สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก - บทที่ 66 ตกลงเป็นเจ้านายหรือเป็นคนรับใช้
คนคนนี้ จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่อภัสราภรณ์!?
“ภัส แกเดินช้าๆ หน่อย ฉันเดินตามไม่ทันแล้ว…”
ด้านหลังอภัสราภรณ์ ก็มีนภสรณ์ที่กำลังหัวเราะต่อกระซิกเดินตามหลังมา นภสรณ์ถูกกักตัวเอาไว้ แต่ยังไม่ถึงเวลาปล่อยตัวให้ออกมานี่ แต่วันนี้ทางครอบครัวของตระกูลภูริสิทธิโชคทั้งสามคนเข้ามาเยี่ยมเยียน นภสรณ์ก็ถูกปล่อยตัวออกมา
เธอถึงกลับหมดคำพูดทันที อภัสราภรณ์คอยข้องแวะกับธราเทพมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ เธอคอยคิดว่าจะจัดการรับมือกับณัฐณิชาอย่างไรดี!
ณัฐณิชาสัมผัสได้ถึงสายตาไม่เป็นมิตรของนภสรณ์ จนเธอเกิดอาการกลัวขึ้นมาทันที
ไม่ใช่ว่าเธอกลัวนภสรณ์กับอภัสราภรณ์ แต่ต่อหน้าคนอื่นๆ แถมพ่อแม่ของอภัสราภรณ์ก็อยู่ด้วย เธอ…ควรจะทำอย่างไรดี?
เพราะว่าธราเทพกำลังเปลี่ยนรองเท้าอยู่ด้านนอก ดังนั้นยังเดินตามมาไม่ทัน
อภัสราภรณ์มองณัฐณิชาอย่างดูถูกดูแคลน พลางจงใจนั่งลงด้านข้างนายท่านผู้เฒ่า และกระซิบพูด “คุณปู่คะ หนูไปอยู่ต่างประเทศมาสิบกว่าปีน้อยครังนักที่จะกลับมาสักครั้ง หรือว่าคุณปู่ไม่คิดถึงหนูแล้วใช่ไหม?”
“คิดถึงสิ ฮ่า ๆ ๆ ไม่คิดถึงหนูได้ไงล่ะ สาวน้อยคนนี้อยู่ต่างประเทศแล้วยังไม่ลืมส่งของอร่อยๆ มาให้ปู่อยู่เรื่อย! รู้ว่าอันไหนถูกใจปู่!”
“ก็แหงแหละค่ะ หนูคิดว่าคุณปู่เป็นปู่แท้ๆ ของหนูเลยนะ”
อภัสราภรณ์เกาะแขนนายท่านผู้เฒ่าเอาไว้และหัวเราะต่อกระซิก ตอนแรกณัฐณิชาก็อยากจะอ้าปากเรียกทักทายคุณปู่ แต่ตอนนี้อภัสราภรณ์พูดแทรกไปก่อนแล้ว และยืนเซ่อซ่าอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์หน้าโซฟา และทำตัวไม่ถูก
ความรู้สึกเช่นนี้ มันไม่ดีเลย…
คู่สามีภรรยานั่นก็ไม่ได้สนใจเธอสักนิด คุณปู่ก็มัวแต่ถูกอภัสราภรณ์เรียกความสนใจไปหมด สถานการณ์แบบนี้ ราวกับพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน ส่วนตัวเองเป็นคนนอก…
เหมือนมีก้อนหินกดทับอยู่ในใจ และยังไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรดี
เวลานั้นเอง บนไหล่ก็มีแขนพาดลงมา และได้ยินเสียงอันอบอุ่นสุขุมของธราเทพ “มายืนเหม่ออะไรตรงนี้เนี่ย?”
น้ำเสียงอันอบอุ่นของเขา แต่ไม่ได้ทำให้ณัฐณิชาสบายใจสักนิดเลย
เพราะเธอรู้ ว่าเป็นการแสดงละครต่อหน้าคุณปู่ก็เท่านั้นเอง ก็แค่เล่นละครแสดงความรักตบตาเท่านั้นเอง…
ช่วงสายของวันนี้อภัสราภรณ์เพิ่งรังแกเธอมา ตกบ่ายก็มายึดตำแหน่งในบ้านของเธอไปเสียแล้ว แล้วเธอเป็นอะไรเหรอ? เธอก็แค่เผลอทะลุออกมากลางทางเท่านั้นเอง…
ณัฐณิชารู้สึกผิดหวังมาก
เมื่อสัมผัสถึงความรู้สึกของเธอ หัวคิ้วของธราเทพก็ค่อยๆ ย่นเข้าหากัน
“นี่ ธราเทพใช่ไหมเนี่ย? ไม่คิดเลยไม่เจอหน้ากันแค่ไม่กี่ปีเองจะโตขนาดนี้แล้ว แล้วคนที่อยู่ข้างๆ ล่ะ..” ผู้หญิงที่สวมใส่เครื่องประดับทั้งตัวอยู่ ๆ ก็เอ่ยปากถาม ใบหน้ายิ้มแย้ม ใบหน้าที่คอยประทินโฉมอย่างดีจนไม่สามารถมองอายุออก
เธอทำเหมือนเพิ่งจะเคยเห็นณัฐณิชาเช่นนั้น ไม่เหมือนกับความเฉยเมยเมื่อครู่นี้เลย
“คุณแม่คะ คนนี้คือภรรยาของพี่ธราเทพค่ะ เธอชื่อณัฐณิชา” อภัสราภรณ์เริ่มเสนอหน้ายิ้มตอบ แต่รอยยิ้มของเธอนั้นกับซ่อนความเฉยเมยและการเย้ยหยันออกมา เธอลุกขึ้นยืน พลางชี้ไปที่ของขวัญที่วางอยู่เต็มพื้น ของพวกนั้นอภัสราภรณ์ตั้งใจเอามาจากต่างประเทศเพื่อเป็นของบำรุงให้กับนายท่านผู้เฒ่า คุณอาและคุณน้าโดยเฉพาะ
เธอชอบธราเทพมาตลอด แถมยังอยากจะยกคนทั้งครอบครัวของตนเองย้ายมาด้วย เพื่อมาเอาใจคุณปู่ คุณอาและคุณน้า ซึ่งจะต้องทำแบบนี้ทุกวัน
“อ้อ คุณก็คือณัฐณิชานี่เอง…” แม่สุนิสาพยักหน้าให้กับณัฐณิชา แต่รอยยิ้มที่ยิ้มให้กลับมีเลศนัยอยู่มาก
นภสรณ์ที่อยู่ด้านข้างดีใจจนออกนอกหน้า มากันทั้งครอบครัว มันเพียงพอที่จะทำให้ณัฐณิชาทนไม่ไหวแล้ว!
“ใช่ ก่อนหน้านี้พวกเราก็เคยเจอกันมาแล้ว! ใช่สิ…ตอนที่ฉันเพิ่งจะกลับประเทศมาก็เกือบจะถูกคนลวนลามแล้วนี่? ตอนนั้นณัฐณิชาไปช่วยไว้ได้ทัน แต่พูดไปพูดมาก็ตลกอยู่นะ!” อภัสราภรณ์ยิ้มตอบ
ธราเทพขมวดคิ้วเล็กน้อย โชคดีที่ธีรศาสนติ์ลงมาจากชั้นบนพอดี เมื่อเห็นเขา “ธราเทพ ขึ้นมาหาผมหน่อย”