สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 185 ความจริง
บทที่ 185 ความจริง
เจินผิงมองสามคนที่บุกเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ เขาไม่เคยเจอท่านโหวกู้มาก่อน แม่นางเหยาเองก็ไม่ทันได้บอกเขา
“พวกเจ้าเป็นใคร” เขาถาม
กู้เฉิงหลินไม่สนใจเขา พลางก้าวข้ามประตูเข้ามามองซ้ายมองขวา “ไปไหนเสียแล้ว เจ้าเอาคนไปซ่อนไว้ที่ไหน”
เจินผิงตั้งสติแล้วมองไปทางพวกเขา “ใครกัน พวกเจ้าตามหาใคร”
ท่านโหวกู้และหวงจงก็ก้าวตามเข้ามา
สายตาของท่านโหวกู้หยุดลงที่ใบหน้าของเจินผิง แววตานั้นเย็นชาฉาวแววไม่เป็นมิตรสักเท่าใด แน่นอนว่าเขารู้จักคนตรงหน้า แม้จะไม่เคยพบมาก่อน แต่เขาก็เคยสืบข่าวมาบ้าง
เมื่อกู้เฉิงหลินบอกเขาว่าแม่นางเหยาบังเอิญเจอชายคนหนึ่งที่ร้านอาหาร แถมชายคนนั้นยังเชิญแม่นางเหยามาที่นี่ วินาทีนั้นเขาก็เดาออกในทันทีว่าคนผู้นั้นคือใคร
ความจริงแล้วก่อนหน้านั้นท่านโหวกู้ไม่รู้มาก่อนว่าแม่นางเหยานั้นมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าตระกูลเหยาจะหน้าไม่อายไม่เช่นนี้ ปิดบังเรื่องที่แม่นางเหยาเคยหมั้นหมายกับคนอื่นมาก่อน จากนั้นก็จับแม่นางเหยาให้แต่งงานกับเข้า
เขาบังเอิญได้ยินอนุหลิงเอ่ยถึง บอกว่าแม่นางหลิงเคยคุยกับแม่นางเหยา ได้ยินมาว่าแม่นางเหยาเหมือนจะเคยหมั้นกับใครคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไปตามสืบ ไล่ตามเบาะแสจนได้เจอตัวเจินผิง
ซิ่วไฉที่ล้มเหลวคนหนึ่ง หนักไม่เอาเบาไม่สู้ แถมตระกูลก็ไม่ได้มีกิจการใหญ่โตอะไร หน้าตาก็สู้ตนไม่ได้
ท่านโหวกู้จึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ภัยคุกคามเลยแม้แต่น้อย
ประกอบกับยามนั้นเจินผิงก็แต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว ทั้งยังไม่ได้ไปมาหาสู่กับตระกูลเหยาเป็นการลับหลังด้วย เขาเองจึงไม่ได้ใส่ใจเจินผิงนัก
หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องในวันนี้ขึ้น เขาคงลืมเลือนคนที่ชื่อว่าเจินผิงคนนี้ไปตั้งนานแล้ว
“ภรรยาของข้า แม่นางเหยาเคยมาที่นี่หรือไม่” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบ
คำว่าภรรยานามว่าแม่นางเหยาทำเอาร่างทั้งร่างของเจินผิงแข็งทื่อ
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าชายผู้น่าเกรงขามคนนี้จะเป็นติ้งอันโหว สามีของเหยาเหยา
ติ้งอันโหวสวมอาภรณ์หรูหราสีสด คลุมด้วยเสื้อขนจิ้งจอกเงิน เครื่องหน้าดุดัน ท่าทางสง่าผ่าเผย แม้จะเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว กลับยังคงรูปร่างสูงใหญ่ ความน่าเกรงขามมิได้ลดลงแต่อย่างใด
“ไม่เคย” เจินผิงเอ่ย
“จะไม่อยู่ที่นี่ได้อย่างไร เขาเห็นเองกับตาว่านางออกมาจากจวน!” กู้เฉิงหลินเอ่ยเสียงกร่าง
แม้กู้เฉิงหลินจะไม่ได้หน้าตาเหมือนท่านโหวกู้เท่ากับกู้เหยี่ยน แต่ก็ดูออกได้ไม่ยากว่าเขาคือลูกชายของท่านโหวกู้
ยามเขาเอ่ยถึงแม่นางเหยากลับไม่เรียกว่าท่านแม่หรือว่าฮูหยินเลยสักคำ เจินผิงเองจึงเดาออกในทันทีว่าแม่นางเหยาใช้ชีวิตอย่างไรที่จวนโหว
เจินผิงปวดใจเหลือเกิน แต่ยังพยายามไม่ให้สีหน้าของตนแสดงออกมา เขาเอ่ยขึ้นว่า “ฮูหยิน
ของจวนท่านออกจากจวนมาแล้ว ต้องมาที่เรือนข้าเท่านั้นหรืออย่างไร”
กู้เฉิงหลินเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ตอนบ่ายข้าเห็นเจ้าสองคนคุยกันที่ร้านอาหาร เจ้ายังชวนนางมาที่เรือนของเจ้าอยู่เลย! เจ้าอย่ามาทำไขสือ ข้ากับพี่ชายข้าอีกสองคนก็ได้ยินเช่นกัน!”
