สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 186 ชีพจรมงคล
บทที่ 186 ชีพจรมงคล
กู้เจียวไม่ได้เห็นหน้าแม่นางเหยามาหลายวันแล้ว แม้เมื่อคืนวานแม่นางเหยาจะแวะมาหา แต่น่าเสียดายที่กู้เจียวออกไปรักษาคนป่วยฉุกเฉิน จึงคลาดกับแม่นางเหยาไปโดยปริยาย
กู้เจียวคำนวณดูแล้ว ยาของแม่เหยาน่าจะหมดแล้ว เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จนางก็สะพายตะกร้าขึ้นหลังแล้วแวะไปที่จวนโหว
เมื่อคืนวานแม่นางเหยาติดกับดับของอนุหลิงเข้าอย่างจัง ทั้งตื่นกลัวทั้งโมโหผสมปนเปกันไปหมด กว่าจะหลับตาลงก็ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว แม้แต่ไปเยี่ยมเหล่าฮูหยินกู้ยามเช้าที่ต้องไปทุกวันก็ยังไปไม่ไหว
แม่นมฝางวานคนให้ไปบอกว่าฮูหยินจับไข้หนาวสั่น เกรงว่าจะเหล่าฮูหยินจะติดไข้เอา อีกสองวันถึงจะมาเยี่ยมได้
หากเป็นเมื่อแต่ก่อนละก็ เหล่าฮูหยินกู้คงหาว่าแม่นางเหยาไม่เห็นคนเฒ่าคนแก่อย่างนางอยู่ในสายตา แต่การแสดงออกของแม่นางเหยาในช่วงที่ผ่านมานี้ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้แก่เหล่าฮูหยินได้สำเร็จ
เหล่าฮูหยินกู้ไม่เพียงแต่เชื่อนางอย่างสนิทใจ แต่ยังสั่งให้สาวใช้นำโสมชั้นดีมามอบให้แม่นางเหยาอีกด้วย
นั่นไม่ใช่เพราะนางเป็นห่วงแม่นางเหยา แต่เป็นเพราะหากแม่นางเหยาฟื้นตัวเร็วเท่าไหร่ ก็จะสืบทอดตำแหน่งจากนางได้เร็วขึ้นเท่านั้น
กู้เจียวมาถึงไม่เช้านักแต่ก็ไม่สายจนเกินไป แม่นางเหยาเพิ่งตื่นนอน อาบน้ำอาบท่า และกินข้าวต้มเสร็จ
พอแม่นางเหยาเห็นลูกสาว ในแววตาก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่
นางเดินเข้าไปแล้วจูงมือลูกสาวเข้ามาในเรือนอันอบอบอุ่น “เหตุใดวันนี้ถึงได้แวะมา ปลีกตัวจากโรงหมอมาได้หรือ”
“ที่โรงหมอไม่ค่อยยุ่งนัก” กู้เจียวตอบ
แม่นางเหยาและลูกสาวนั่งลงบนตั่งริมโต๊ะ นางไม่ชอบรับแขกที่เก้าอี้กวนเม่านัก เพราะระหว่างเก้าอี้กวนเม่ามักจะมีชุดน้ำชาวางคั่นกลาง ให้ความรู้สึกเหมือนถูกแบ่งแยกอย่างไรอย่างนั้น
กู้เจียววางตะกร้าสะพายหลังลงบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยกับแม่นางเหยา “สีหน้าท่านดูไม่ค่อยดีนัก”
แม่นางเหยาลูบแก้มของตัวเองพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นอนดึกน่ะ”
“เหตุใดถึงนอนดึกเช่นนั้น มีเรื่องกังวลใจหรือ?” กู้เจียวไม่รู้ว่าเมื่อวานนี้แม่นางเหยาพบเจอสิ่งใดมา
แม่นางเหยาคิดอยู่นานสองนาน ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับลูกสาวอย่างไร
ลูกสาวนั้นลำบากมาพอแล้ว นางไม่อยากให้ลูกสาวต้องมาเป็นกังวลเพราะนางอีก
อีกอย่าง ความสัมพันธ์ของนางกับเจินผิงก็ยากจะเอ่ยถึงให้ลูกสาวได้รับรู้
ถึงนางไม่พูด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแม่นมฝางจะไม่พูด
หลังจากที่แม่นมฝางกลับมาถึงจวนเมื่อคืนวาน ก็ครุ่นคิดอย่างหนัก คาดเดาไปต่างๆ นานา จับต้นชนปลายจนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้
นางรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องที่บอกคุณหนูไม่ได้เสียหน่อย
“ก็อนุหลิงน่ะสิเจ้าคะ!” แม่นมฝางกัดฟันกรอดเล่าเรื่องราวที่อนุหลิงเล่นงานแม่นางเหยาออกมาทั้งหมด
“เดิมทีพวกข้าคิดว่านางจะวางยาในอาหาร ติดกับดักบนรถม้า หรือว่ายืมมือท่านชายสามถากถางฮูหยินเสียอีก ใครจะไปคิดกันว่านางหญิงชั่วนั้นจะแอบสืบเรื่องของฮูหยินลับหลัง ทั้งยังนำเรื่องการหมั้นหมายของฮูหยินตั้งแต่สมัยก่อนมาปั้นน้ำเป็นตัว! ตั้งแต่ที่ฮูหยินแต่งเข้าจวนโหว ก็ไม่เคยไปมาหาสู่กับตระกูลเจินด้วยซ้ำ แต่เรื่องบางเรื่องก็พูดออกไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะเจ้าคะ! ท่านโหวเองก็ย่อมไม่พอใจอยู่แล้ว ต่อให้ท่านโหวไม่โกรธ แต่มีหรือที่เหล่าฮูหยินจะไม่โมโห ตลอดเวลาที่ผ่านมา กว่าฮูหยินจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเหล่าฮูหยินนั้นใช่เรื่องง่ายเสียที่ไหน หากเมื่อวานถูกท่านโหวกับท่านชายสามจับได้จริง ๆ ความพยายามที่สั่งสมมาจะมิสูญเปล่าหรือเจ้าคะ!”
ยิ่งคิดแม่นมฝางก็ยิ่งคับแค้นใจ นางไม่เข้าใจเลยสักนิดว่านางแซ่หลิงนั่นคิดแผนการชั่วร้ายมากมายขนาดนั้นออกมาได้เช่นไร
“หากไม่ใช่เพราะซื่อจื่อปรากฎตัวได้ทันเวลา เมื่อคืนวานคงจบไม่สวยแน่! เฮ้อ โชคดีแท้ที่มีซื่อจื่อ!”
ความจริงแล้วแม่นางเหยาคิดว่า แม้สิ่งที่นางทุ่มเทลงไปจะสูญเปล่าก็ไม่เป็นไร นางกังวลเพียงแค่ว่าหญิงชั่วช้าอย่างอนุหลิงจะใช้เรื่องนี้มาทำให้ลูกทั้งสองของนางต้องแปดเปื้อน
ในตอนนั้นจวนโหวคงมีข่าวลือว่า ‘กู้เจียวและกู้เหยี่ยนเป็นลูกนอกไส้ ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขที่แท้จริงของท่านโหวกู้’
ยามนึกถึงภาพที่ลูกทั้งสองของนางต้องแบกรับมลทินนั้น แม่นางเหยาก็กลัวจับใจ
ด้วยเหตุนี้ ยามแม่นมป่าวประกาศไปทั่วว่าขอบคุณกู้ฉังชิงหนักหนา นางจึงไม่คัดค้านแม้สักคำ
ไม่ว่าอดีตจะเป็นอย่างไร หรือวันหน้าจะเป็นเช่นไร อย่างน้อยเรื่องนี้นางก็ควรขอบคุณเขาจริง ๆ
กู้เจียวจำไว้ในใจ
จู่ ๆ กู้เจียวก็นึกถึงความฝันตอนที่กลับมายังจวนโหว
ในความฝันนั้นนางกับกู้จิ่นอวี๋้มีปากเสียงกัน และคนที่ชักนำให้นางและกู้จิ่นอวี๋้ตั้งตัวเป็นศัตรูกันขึ้นเรื่อยๆ ก็คืออนุหลิง
แรกเริ่มเดิมทีกู้จิ่นอวี๋้นั้นก็ปฏิบัติกับนางผู้อ่อนแอคนนี้เป็นอย่างดี
ในฝันนั้น หลังจากที่แม่นางเหยาและกู้เหยี่ยนจากโลกใบนี้ไปแล้ว ท่านโหวกู้จึงมารับตัวนางกลับจวนติ้งอันโหวที่เมืองหลวง
ท่านโหวกู้ต้อนรับขับสู้นางเป็นอย่างดี ในเมื่อภรรยาและลูกชายตายจากไปแล้ว นางจึงเป็นเพียงเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวของท่านโหวกู้และแม่นางเหยาที่หลงเหลืออยู่ คือเครื่องยืนยันความสัมพันธ์ของเขากับแม่นางเหยา
ยามท่านโหวกู้เห็นนางก็จะนึกถึงภรรยาที่จากไปก่อนวัยอันควร ตอบแทนความคิดถึงที่มีต่อภรรยาให้กับนางทั้งหมด
ส่วนนางก็พึ่งพิงท่านโหวกู้มากเช่นกัน
ในช่วงปีสองปีแรก ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับพ่อและน้องสาวนั้นกลมเกลียวดี
