สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก - บทที่ 15 แม่สามีใจร้ายใกล้จะถูกเธอทำให้โมโหตายแล้ว
ธราเทพยิ้ม พลางเอ่ยกับณัฐณิชาว่า “คุณปู่ชมคุณ ยังไม่รีบขอบคุณคุณปู่อีก”
ณัฐณิชาถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา รีบเอ่ยขอบคุณวาจาชื่นชมของคุณปู่ และในเวลาเดียวกันก็รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ คุณปู่ธรณ์เทพท่านนี้เป็นกันเองมาก
เธอมองตัวอักษรของนายท่านผู้เฒ่าครู่หนึ่งแล้วเอ่ยชื่นชมว่า “ตัวอักษรของคุณปู่สวยจริงๆค่ะ”
นายท่านผู้เฒ่านึกว่าแม่หนูน้อยเพียงแค่เอ่ยวาจาสวยงามไปอย่างนั้น ถึงอย่างไรตอนนี้เด็กสาววัยรุ่นที่ให้ความสนใจกับการเขียนพู่กันก็ไม่มาก เขาคิดจะแหย่เธอสักหน่อย จึงเอ่ยว่า “สวยอย่างไร พูดให้ฉันฟังหน่อย?”
ณัฐณิชาเห็นว่าคุณปู่เหมือนกำลังทดสอบเธอ จึงเดินไปที่หน้าโต๊ะ อดใจไม่ได้ที่จะวิจารณ์พลังที่ใช้ในการเขียนไปจนถึงลายเส้นของตัวอักษร โครงสร้างไปจนถึงวิธีการเขียนอย่างมีความเป็นมืออาชีพรอบหนึ่ง จึงทำให้นายท่านผู้เฒ่าต้องมองเธอใหม่อย่างเสียมิได้
“ไม่ธรรมดาๆ ณิชาเคยเรียนการเขียนพู่กันมาก่อน?”
ณัฐณิชาส่ายหน้า พลางเอ่ยว่า “เพื่อนบ้านหนูเป็นปรมาจารย์ในด้านการเขียนพู่กันท่านหนึ่ง หนูมักจะไปเล่นที่บ้านของคุณลุง จึงได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินอยู่เป็นประจำค่ะ”
เพื่อนบ้านที่เธอเอ่ยถึงคนนั้นเป็นปรมาจารย์ในด้านการเขียนพู่กันคนหนึ่งจริงๆ เป็นเพราะล่วงเกินคนมา จึงหลบหนีปัญหามาอยู่ในชุมชนแออัด ณัฐณิชาไม่เคยเรียนหนังสือ แต่การปฏิบัติตัวในสังคมและมารยาทของเธอก็ได้มาจากการชี้นำของคุณลุงท่านนั้น
ธราเทพเห็นว่าณัฐณิชาทำได้ยอดเยี่ยม ก็รู้สึกประหลาดใจมาก คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวคนนี้จะมีความสามารถไม่น้อย
ทั้งสองคนอ้อยอิ่งอยู่ในห้องหนังสือของคุณปู่ได้สิบนาที ลุงหัสดินก็มาแจ้งว่าได้เวลากินข้าวแล้ว ทั้งสองคนถึงได้ลงไปข้างล่างพร้อมกับคุณปู่
ทางด้านธีรศาสนติ์ เมื่อกลับไปถึงห้อง นพนันท์ผู้เป็นภรรยาก็เดินตรงเข้ามาหาเขา พลางเอ่ยขึ้นด้วยนัยน์ตาแดงระเรื่อว่า “สามี คุณต้องตัดสินให้ฉันนะคะ!”
“ทำไมหรือ”
“แม่เด็กที่เทพพากลับมาด้วยคนนั้น ไร้มารยาทจริงๆ! เธอรังแกฉัน บอกว่าฉันไม่ใช่ภรรยาคนแรกของคุณ บอกว่าบนร่างของฉันมีกลิ่นเปรี้ยวฉุน! บอกว่าฉันเข้าครอบครองบ้านของผู้อื่นโดยพลการ!”
“หือ? มีคนกล้าเอ่ยพูดกับคุณแบบนี้ด้วยหรือ” ธีรศาสนติ์ใช้ชีวิตร่วมกับนพนันท์มาสิบกว่าปีแล้ว จะไม่เข้าใจนิสัยเธอได้อย่างไรกัน จึงนึกว่าเธอกำลังพูดเกินจริงอีก
“เธอพูดแบบนี้จริงๆนะคะ คุณว่าตอนนี้เธอกล้ากำเริบเสิบสานขนาดนี้ หลังจากนี้จะยังเห็นฉันอยู่ในสายตาอีกหรือคะ!”