แม้เจินผิงจะทุกข์ระทมอยู่เต็มอก แต่ก็ยังเดือดดาล ลูกเลี้ยงแบบไหนถึงทำเรื่องเช่นนี้ได้ พาพ่อของตัวเองมาจับ “ชู้” ของแม่เลี้ยง
เจินผิงกำหมัดแน่นแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ใช่ ตอนบ่ายข้าบังเอิญเจอกับฮูหยินโหวจริง พูดคุยกับนางเรื่องสัพเพเหระทั่วไปก็เพียงเท่านั้น ไม่มีอะไร”
กู้เฉิงหลิน “เจ้าพูดเองว่าจะพานางมาเยี่ยมแม่เจ้าที่เรือน!”
เจินผิง “ข้าพูดเช่นนั้นจริง แต่ฮูหยินโหวปฏิเสธข้า นางบอกว่าตอนนี้ไม่ควรไปมาหาสู่กับพวกข้า”
กู้เฉิงหลิน “เหตุใดข้าถึงไม่ได้ยิน”
เจินผิง “เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้แล้วล่ะ”
กู้เฉิงหลินอยากจะต่อปากต่อคำกับเขาต่อ ทว่าหวงจงที่ค้นทั่วทั้งเรือนก็เดินกลับมาที่ลานบ้านแล้วส่ายหน้าบอกกับท่านโหวกู้
ท่านโหวกู้ขมวดคิ้วมุ่นแล้วเอ่ยกับเจินผิง “รบกวนเจ้าแล้ว”
กู้เฉิงหลิน “ท่านพ่อ ท่านลองหาอีกที เข้าได้ยินเองกับหู”
ท่านโหวกู้ตวัดตามองด้วยสายตาดุดัน กู้เฉิงหลินกลัวจนตกปิดปากลง
ท่านโหวกู้เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ยังไม่ขึ้นรถม้าอีก”
“ขอรับ” กู้เฉิงหลินขึ้นรถม้าไปอย่างไม่เต็มใจนัก
เขารู้สึกไม่ชอบมาพากล แม่นางเหยาต้องหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งเป็นแน่ เขาได้ยินชายคนนั้นชวนแม่นางเหยามาเยี่ยมแม่ของตนที่บ้านจริง ๆ ท่าทางของแม่นางเหยาในตอนนั้นไม่เหมือนคนที่จะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเช่นนั้น
ท่านโหวกู้กำลังจะตั้งท่ากลับ
เจินผิงเอ่ยรั้งเขาไว้ “ท่านโหว ข้ากับฮูหยินมิได้ข้องเกี่ยวกันตั้งนานแล้ว ท่านโหวโปรดอย่าได้เข้าใจผิดนาง”
ท่านโหวกู้เอ่ยเสียงเย็น “เรื่องของข้า ข้ารู้ดีอยู่แก่ใจดี เจ้าไม่จำเป็นต้องมาชี้นิ้วบอก!”
