สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก - บทที่ 30 ไม่มีคนในครอบครัวมานานมากแล้ว
“รู้แล้วค่ะ! คุณชายเทพ”
ณัฐณิชาเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง พึมพำในใจว่า จะมาพูดเรื่องพวกนี้กับฉันทำไมกัน ฉันไม่ได้อยากจะกินข้าวกับคุณสักหน่อย!
ณัฐณิชาโบกรถกลับไปยังคฤหาสน์ ยังไม่ทันจะเข้าประตู ก็เห็นรถโรลส์รอยซ์คันยาวจอดอยู่ที่ระเบียง ต่อมาก็เห็นลุงหัสดินลงมาจากรถ เดินมาถึงด้านหน้าเธอ พลางเอ่ยด้วยความเคารพ “นายหญิงน้อย นายท่านผู้เฒ่าเชิญคุณไปที่คฤหาสน์ทางนั้นสักรอบครับ”
ในใจณัฐณิชารู้สึกสงสัยอยู่บ้าง “ทำไมจู่ๆคุณปู่ถึงได้อยากพบฉันขึ้นมา มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะลุงหัสดิน”
ลุงหัสดินเอ่ยยิ้มๆว่า “เพื่อนของนายท่านผู้เฒ่าส่งผลผลิตที่ทำจากเนื้อวัวและอาหารทะเลมา นายท่านผู้เฒ่าทราบว่าคุณชอบกินอาหารทะเล แต่ว่ามีหลายอย่างมากเกินไป จะขนมาให้คุณกับคุณชายเลือกก็ไม่สะดวก จึงบอกว่าไม่สู้ให้คุณไปเลือกด้วยตัวเองครับ”
ณัฐณิชาได้ฟังแล้ว ในใจก็รู้สึกอบอุ่น
คราวที่แล้วเธอพูดไปอย่างนั้น ตอนเด็กฐานะทางบ้านไม่ดี พวกอาหารในทะเลก็เคยกินเพียงแค่ปลาไน เห็นกุ้งมีสีแดง ก็นึกว่าเผ็ด จนกระทั่งโตขึ้นมาถึงได้รู้จักรสชาติของกุ้ง
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณปู่จะจำประโยคที่พูดไปอย่างนั้นได้ ทั้งยังให้เธอไปเลือกของที่ตัวเองชอบและนำกลับมาด้วย
ณัฐณิชารู้ว่า บางทีครอบครัวคนทั่วไปอาจจะไม่ค่อยได้กินอาหารทะเลที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี เนื้อวัวชั้นดีหลายกิโลกรัมเช่นนี้ แต่ครอบครัวของธราเทพ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรุงชนิดใด ขอเพียงแค่อยากกิน ล้วนสามารถคิดหาวิธีให้ได้มาได้ นี่ไม่ได้เป็นสิ่งแปลกใหม่อะไร
แต่ความเอาใจใส่ที่คุณปู่มีต่อเธอ ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอย่างไร้ที่เปรียบ
“ลุงหัสดิน รบกวนคุณรอฉันสักครู่นะคะ ฉันไปวางของสักหน่อย และถือโอกาสเปลี่ยนเสื้อผ้าสักชุดแล้วค่อยออกมา เสื้อผ้าชุดนี้ของฉันเปื้อนแล้ว”
ลุงหัสดินรับคำยิ้มๆ บอกว่าไม่รีบ
ณัฐณิชาหมุนตัวเดินเข้าไปในคฤหาสน์ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดอย่างรวดเร็วและตามลุงหัสดินไปยังตระกูลทวีศักดิ์ทินโชติ ระหว่างทางเธอยังคิดว่า ในเมื่อธราเทพจะกลับมากินข้าวในตอนเย็น ไม่สู้นำเครื่องปรุงที่คุณปู่ให้มาไปทำอาหารก็ดี
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา ณัฐณิชาก็เกิดความรู้สึกตื่นตระหนกใจ ทำไมเธอถึงได้คิดถึงธราเทพโดยไม่ได้ตั้งใจกัน!
ครึ่งชั่วโมงกว่าผ่านไป ณัฐณิชาก็เดินตามลุงหัสดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลทวีศักดิ์ทินโชติ
เพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตูก็เห็นนภสรณ์
ไม่รอให้ณัฐณิชาอ้าปาก นภสรณ์ก็เอ่ยกับลุงหัสดินด้วยท่าทางนุ่มนวลเต็มไปด้วยมารยาท “ลุงหัสดิน คุณปู่มีเรื่องจะพบกับคุณ เดี๋ยวฉันพาพี่สะใภ้ไปเลือกเครื่องปรุงเองค่ะ”
ลุงหัสดินชะงักไปครู่หนึ่ง “แบบนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณหนูแล้วครับ”
ลุงหัสดินส่งกุญแจให้กับนภสรณ์
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณรีบไปทำธุระของคุณเถอะ” นภสรณ์รับกุญแจมา เอ่ยกับณัฐณิชาว่า “ไปกันเถอะพี่สะใภ้”
เดิมณัฐณิชาคิดจะไปกล่าวทักทายคุณปู่ก่อน ทว่าในเมื่อคุณปู่ยุ่งอยู่ อย่างนั้นก็ทำได้เพียงแค่เอ่ยในตอนที่ได้พบกันในคราวหน้าแล้ว
“ลุงหัสดินคะ” ณัฐณิชาเรียกพ่อบ้านชราเอาไว้ “รบกวนคุณช่วยขอบคุณคุณปู่แทนฉันด้วยนะคะ”
ลุงหัสดินหันกลับมา รับคำยิ้มๆ “วางใจเถอะครับนายหญิงน้อย ผมจะช่วยบอกท่านแทนคุณเอง”
รอจนลุงหัสดินเดินไปแล้ว ณัฐณิชาก็มองไปทางนภสรณ์ และพบว่าเธอคนนี้สีหน้าเปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความรำคาญเสียแล้ว
ดูท่าความมีมารยาทและความนุ่มนวลเมื่อครู่นี้ล้วนเป็นการเสแสร้ง ทว่าณัฐณิชาเห็นว่าต่อหน้าและลับหลังมีสองหน้า ก็วางใจเช่นกัน เพราะว่าตอนเห็นท่าทางเสแสร้งของนภสรณ์เมื่อครู่ ณัฐณิชายังเป็นกังวลว่าในนั้นจะมีเล่ห์เหลี่ยมตบตาอะไร
หลังจากนั้น เธอก็เดินตามนภสรณ์ไปจนถึงห้องแช่เย็นที่ห้องใต้ดินชั้นสาม
แม้จะรู้ว่าครอบครัวที่ร่ำรวยมีสารพัดความหรูหรา และรู้ว่าคฤหาสน์ตระกูลทวีศักดิ์ทินโชติใหญ่มาก แต่ในตอนที่ณัฐณิชาเดินผ่านห้องที่ใช้เก็บไวน์แดงขนาดใหญ่ กับห้องฉายภาพยนตร์ ก็รู้สึกว่าจินตนาการที่ตัวเองมีต่อคนรวยนั้นจะจำกัดเกินไป