“ผมเห็นว่าเธอก็ไม่เลว น่าจะไม่ใช่คนประเภทที่คุณพูดถึงหรอก”
นพนันท์ที่ได้ยินก็โมโหยิ่งกว่าเดิม จึงเอ่ยว่า “คุณไม่เชื่อฉันหรือคะ เธอเคยมีคดีลักเล็กขโมยน้อยมาก่อน คนประเภทนี้เชื่อถือไม่ได้!”
“หือ? มีเรื่องนี้ด้วยหรือ”
“ใช่สิคะ คุณดูสิ!” นพนันท์เปิดข่าวให้ธีรศาสนติ์ดู นั่นก็คือเรื่องที่ณัฐณิชายอมรับกับนักข่าวด้วยตัวเองว่า เพื่อช่วยรักษาอาการป่วยให้กับคุณย่า ตัวเองจึงไปขโมยทรัพย์สินของคนอื่น
ธีรศาสนติ์ดูจบแล้วก็ยิ้มน้อยๆ “ดูท่าจะเป็นแม่หนูที่กล้าทำก็กล้ารับ มีความรู้สึกผูกพันลึกซึ้งต่อผู้อื่นคนหนึ่ง เอาเถอะ เรื่องที่ลักเล็กขโมยน้อยนั่น คนนอกจะมองอย่างไรก็เป็นเรื่องของคนนอก ในเมื่อเธอแต่งงานกับเทพแล้ว หลังจากนี้ก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็อย่านำมาเอ่ยต่อหน้าอีกเลย”
คิ้วของนพนันท์ขมวดเป็นปม ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะโทสะและความไม่ยินยอม
คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า คนที่เข้มงวดอย่างธีรศาสนติ์จะมีช่วงเวลาที่ใจกว้างขนาดนี้ด้วย!
ณัฐณิชาคนนั้นเป็นปีศาจสาวจริงๆ
ตอนนี้เองที่นพนันท์เห็นณัฐณิชาประคองคุณปู่เดินลงมาข้างล่าง ท่าทางเหมือนกับลูกสะใภ้ที่ดีคนหนึ่ง ก็โมโหจนตาโปนออกมา แต่ติดที่มีธีรศาสนติ์ จึงไม่กล้าพูดอะไรออกมา
อาหารมื้อนี้ ณัฐณิชากินอย่างมีความสุข
เดิมเธอก็มีนิสัยร่าเริง คุณปู่ชอบเธอ เธอก็พูดคุยกับคุณปู่เยอะหน่อย
คุณพ่อธีรศาสนติ์ค่อนข้างจริงจัง เธอจึงตอบคำถามของคุณพ่อธีรศาสนติ์ด้วยท่าทางเรียบร้อย
สำหรับนพนันท์ ณัฐณิชาก็ปฏิบัติต่อเธออย่างใกล้ชิดสนิทสนมและมีมารยาท ใครก็คิดไม่ถึงว่า ก่อนกินข้าว เธอยังเถียงกับแม่สามีตัวเองอยู่เลย
นภสรณ์โมโหจนจิ้มข้าวสวยในชาม ตกตะลึงที่ไร้ซึ่งหนทางในการจัดการณัฐณิชา
นพนันท์มองณัฐณิชาหยอกล้อจนนายท่านผู้เฒ่าหัวเราะเบิกบาน และมองลูกสาวที่ไม่ได้ความของตนเองแล้วก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
ลูกสาวของตัวเองไม่ได้ทำให้ณัฐณิชาดูแย่ก็ช่างเถอะ กระทั่งคำพูดที่ทำให้คุณปู่ยินดีก็พูดไม่เป็น เทียบกับตัวเองในปีนั้นไม่ได้เลยแม้แต่ครึ่งเดียว สรุปได้ว่าสองแม่ลูกนพนันท์กินข้าวมื้อนี้ด้วยจิตใจที่ย่ำแย่อย่างสุดขีด
หลังจากมื้ออาหาร ธีรศาสนติ์ก็แยกกลับไปที่ห้องหนังสือของตัวเอง ส่วนนายท่านผู้เฒ่าก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกพูดคุยกับณัฐณิชาและธราเทพต่อ
นพนันท์อดไม่ได้จริงๆ จึงเรียกลูกสาวไปแนะนำอยู่อีกด้านหนึ่งเงียบๆ
รอจนนพนันท์เอ่ยจบแล้ว นัยน์ตาของนภสรณ์ก็มีประกายประหลาดพาดผ่าน กัดริมฝีปากพยักหน้าแล้วกลับไปยังห้องรับแขก