นางเทียบกู้จิ่นอวี๋้ไม่ได้สักอย่าง กู้จวิ่นอวี๋้ไม่ได้ริษยานางเพราะเหตุนั้นแต่อย่างใด กลับกันกู้จิ่นอวี๋้ยังพยายามสอนนางด้วยเสียซ้ำ เพียงแต่ไม่ว่ากู้จิ่นอวี๋้จะสอนอย่างไร นางก็ทำไม่เป็นสักที
กู้จิ่นอวี๋้นั้นอดทนและเมตตาต่อคนที่ไม่มีวันจะเอาชนะนางได้
แต่อนุหลิงนั้นเป็นดั่งภัยคุกคามของกู้จิ่นอวี๋้มาโดยตลอด
หลังจากแม่นางเหยาจากไป อนุหลิงก็พยายามตั้งตนเป็นภรรยาหลวง นางพยายามดูแลทุกอย่างในจวนมาหลายสิบปี เกลี้ยกล่อมเหล่าฮูหยินและพี่น้องตระกูลกู้จนเป็นพวกของนางได้ เหลือเพียงก้าวเดียวนางก็จะได้ขึ้นมาเป็นนายหญิงอย่างสมบูรณ์
เพียงแต่กู้จิ่นอวี๋้กลับไม่อยากเห็นนางเป็นนายหญิง
ทั้งสองทะเลาะกันไปมาจนเรื่องราวใหญ่โต สุดท้ายตัวนางในฝันก็ถูกหญิงทั้งสองลากเข้ามาเกี่ยว
ทว่าตอนนี้ การปรากฏตัวของแม่นางเหยาและตัวนางเอง ทำให้อนุหลิงและกู้จิ่นอวี๋้มีศัตรูที่น่าปวดเพิ่มขึ้น แต่ทั้งสองคนกลับไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งกันเสียอย่างนั้น
“อ๋อ” กู้เจียวร้องอ๋อออกมา
แม่นางเหยากังวลว่าลูกสาวจะร้อนใจเรื่องอนุหลิง จึงหันไปมองค้อนแม่นมฝาง พลางเอ่ยกับกู้เจียว “เจ็บแล้วก็รู้จักจำ แม่จะไม่ติดกับดักของนางอีกแล้ว แม่จะจัดการนางเอง เจ้าอย่าได้เป็นกังวลไป”
อนุหลิงใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมาแล้วสิบกว่าปี ทั้งยังมีตระกูลหลิงอันแข็งแกร่งคอยหนุนหลังอยู่อีก ด้วยกำลังของแม่นางเหยาเพียงคนเดียวนั้น ไม่สามารถกระชากนางลงจากม้าได้ภายในเวลาอันรวดเร็วอย่างแน่นอน
“เจ้าค่ะ ข้าจะไม่กังวล” กู้เจียวเอ่ย นางหยิบยาสองขวดออกมาจากกล่องยา แเกะบรรจุภัณฑ์เดิมออกแล้วบรรจุยาลงในขวดกระเบื้องเหมือนทุกครั้ง “นี่เป็นยาใหม่ แต่วิธีการกินเหมือนเดิม”
ยาเหล่านี้ดูเผินๆ ไม่แตกต่างกว่าคราวก่อนนัก แม้กู้เจียวจะเคยเปลี่ยนระหว่างการรักษาครั้งหนึ่ง แต่แม่นางเหยาก็ไม่ได้เอะใจแต่อย่างใด
กู้เจียวชะงักไป ราวกับคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยกับแม่นางเหยา “ใช่แล้ว ท่านย่ามีของสิ่งหนึ่งให้ข้ามอบให้ท่าน”
“อะไรหรือ” แม่นางเหยาถาม
กู้เจียวเปิดห่อผ้าออก แล้วหยิบยาผงห่อหนึ่งออกมาจากข้างใน “ท่านย่าบอกว่าหากท่านเห็นก็จะรู้เอง”
แม่นางเหยารับยาห่อน้อยมา หัวใจดวงน้อยก็สั่นระรัวขึ้นมา
หญิงชราช่วยนางวางแผนเล่นงานอีกแล้วหรือนี่
เมื่อคืนวานนางยังไม่ทันได้ขอคำชี้แนะจากนางเลย แต่หญิงชรากลับมองออกว่านางกำลังตกที่นั่งลำบาก
แม่นางเหยาตาเป็นประกาย กระแอมให้โล่งคอแล้วเอ่ยขึ้นว่า “อ๋อ ที่เรือนข้ามีหนูน่ะ ก็เลยขอยาเบื่อหนูจากท่านย่ามานิดหน่อย”
กู้เจียว “อ๋อ”
กู้เจียวลุกขึ้นแล้วขอตัวลา
พอกู้เจียวเดินออกไป แม่นางเหยาก็อยากจะจัดการอนุหลิงจนรนทนไม่ไหวแล้ว
อนุหลิงเล่นงานนางเสียอ่วมขนาดนี้ หากนางต้องอดทนอดกลั้นอีกแม้แต่คืนเดียว นางคงต้องขาดใจตาย
หญิงชราเป็นเหมือนดั่งที่พึ่งพิงทางใจของนาง เมื่อได้คำชี้แนะจากหญิงชราแล้ว นางก็ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น!