เจินผิงหลุบตาลง
ท่านโหวกู้สะบัดแขนเสื้อเดินออกจากลานไปแล้วขึ้นนั่งบนรถม้า
หลังจากรถม้าเคลื่อนออกไปไกล เจินผิงถึงได้กล้าปิดประตูเรือน เขาหันหลังกลับพลางมองท้องฟ้ายามราตรีอันไร้ขอบเขต ความกังวลอย่างเหลือคณนาเอ่อล้นขึ้นมาในแววตา
แม่นางเหยาไม่ได้อยู่ในเรือนจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคนเก่งกาจอย่างหวงจงไม่มีทางหานางไม่พบ
วินาทีที่ประตูถูกถีบเปิดออก เงาร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งก็โรยตัวลงมาจากฟ้า ก่อนจะคว้าตัวแม่นางเหยาลอยขึ้นกำแพงแล้วหนีไป
แม่นางเหยาไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน ล่องลอยไปตามลมหนาวราวกับว่าวโต้ลม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหนาวหรือตกใจ กว่าที่เท้าจะจรดลงกับพื้นได้ในตอนนั้น ขาของแม่นางเหยาก็อ่อนยวบจบแทบจะเดินไม่ไหว
ฝ่ามือใหญ่ทรงพลังข้างหนึ่งก็รีบเข้ามาพยุงแขนนางได้ทันเวลา
แม่นางเหยามองอีกฝ่ายด้วยความตื่นตระหนกตกใจ อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตา
กู้ฉังชิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “รีบกลับจวนเถิด ประเดี๋ยวท่านพ่อก็คงกลับแล้วเช่นกัน”
แม่นางเหยายังคงตกใจไม่หาย
นางคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าคนที่ช่วยนางออกมาจากวิกฤตนั้นจะเป็นลูกเลี้ยงอย่างกู้ฉังชิง “เหตุใดเจ้าถึง… เจ้า…”
“ฮูหยิน! ฮูหยิน!”
แม่นามฝางวิ่งออกมาจากอีกฝั่งของตรอก ก่อนจะโค้งคำนับกู้ฉังชิง “ซื่อจื่อ!” ก่อนจะหันไปเอ่ยกับแม่นางเหยา “ฮูหยิน ขึ้นรถเถิดเจ้าค่ะ!”
เดิมทีรถม้าของแม่นางเหยาจอดอยู่ใกล้กับเรือนตระกูลเจิน ทว่ายามนี้กลับมาอยู่ที่นี่เสียอย่างนั้น
แม่นางเหยาตงิดใจอยู่ไม่น้อย ทว่ากู้ฉังชิงกลับไม่เอ่ยคำใดก่อนจะหันหลังกลับแล้วหายไปในความมืด
แม่นางเหยาขึ้นรถม้าโดยมีแม่นมฝางช่วยประคอง
แม่นมฝางหยิบถุงน้ำที่อุ่นอยู่ในถังน้ำร้อนมาตลอดแล้วยื่นให้แม่นางเหยา “ชาร้อนเจ้าค่ะ ฮูหยินดื่มชาร้อนสงบจิตใจก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
แม่นางเหยารับถุงน้ำมา เปิดจุกที่ปากขวดออกแล้วยกกระดกอึกใหญ่ถึงจะได้สงบสติอารมณ์ของตัวเองได้ในที่สุด “แม่นมฝาง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
แม่นมฝางตบกเข่าดังผัวะฉาด “ไอ้หยา ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะ! เมื่อครู่รถม้าก็จอดอยู่ตรงนั้นดี ๆ จู่ ๆ ซื่อจื่อก็เข้ามา บอกให้ข้ามารับท่านที่ตรอกเส้นนี้ ตอนนั้นข้าก็คิดในใจว่าจบเห่แล้ว ซื่อจื่อจับได้เข้าให้แล้ว! ข้าไม่ทันได้คิดอะไรมากก็ทำตามที่ซื่อจื่อบอก ฮูหยินเจ้าคะ เมื่อครู่ท่านไปที่ใดกันแน่ เหตุใดถึงอยู่กับซื่อจื่อได้ ซื่อจื่อจะบอกท่านโหว ให้ท่านโหวสงสัยในตัวท่านหรือไม่เจ้าคะ”
แม่นางเหยานิ่งเงียบ
เช่นนั้นก็แปลว่ากู้ฉังชิงตั้งใจมาเพื่อช่วยนางอย่างนั้นหรือ
เขาได้ยินที่นางคุยกับเจินผิงแล้ว ย่อมรู้ว่าหากนางออกไปก็ต้องไปที่เรือนตระกูลเจินแน่นอน
เพียงแต่เขาเกลียดนางที่สุดเลยไม่ใช่หรือ
แล้วเหตุใดถึงได้ช่วยนางไว้
แม่นางเหยาคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
