าสุดที่เห็นในงานแฟชั่นโชว์ของไม่กี่วันก่อน ราคาของรองเท้าคู่นี้เทียบเท่ากับรถหนึ่งคันเลยนะ!
“คุณ คุณมาสัมภาษณ์งานเหรอคะ?” หญิงสาวถามอย่างตะลึง
“ฉันมาที่นี่เพื่อดำเนินขั้นตอนการเข้าทำงานน่ะค่ะ คุณพอจะทราบไหมคะว่าฝ่ายบุคคลอยู่ไหน?” ณัฐณิชาไม่ทันสังเกตแววตาที่ตกตะลึงและอิจฉาของหญิงสาว หรือเป็นเพราะเมื่อวานเธอเคยตกใจกับราคาเสื้อผ้ามาแล้ว แต่ในเมื่อใส่มาแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับเสื้อผ้าหลักร้อยในลาซาด้าหรอก มันก็แค่เสื้อผ้าเอง
หญิงสาวชี้ไปข้างหน้าด้วยนิ้วมืออันสั่นเทา ณัฐณิชาพูดขอบคุณแล้วเดินไปทันที ไม่ทันสังเกตหญิงสาวที่รีบวิ่งกลับไปยังห้องทำงานอย่างบ้าคลั่ง ณัฐณิชาเดินไปเห็นป้ายห้องก็เห็นมีคนอยู่ในนั้นแค่ไม่กี่คน เธอเคาะประตูเข้าไป “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นพนักงานใหม่ที่มารายงานตัววันนี้ค่ะ”
“เธอเองเหรอ? ชื่ออะไร? เอาของมาหรือยัง?”
“เอามาแล้วค่ะ”
ณัฐณิชาเอาเอกสารจากถุงเอกสารหนังวัวออกมาทั้งหมดอย่างเชื่อฟัง ในนั้นมีบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ยังมีสำเนาวุฒิการศึกษา……
แต่เธอจบแค่มัธยม
ผู้หญิงมองแค่แวบเดียว ก็โยนเอกสารของณัฐณิชาทิ้งบนโต๊ะทันที แล้วพูดอย่างจองหองว่า “เธอเป็นใคร? ฉันเจอเด็กสาวอย่างเธอมาเยอะมากแล้วล่ะ ไม่ก็เป็นมีพ่อแม่เป็นคณะกรรมการในบริษัท ไม่ก็รู้จักบุคคลชั้นสูง เป็นญาติจนๆของบ้านไหนล่ะสิ? ขนาดการศึกษาก็ยังไม่มีเลย……”
ผู้หญิงวัยกลางคนบ่นไม่หยุด พวกเขาที่เข้าสู่วัยกลางคนแล้วก็ไม่ค่อยสนใจข่าวบันเทิงเท่าไหร่ รู้แค่ว่าท่านประธานธราเทพแต่งงานแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าแต่งงานกับณัฐณิชาที่อยู่ตรงหน้าเธอ
ณัฐณิชาถูกต่อว่าจนหน้าแดงระเรื่อ
“ทำไม พูดแค่สองคำก็โกรธกันแล้วเหรอ? ทำหน้าแบบนั้นให้ใครดูกัน?” ผู้หญิงวัยกลางคนนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ แล้วพูดอย่างดูถูกว่า “เด็กผู้หญิงแบบเธอน่ะฉันเจอมาเยอะแล้ว ใช้ใบหน้าสวยๆอ่อยคนไปทั่ว ถึงได้โอกาสเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ล่ะสิ……แต่ฉันจะบอกเธอไว้ก่อนเลยนะ กฎเกณฑ์ของบริษัทเราเข้มงวดมาก ถึงเวลาถูกไล่ออกแล้วอย่ามาอายทีหลังล่ะ!”
ณัฐณิชาก้มหน้าลง เธอกำมือแน่นจนเล็บแทงเข้าไปในเนื้อบนฝ่ามือ
ใบหน้าเธอแดงระเรื่อไปถึงใบหูอย่างอับอาย
แต่เธอจะเถียงกลับไม่ได้ ก่อนหน้านี้เธอค้นหาข้อมูลรับสมัครเด็กฝึกงานของแกรนด์อิมพีเรียลกรุ๊ปในอินเทอร์เน็ต คุณสมบัติของผู้สมัครต้องได้อย่างน้อยสองภาษา และจบปริญญาโท ระหว่างที่อยู่ในโรงเรียนนั้นต้องได้เกียรติบัตรด้วย……
เธอแค่เห็นคุณสมบัติผู้สมัครก็รู้สึกปวดหัวแล้ว
ตัวเองไม่มีสิทธิ์นั้นเลยสักนิด
“ขอโทษด้วยค่ะ ฉัน……เอกสารของฉันสามารถเข้าสมัครงานได้ไหมคะ?” ณัฐณิชากัดริมฝีปากและถามเสียงเบา
แม้จะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นพูดความจริง แต่เธอก็ไม่อยากปล่อยโอกาสนี้ไปง่ายๆ นี่เป็นโอกาสที่เธอจะได้พัฒนาเลยนะ!
ผู้หญิงมองดูเธอแล้วก็โยนบัตรพนักงานให้เธอ “เอาล่ะ อย่าลืมทำบัตรเงินเดือนแล้วเอามาส่งที่นี่ด้วยนะ!”
ณัฐณิชาพยักหน้า ปมเมื่อกี้ก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง แล้วมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างดีใจ จากนั้นก็พูดขอบคุณด้วยความจริงใจ ก็ค่อยรับบัตรพนักงานของตัวเองมา มองดูตัวอักษรด้านบน เธอก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันได้อยู่……ฝ่ายครีเอทีฟเหรอคะ……”
“เด็กฝึกงาน” เธอพูดสามคำนี้ออกมาเสียงเบา
คิดว่าตัวเองได้เป็นพนักงานของฝ่ายครีเอทีฟแล้ว ไม่คิดว่าด้านหลังชื่อจะมีวงเล็บเขียนไว้ว่า ‘เด็กฝึกงาน’
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เธอก็ยังดีใจมากอยู่ดี!