สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก - บทที่ 28 เสื้อผ้าชุดละแสน
ความจริงแล้ว เขาพบว่าโทรศัพท์มือถือของณัฐณิชาหล่นอยู่บนโซฟา กำลังคิดจะตามออกมาคืนให้เธอ หลังจากนั้นก็เห็นภาพที่ณัฐณิชาคว้าข้อมือของคนที่ชื่อปณิดาเอาไว้แล้วผลักไปทีหนึ่ง
ปณิดาคนนั้นน่าจะเห็นเขา ถึงได้แสร้งทำเป็นล้มลงด้วยท่าทางเกินจริง
ธราเทพรู้ว่าแม้ว่าณัฐณิชาจะเฉลียวฉลาดและแสบซน แต่ในใจนั้นบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ไม่เป็นฝ่ายไปหาเรื่องคนอื่น วันนี้เกิดเรื่องโต้เถียงกับปณิดา จะต้องถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
อีกทั้งนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอมาส่งข้าวให้เขาที่บริษัทด้วย!
ถึงกับพบเรื่องราวแบบนี้ นี่ทำให้เทพอารมณ์เสียมาก
“คุณปณิดา คุณยังไม่ลุกขึ้นมาอีกหรือ” ธราเทพเอ่ยเสียงเย็น
ปณิดาที่ได้ยิน หน่วยตาก็แดงระเรื่อ “ท่านประธานธราเทพ ฉัน…ดูเหมือนว่าฉันจะลุกไม่ขึ้นแล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็นั่งอยู่ที่พื้นเถอะ”
“หือ?” ปณิดาตะลึงค้างไปในชั่วพริบตา
ณัฐณิชาหัวเราะพรืดออกมา ธราเทพเห็นว่าเธอเผยรอยยิ้มออกมาแล้ว อารมณ์ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ปณิดามองไปทางฐิติกานต์ ฐิติกานต์จึงส่งสายตาให้เธอรีบลุกขึ้นมา และยังพูดทำนองว่าไม่ได้หนักหนาขนาดนั้น สามารถลุกขึ้นมาได้แล้ว
ส่วนณัฐณิชาก็หุบรอยยิ้ม เอ่ยกับธราเทพว่า “สามี เมื่อครู่ฉันไม่ทันระวังชนเข้ากับลูกน้องคนนี้ของคุณ ทำให้เสื้อผ้าของเธอเปื้อนเสียแล้ว เธอบอกว่าเสื้อตัวนั้นหนึ่งหมื่นห้าพันหยวน รบกวนคุณช่วยโอนเงินให้เธอหน่อยเถอะค่ะ”
ความจริงแล้วประโยคด้านหลังที่ณัฐณิชาเอ่ย ธราเทพไม่ค่อยได้ตั้งใจฟังนัก เขาได้ยินเพียงแค่คำว่า “สามี” เท่านั้น
ถึงแม้จะรู้ว่าเด็กสาวคนนี้จงใจออดอ้อนต่อหน้าคนอื่น ทำให้คนที่รังแกเธอพวกนั้นตกตะลึง แต่เสียงอ่อนนุ่มที่เจือไปด้วยการได้รับความไม่เป็นธรรมขณะที่เรียกว่า “สามี” นี้ทำให้เขาฟังแล้วเบิกบานใจมากจริงๆ
“ไม่มีปัญหา แต่ว่าคุณปณิดาตั้งใจจะชดใช้เรื่องชุดที่เปื้อนบนร่างภรรยาของผมอย่างไร”
ธราเทพมองไปทางปณิดา
ปณิดาในตอนนี้นั้นมึนไปแล้ว เมื่อครู่ผู้หญิงคนนั้นเรียกว่าอะไรนะ? “สามี”?
หรือว่าเธอก็คือภรรยาที่เพิ่งจะประกาศตัวอย่างเป็นทางการของธราเทพคนนั้น?
เมื่อครุ่นคิดได้เช่นนี้ และพิจารณามองไปทางณัฐณิชาแล้ว ปณิดาก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้ว่า คนที่อยู่ในงานแถลงข่าวนั้นก็คือณัฐณิชา เพียงแต่เธอคิดไม่ถึงว่าณัฐณิชาจะมาที่บริษัทด้วย
ปณิดารู้สึกโมโหขึ้นมาในใจ แต่เธอก็มองออกว่าธราเทพก็มีโทสะแล้วเช่นกัน ดังนั้นจึงรีบเอ่ยว่า “ในเมื่อชนกัน อย่างนั้นก็ควรจะมีความรับผิดชอบทั้งหมด ไม่สามารถโทษคนใดคนหนึ่งได้…”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ” ธราเทพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชา “อย่างนั้นก็ชดใช้เงินให้กันและกัน ภรรยาของผมจะชดใช้เงินให้คุณปณิดาหนึ่งหมื่นห้าพันหยวน ส่วนคุณปณิดาก็ชดใช้เงินให้ภรรยาของผมหนึ่งแสน”
หัวใจดวงน้อยๆของณัฐณิชาสั่นระริก มองไปทางธราเทพ คุณชาเทพที่รัก คุณไม่ได้ล้อเล่นจริงๆใช่ไหม
ชุดเดรสสีแดงชุดนี้ แค่ผ้าสองผืนนี้ หนึ่งแสน???
คนที่ใจสั่นเหมือนกันยังมีปณิดาอีกคน
เงินหนึ่งแสนนั้นไม่ใช่ว่าเธอไม่สามารถนำออกมาได้ แต่ว่านั่นก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ…
ทว่าเรื่องราวดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีทางให้ถอยหลังแล้ว
เธอไม่อยากให้ธราเทพผิดหวังต่อตัวเอง เธอจึงทำได้เพียงแค่อดทนต่อความเจ็บปวดแล้วชดใช้เงิน
“ได้ค่ะ ฉันจะชดใช้เงินให้”
ณัฐณิชาที่ได้ยินก็ตะลึงค้าง ลอบมองธราเทพครู่หนึ่งนิ่งๆ ถามเสียงเบาว่า “ทำงานเป็นลูกน้องของคุณจะหาเงินได้อย่างไรกัน…”
แม้ว่าเสียงจะเบา แต่ธราเทพอยู่ใกล้เธอ จึงได้ยินทั้งหมด
เขารู้ว่าสาเหตุที่ปณิดากล้ารับปากนั่นเป็นเพราะว่าที่บ้านมีเงิน แต่ในเวลานี้เขาไม่คิดจะอธิบายให้ณัฐณิชาฟัง จึงเอ่ยเสียงเบาๆ “ไม่อย่างนั้น คุณก็มาทำงานเป็นลูกน้องผมด้วยเลย?”