แม่นางเหยาไม่ได้กลับไปที่จวนในทันที แต่กลับไปที่ตรอกปี้สุ่ยแทน
ท่านโหวกู้รอแม่นางเหยาอยู่ที่จวนได้นานสองนานก็ไม่เห็นนางกลับมา จึงเดินทางมายังตรอกปี้สุ่ยเช่นกัน
“เจ้าอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ” ท่านโหวกู้ถาม
แม่นางเหยาเอ่ยสีหน้าเรียบเฉย “แล้วจะให้ข้าไปไหนเล่า ท่านโหวคิดว่าข้าไปไหนหรือเจ้าคะ”
ท่านโหวกู้เฆี่ยนกู้เฉิงหลินอย่างแรงยามกลับไปถึงจวน “เจ้าเรียนก็ไม่ได้ความ แต่กลับหัดใส่ร้ายแม่เจ้าอย่างนั้นหรือ! เหตุใดถึงกล้าดีเช่นนี้”
กู้เฉิงหลินถูกพ่อของตัวเองใช้แส้ฟาดจนร้องโอดยโอย
กู้เฉิงหลินโอดครวญอย่างน้อยใจ “ข้าไม่ได้ใส่ร้ายนาง! เข้าเห็นกับตาว่านางออกไปจากจวน! ท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ มองปราดเดียวก็รู้ว่าต้องออกไปทำเรื่องบัดสีแน่นอน!”
“นี่เจ้ายังกล้าเถียงอีกหรือ!” ท่านโหวกู้สะบัดแส้ในมืออีกครั้ง
กู้เฉิงหลินเอ่ยอย่างเหลืออดก “หากไม่เชื่อท่านก็ลองไปถามพี่ใหญ่กับพี่รองดูสิ! พวกเขาก็ได้ยินเหมือนกัน! แม่นางเหยาตกปากรับคำกับผู้ชายคนนั้น! นางออกไปคบชู้กับผู้ชายคนนั้น!”
บังเอิญว่าตอนนั้นกู้ฉังชิงก็เดินผ่านประตูไป
กู้เฉิงหลินราวกับเจอพระโพธิสัตว์มาโปรด ร้องเรียกจนเสียงหลง “พี่ใหญ่มาแล้ว! ท่านถามข้าสิ!”
“เรื่องอะไรหรือ” กู้ฉังชิงเดินเข้ามา
ท่านโหวกู้เอ่ย “เจ้านี่บอกว่าตอนที่พวกเจ้าอยู่ที่ร้านอาหาร ได้ยินฮูหยินกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งนัดแนะกันว่าจะไปแอบพบกัน”
กู้ฉังชิงเอ่ย “ไม่เห็นจะได้ยิน”
กู้เฉิงหลินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “พี่ใหญ่ ท่านโกหก! ข้ายังได้ยินเลย ท่านหูดีกว่าข้านัก จะไม่ได้ยินได้อย่างไร!”
“เจ้าหูฝาดแล้ว” กู้ฉิงชิงพูดจบก็คำนับให้ท่านโหวกู้ ก่อนจะหันหลังกลับไปที่เรือนของตัวเอง
คราวนี้ท่านโหวกู้ลงมืออย่างไม่ไร้เมตตาแล้วจริง ๆ
กู้เฉิงหลินถูกฟาดจนสะบักสะบอม
ความจริงแล้วกู้เฉิงเฟิงก็ได้ยินเช่นกัน เพียงแต่กู้เฉิงเฟิงออกไปรับงานเพื่อใช้หนี้แล้ว จึงไม่ได้อยู่ที่จวน
แม้เรื่องราวในคราวนี้จะน่ากลัวอยู่ไม่น้อยแต่ก็จบลงด้วยดี ทั้งยังทำให้แม่นางเหยาได้เห็นลูกไม้ของอนุหลิงอีกครั้ง นับวันนางยิ่งปักใจเชื่อแล้วว่าอนุนางนี้ไม่ธรรมดา และแน่นอนว่าร้ายกาจยิ่งนัก
การที่นางเล่นงานแม่นางเหยาไม่ใช่เรื่องแปลก แต่นางถึงขั้นหลอกใช้กู้เฉิงหลินที่ตนเองเลี้ยงดูมากับมือได้ เห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นี้ไร้หัวใจแค่ไหน
แม่พระอย่างนั้นหรือ น่ารักน่าเอ็นดูอย่างนั้นหรือ ล้วนแต่จอมปลอมทั้งสิ้น
ที่กู้เฉิงหลินเสียคนแบบนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฝืมือของเหล่าฮูหยิน อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะอนุนางนี้
อีกฟากหนึ่ง ข่าวที่กู้ฉังชิงสั่งให้องครักษ์ลับไปตามสืบก็มีคืบหน้าขึ้นมาในที่สุด
ห้องหนังสือ
องครักษ์คำนับให้กับกู้ฉังชิง
กู้ฉังชิงเอ่ยเสียงเรียบ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตามหาบรรดาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ในตอนนั้นได้หรือยัง?”