“อนุหลิงอยู่ที่ใด” แม่นางเหยาถามน้ำเสียงมุ่งมั่น
แม่นมฝางตกใจในทันใด “ฮูหยิน ท่านจะทำอะไรหรือเจ้าคะ”
แม่นางเหยา “จะวางยานางน่ะสิ!”
แม่นมฝางลังเล “ไม่ดี…กระมังเจ้าคะ คราวก่อนฮูหยินวางยานางไปแล้วหนหนึ่ง หากวางยาอีก…คงสำเร็จง่ายๆ หรอกเจ้าค่ะ!”
เรื่องมันมีอยู่ว่า ยามนี้นี้อนุหลิงนั้นระแวดระวังเป็นอย่างมาก อาหารการกินทุกอย่างถูกตรวจตราอย่างเข้มงวด ทั้งยังไม่หลงกลออกมาพบแม่นางเหยาอีกต่อไป
แม่นางเหยาเอ่ยอย่างมุ่งมั่น “ในเมื่อท่านย่าบอกให้ข้าวางยานาง นั้นก็แปลว่าวิธีนี้ได้ผลที่สุด หากต้องจับกรอกปากก็จับกรอกเสีย!”
แม่นมฝางคิดในใจ ท่านแน่ใจหรือว่าหญิงชราเป็นคนให้ยานั่นมา เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าสายตาของคุณหนูใหญ่ดูไม่ชอบมาพากลนัก
แม่นางเหยาครุ่นคิดอยู่นาน ทันใดนั้นหัวสมองก็พลันสว่างวาบขึ้นมา “เอาเสื้อคลุมมา ข้าจะไปเยี่ยมเหล่าฮูหยิน!”
แม่นางเหยาเดินทางไปยังเรือนซงเฮ่อของเหล่าฮูหยินกู้ นำขนมที่ตนทำเองไป…อันที่จริงเป็นของเหลือจากเมื่อวาน แต่เพราะอากาศหนาวเย็นขนมจึงยังไม่เน่าเสีย
แม่นางเหยายื่นกล่องอาหารให้กับเหล่าฮูหยินกู้พลางโค้งคำนับ “ท่านแม่ สะใภ้มาช้านัก ขอบคุณโสมจากท่านแม่ยิ่งนัก สะใภ้กินแล้วอาการก็ดีขึ้นจริงๆ เจ้าค่ะ”
“อืม” คำพูดและท่าทีของแม่นางเหยาเป็นที่พึงพอใจของเหล่าฮูหยินกู้ยิ่งนัก เหล่าฮูหยินกู้เหลือบตามองแม่นางเหยาพลางเอ่ย “ไม่เห็นจำเป็นต้องรีบร้อนมา ป่วยแล้วก็ควรพักผ่อนสักวันสองวัน ประเดี๋ยวคนก็เล่าลือกันไปหมด ว่าคนแก่อย่างข้าใจร้ายใจดำกับลูกสะใภ้”
แม่นางเหยายิ้มบาง “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างเจ้าคะ ได้รับใช้ท่านแม่ สะใภ้ก็ยินดี ท่านแม่บุญญาบารมีสูงส่ง สะใภ้อยู่ใกล้ท่านก็เหมือนได้รับพรไปด้วย”
คนเราจะเลียแข้งเลียขา ไม่ว่าเรื่องใดได้ก็หยิบยกมาปะเหลาะได้ทั้งนั้น
เหล่าฮูหยินมองกล่องอาหารในมือนาง
แม่นางยิ้มพลางเดินเข้าไปหา “สะใภ้ทำขนมมาเจ้าคะ เป็นรสชาติโปรดของท่าน”
เหล่าฮูหยินกู้บังเอิญหิวอยู่พอดี
แม่นางเหยาเปิดกล่องขนม พลางยกจานขนมแสนประณีตหน้าตาน่ารับประทานออกมา ก่อนจะเอ่ยกับแม่นางเหยา “ว่าแต่ เหตุใดถึงไม่เห็นอนุหลิงเลยเล่าเจ้าคะ”
“เจ้ามีอะไรกับนางหรือ” เหล่าฮูหยินกู้ถาม
แม่นางเหยาตอบย “ลืมคืนกุญแจห้องเก็บของให้นางน่ะเจ้าค่ะ แล้วก็บัญชีของเดือนนี้ด้วย มีหลายจุดที่ข้าไม่เข้าใจนัก แต่ก่อนอนุหลิงเป็นคนทำบัญชีทั้งหมด ข้าเลยจะถามนางสักหน่อย”
เหล่าฮูหยินกู้เอ่ยเสียงเรียบ “ประเดี๋ยวนางก็มาแล้ว เจ้ารออยู่ที่นี่สิ”
แม่นางเหยาโค้งคำนับ “เจ้าค่ะ”
เมื่อเหล่าฮูหยินกู้เป็นคนออกปาก แม่นางเหยาก็นั่งรออยู่ในเรือนซงเฮ่ออย่างสบายใจ
เป็นไปดังคาด ผ่านไปเพียงครู่เดียว อนุหลิงก็มาถึง
นางเห็นแม่นางเหยาก็ชะงักไปในทันที
แม่นางส่งยิ้มบางให้นาง “ไม่เจอกันแค่วันเดียว เหตุใดอนุหลิงถึงมองข้าเช่นนั้น”
กู้เฉิงหลินไปพบอนุหลิงทั้งยังร้องไห้คร่ำครวญตั้งแต่เช้า บอกว่าแม่นางเหยาเป็นคนชั่ว แอบคบชู้สู่ชายลับหลังทั้งยังบอกให้ไล่แม่นางเหยาออกไป อนุหลิงจึงได้รู้ว่าแผนการเมื่อคืนวานนั้นล้มไม่เป็นท่า
แม่นางเหยาช่างดวงแข็งแท้ ใช้ไม้นี้แล้วยังขยี้นางให้แหลกไม่ได้อีกหรือ!
อนุหลิงเอ่ยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ได้ยินว่าฮูหยินป่วย คิดไม่ถึงเลยว่าฮูหยินจะมาเยี่ยมเหล่าฮูหยินทั้งที่ป่วยเช่นนี้”
ไม่กลัวเหล่าฮูหยินจะติดไข้เอาหรือไร!
แม่นางเหยาพูดน้อยต่อยหนักหลัง “อนุหลิงช่างใส่ใจเรื่องในเรือนข้าเหลือเกินน่ะเจ้าคะ”
เมื่อคำพูดนั้นเอ่ยออกไป อนุหลิงก็หน้าบึ้งตึงในทันที หากเมื่อครู่นางยังมาไม่ถึงเรือนซงเฮ่อ ว่ากันตามหลักแล้วนางไม่มีทางรู้ได้เลยว่าแม่นางเหยานั้นป่วยอยู่ ทว่านางกลับโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว นั่นเท่ากับนางยอมรับว่าตัวเองจับตามองความเคลื่อนไหวในเรือนซงเฮ่อมาตลอด
หากอนุหลิงจะจับตามองแม่นางเหยานั้นย่อมทำได้ แต่หากจับตามองเหล่าฮูหยินกู้หาใช่เรื่องที่ควรกระทำ!