องครักษ์ลับเอ่ย “ข้างกายฮูหยินมีสาวใช้คนหนึ่งชื่อว่ากุ้ยจือ นางออกเรือนไปต่างถิ่นไม่รู้ว่าที่ได้ แต่ข้าน้อยสืบมาได้ว่าน้องชายของนางเป็นคนเฝ้าหลุมศพบรรพบุรษของตระกูลหลิง ข้าน้อยแอบเลียบๆ เคียงๆ ถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของฮูหยินและอนุหลิง”
กู้ฉังชิง “เข้าประเด็นสักที”
องครักษ์ลับ “ก่อนหน้าที่แม่นางเหยาจะแต่งงานนั้นไม่เคยพบกับท่านโหวมาก่อน แม่นางเหยากับท่านโหวเป็นผู้บริสุทธิ์ แม่นางเหยาได้หมั้นหมายตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว”
เรื่องนั้น ตอนที่กู้ฉังชิงได้เห็นเจินผิงกับแม่นางเหยาอยู่ด้วยกันเมื่อเย็นวาน เขาก็เชื่ออย่างสนิทใจแล้ว
แม่นางเหยาไม่เพียงแต่เคยหมั้นหมายกับเจินผิงมาก่อน แต่พวกเขายังรักกันจากใจจริงอีกด้วย ทั้งสองคนถูกพรากจากกัน แถมตระกูลเหยายังทำเรื่องเลวร้ายกับเจินผิงอีกต่างหาก
องครักษ์ลับเอ่ย “ฮูหยินเคยเกริ่นกับแม่นางเหยาว่าต้องการให้นางมาเป็นภรรยารองของท่านโหวหลายต่อหลายครั้ง ฮูหยินเองก็ไม่รู้ว่าแม่นางเหยาได้หมั้นหมายตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว เมื่อเข้าตาจน ไม่รู้จะปฏิเสธเช่นไร แม่นางเหยาจึงบอกความจริงกับฮูหยิน บอกว่าตนเองใกล้จะแต่งงานแล้ว ตอนนั้นอนุหลิงก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน”
กู้ฉังชิงขมวดคิ้ว เช่นนั้นก็แปลว่าอนุหลิงรู้อยู่ก่อนหน้าแล้วว่าแม่นางเหยามีคู่หมั้นแล้ว แต่ที่ไม่บอกออกไปในทันทีเพราะคิดว่าการแต่งงานคงไม่มีทางเกิดขึ้น
“ยังมีอีกเรื่องขอรับ” องครักษ์ลับเอ่ย “ท่านโหวเคยช่วยชีวิตอนุหลิงไว้”
“เรื่องตั้งแต่เมื่อใดกัน” กู้ฉังชิงถาม
องครักษ์ลับเอ่ย “เมื่อหลายปีก่อนแล้วขอรับ เรื่องนี้แม้แต่เหล่าฮูหยินหลิงเองก็ยังไม่รู้ ข้าน้อยสืบถามมาจากญาติฝั่งแม่แท้ๆ ของอนุหลิงจึงได้ความมา ตอนที่ท่านชายสามเพิ่งจะอายุได้ครบเดือน ฮูหยินอุ้มท่านชายสามกลับบ้านมา อนุหลิงไม่ทันระวังจึงพลัดตกบันได แต่ท่านโหวรับตัวนางไว้ได้ทัน”
อนุหลิงคงเริ่มมีใจให้กับพี่เขยของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น
แววตาของกู้ฉังชิงเย็นชายิ่งขึ้นเรื่อยๆ “เล่าต่อ”
องครักษ์ลับเล่าต่อ “แล้วก็ยังมีเรื่อง เรื่องที่อนุหลิงจะมาเป็นภรรยารองของท่านโหวนั้น แม่แท้ๆ ของนางเป็นคนเสนอขึ้นมาเอง เดิมทีเหล่าฮูหยินหลิงกับเหล่าฮูหยินกู้ไม่เห็นด้วย แต่แม่ของนางก็เกลี้ยกล่อมทั้งสองคนจนสำเร็จ เพียงแต่…”
พูดถึงตรงนั้น องครักษ์ลับก็ชะงักไป