เหล่าฮูหยินกู้ขมวดคิ้วมุ่น
อนุหลิงเอ่ยเสียงร้อนรน “ข้าได้ยินท่านโหวพูดเจ้าค่ะ เช้าวันนี้ท่านโหวออกไปที่ศาลาว่าการ ข้าบังเอิญพบท่านเข้าพอดี”
แม่นางเหยาหน้านิ่ง “เมื่อคืนวานท่านโหวไม่ได้กลับจวนนี่”
ดูเหมือนว่าช่วงนี้ที่กรมโยธาเกิดเรื่องขึ้น ท่านโหวก็ไปรับนางกลับจวนจากตรอกปี้สุ่ย จากนั้นก็ไปที่เรือนของกู้เฉิงหลินก่อนจะออกไปที่กรมโยธาอีกครั้ง
อนุหลิงยิ่งแก้ตัวหลักฐานก็ยิ่งมัดตนเองตัว
เหล่าฮูหยินกู้ก็ไม่ได้โง่เง่าขนาดนั้น จะดูไม่ออกเลยหรือว่าอนุหลิงกำลังหาทางหนีทีไล่
สีหน้าของเหล่าฮูหยินกู้บูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม
อนุหลิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในใจก่นด่าแม่นางเหยาสาดเสียเทเสีย นางแซ่เหยานี่กินยาผิดแขยงขนานหรืออย่างไร นับวันยิ่งรับมือยากเข้าไปเสียทุกที!
แม่นางเหยาเอ่ยตัดบท “ช่างเถิด บางทีอาจจะเป็นสาวใช้ในเรือนข้าที่ปากพล่อยเอง อนุเองก็มิได้มีเจตนาร้าย ท่านแม่ ขนมนี้หากกินเยอะจะเลี่ยนเอาได้ส ข้าจะไปชงชาให้ท่านสักหน่อยดีกว่า”
แม่นางไม่เพียงแต่ทำขนมอร่อย แต่ยังชงชาได้หอมนัก
เหล่าฮูหยินกู้พยักหน้า
แม่นางเหยาเข้าไปในห้องน้ำชาแล้วชงชามาหนึ่งกา “อนุหลิงรับสักถ้วยหรือไม่”
อนุหลิงไม่กล้าดื่มน้ำชาของแม่นางเหยา
แม่นางเหยาเอ่ย “ชาดอกไม้เหล่านี้ ท่านแม่เป็นคนคัดเลือกดอกไม้แห้งเองกับมือ หอมกว่าดอกไม้แห้งที่ข้าซื้อจากข้างนอกนัก”
ของของเหล่าฮูหยิน หากอนุหลิงไม่กินก็เท่ากับว่าไม่ให้เกียรติกันมิไม่ใช่หรือ
อีกอย่างอนุหลิงก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า แม่นางเหยาคงไม่ใจกล้าถึงขั้นวางยานางต่อหน้าเหล่าฮูหยินหรอกกระมัง
แม่นางเหยาใจกล้าบ้าบิ่น ไม่เหมือนอนุหลิงที่คิดการรอบคอบ ทั้งยังไม่ได้เจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นนาง
นางค่อยเทผงยาลงในถ้วยชาของอนุหลิง
คนหนึ่งกล้าเสนอ อีกคนหนึ่งก็กล้าสนองเสียจริง
อนุหลิงยังคงระวังตัวเป็นอย่างมาก จิบคำหนึ่งแล้วก็รออยู่นานสองนาน พอเห็นว่าไม่เกิดอะไรขึ้นจึงดื่มคำที่สอง คำที่สามอย่างวางใจ
มิอาจปฏิเสธได้เลยว่า ฝีมือชงชาของแม่นางเหยานั้นไม่มีผู้ใดเทียบได้ แม้นางจะเกลียดแม่นางเหยาเข้าไส้ แต่ก็ดื่มชาหมดทั้งถ้วยอย่างห้ามไม่ได้
จนกระทั่งตกดึก ก็ยังไม่ได้ยินข่าวร้ายจากฝั่งอนุหลิงแต่อย่างใด
แม่นางเหยางุ่นง่าน หรือว่าสิ่งที่หญิงชรามอบให้นางจะไม่ใช่ยาพิษ
ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นได้เกิดขึ้นในวันต่อมา
อนุหลิงมาเยี่ยมเหล่าฮูหยินกู้ตั้งแต่เช้าตรู่ พอได้กลิ่นซาลาเปา จู่ๆ นางก็ส่งเสียงเหมือนจะอาเจียนออกมา
เหล่าฮูหยินกู้สะอิดนสะเอียนนางจนแทบจะทนไม่ไหว แต่ก็ยังวานให้คนตามหมอประจำจวนมา
หมอประจำจวนคลำชีพจร ก็รีบยกมือขึ้นคำนับเหล่าฮูหยินในทันใด “ยินดีด้วยขอรับเหล่าฮูหยิน อนุหลิงตั้งครรภ์แล้วขอรับ!”