กู้ฉังชิงมาเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก “เพียงแต่อะไร”
องครักษ์ลับเอ่ย “ก่อนที่อนุหลิงจะออกเรือน เหล่าฮูหยินหลิงได้ให้นางดื่มยาที่ทำให้เป็นหมัน หากนางดื่มแล้วจึงจะยอมให้นางขึ้นเกี้ยว ไม่อย่างนั้นการแต่งงานครั้งนี้ก็จะเป็นอันล้มเลิก”
กู้ฉังชิง “แล้วนางดื่มหรือไม่”
“ดื่มขอรับ” องครักษ์ลับพยักหน้า “แต่ซื่อจื่อต้องคาดไม่ถึงแน่นอน คืนที่นางแต่งเข้าจวนโหว เหล่าฮูหยินกู้เองก็ให้นางดื่มยาที่ทำให้เป็นหมันอีกถ้วยหนึ่งเช่นกัน”
เหล่าฮูหยินกู้ดูเหมือนจะเป็นคนไม่มีเหตุผล แต่องครักษ์ลับไม่เคยคิดเลยว่านางจะใจร้ายเช่นนี้
กู้ฉังชิงเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาคิดไม่ถึงเลยว่าท่านย่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้ แถมในสายตาเขาท่านยายยังเป็นหญิงชราที่อ่อนโยนและจิตใจงามกว่าเหล่าฮูหยินกู้มากนัก
ใครจะไปคาดคิดว่าทั้งสองคนจะเห็นพ้องต้องกันและลงมือกับอนุหลิงโดยที่ไม่ได้นัดหมายเช่นนี้
หญิงชราทั้งสองคนล้วนแต่ทำไปเพื่อปกป้องหลานยายและหลายย่าที่เกิดจากภรรยาเอก
นี่คือความจริงที่ทำให้อนุหลิงไม่สามารถตั้งครรภ์มานานหลายปี
นางบอกกับพี่น้องทั้งสามว่า ชีวิตนี้นางไม่ต้องการลูกอีกแล้ว ไม่ใช่ว่านางไม่อยากมี แต่นางไม่สามารถมีได้ต่างหาก
กู้ฉังชิงไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไปดี ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ชีวิตของนางช่างน่าเศร้านัก แต่หากมิใช่เพราะความทะเยอทะยานอยากได้อยากมีของนาง นางก็คงไม่มีจุดจบเช่นนี้
องครักษ์ลับเอ่ยต่อ “ข่าวฉาวที่ลือกันเกี่ยวกับแม่นางเหยาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้าน้อยเองก็ไปสืบมาอย่างละเอียดแล้วเช่นกัน ทั้งหมดล้วนแต่มีอนุหลิงเป็นคนปล่อยข่าว แม้ข้าน้อยยังรวบรวมหลักฐานได้ไม่มากพอ แต่จดหมายที่ใส่ร้ายว่าแม่นางเหยาว่าเป็นคนยั่วยวนท่านโหว ก็คาดว่าจะเป็นลายมือของอนุหลิง”
“ข้าเข้าใจแล้ว” กู้ฉังชิงไม่ได้ประหลาดใจกับผลที่ออกมาเลยแม้แต่นิด เพียงแต่ว่าหากนางมีใจให้ท่านพ่อตั้งแต่แรก เช่นนั้นก็แปลว่าท่านแม่ของเขาคือหนามตำใจของนางสินะ “แล้วสาเหตุการตายของแม่ข้าเล่า นางป่วยตายจริง ๆ หรือ”
องครักษ์ลับครุ่นคิดพลางส่ายหน้า “เรื่องนั้น…เกรงว่าคงต้องถามอนุหลิงแล้วขอรับ วันก่อนที่ฮูหยินจะจากโลกนี้ไป อนุหลิงและเหล่าฮูหยินหลิงได้มาที่จวนเพื่อเยี่ยมนาง พอตกกลางดึกอาการของฮูหยินก็ทรุดลงอย่างกะทันหัน”