สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 197.3 ทายาทตัวจริงตัวปลอม (3)
บทที่ 197.3 ทายาทตัวจริงตัวปลอม (3)
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ นาฬิกาดังสามครั้ง ผู้เข้าสอบทุกคนวางพู่กันลง รอให้ผู้คุมสอบมาเก็บข้อสอบไป
ข้อสอบที่ทำเสร็จแล้วจะถูกนำส่งไปที่อาคารชิงฮุย โดยกรรมการจากสำนักฮั่นหลินหกคนจะเป็นผู้ลงลายน้ำ จัดเก็บและผนึกข้อสอบ ก่อนจะถูกนำส่งไปยังอาคารหลัก
ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันการทุจริตของเจ้าหน้าที่กันเอง
พอวันที่สิบ ผู้เข้าสอบสามารถออกจากสนามสอบได้ และกลับเข้ามาอีกครั้งในวันที่สิบเอ็ด
การสอบด่านที่สอง เป็นการสอบเรียงความปากู่เหวิน
โจทย์ครั้งนี้นำมาจากคัมภีร์หลุนอวี่ “บุรุษกมลไพศาลมิเลือกผู้ใด คนตัวเล็กนั้นไซร้เล่ห์หนักมักพวก”เป็นอีกครั้งที่พวกเขาได้ประโยคสองแง่สองง่าม
ที่น่าเอ่ยถึงก็คือ ประโยค“บุรุษกมลไพศาลมิเลือกผู้ใด”เคยปรากฏอยู่ในข้อสอบเอินเคอ หรือก็คือ โจทย์นี้ไม่ได้มีความแปลกใหม่เสียทีเดียว ในรอบนั้น มีคนไม่น้อยที่ถอดความออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม หากอยากจะสร้างความตะลึงให้ผู้ตรวจข้อสอบนั้นคงเป็นเรื่องยากใช่เล่น ผู้เข้าสอบในรอบนี้นอกจากจะต้องสร้างสรรค์การถอดความรูปแบบใหม่แล้ว ยังต้องตีความประโยคหลังให้ออกมาสอดคล้องกันอีกด้วย
บรรยากาศการสอบรอบที่สองดุเดือดกว่ารอบแรกอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากเสียงลมพัดแล้ว ก็คงจะมีแต่เสียงเขียนขยุกขยิกลงบนกระดาษนี่ละ
สักพักก็ดันมีคนเป็นลม
เป็นชายอายุราวห้าสิบกว่า เขาสอบได้ระดับซิ่วไฉเมื่อตอนอายุสามสิบ พออายุสี่สิบก็ได้ระดับจวี่เหริน และครั้งนี้เป็นครั้งที่หกที่เขาได้เข้ามาสอบชุนเหว่ย หากยังไม่ผ่านอีก เกรงว่าคงได้มาสอบอีกทีคตอนอายุหกสิบ
เขาต้องรู้สึกกดดันมากแค่ไหนนะ
แต่กระนั้น สวรรค์กลับไม่เห็นถึงความกดดันของเขาแต่อย่างใด เดิมเขาเป็นคนร่างกายอ่อนแอ ซ้ำร้ายที่นั่งสอบของเขาถูกจัดให้อยู่บริเวณริมสุด จึงโดนลมหนาวเข้าจังๆ ตอนสอบด่านแรกก็เริ่มจะออดๆ แอดๆ แล้ว แต่ก็ยังกัดฟันอดทนมาจนถึงตอนนี้ได้
พอถึงด่านที่สองก็เริ่มจะไม่ไหว เลยล้มลงไป
เป็นลมธรรมดาไม่เท่าไหร่ เขาดันมาเป็นลมชักด้วยนี่สิ
ร่างของเขาจึงถูกทหารยามหามออกไป
ฟาดเคราะห์ไปหนึ่งราย
การสอบในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่เขาเตรียมตัวมาดีมากที่สุด และเขาทำข้อสอบออกมาได้ดีด้วย หากไม่มีเงื่อนไขเรื่องร่างกายและสภาพอากาศ เขาควรจะสอบผ่านด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดาย ดันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้
เรื่องที่เกิดขึ้นยิ่งสร้างความกดดันให้ผู้สอบคนอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น จากที่กดดันมากอยู่แล้ว
ขณะที่ผู้เข้าสอบกำลังเขียนคำตอบกันย่างขะมักเขม้น ที่อาคารชิงฮุย กรรมการสอบหกคนจากสำนักฮั่นหลินก็เพิ่งจะลงลายน้ำข้อสอบชุดแรกเสร็จ
ข้อสอบทุกชุดถูกผนึกอย่างดี และถูกวางไว้ในช่องเก็บโดยเฉพาะ
จากนั้นข้อสอบชุดแรกถูกนำส่งไปยังอาคารหลักภายใต้การดูแลอย่างรัดกุมของทหารเฝ้ายาม กรรมการทั้งหกคนเป็นอันถอนหายใจโล่งอก
หนึ่งในกรรมการเอ่ยขึ้นเบาๆ “ข้าว่าข้าได้ลงน้ำกระดาษคำตอบของอันจวิ้นอ๋องละ”
กระดาษคำตอบนั่น นอกจากจะตอบถูกทุกคนข้อแล้ว ลายมือนั่นช่างเป็นเอกลักษณ์ยิ่ง ตัวเขาตรวจข้อสอบมานักต่อนัก เพิ่งจะได้ยลลายมือสวยๆ ก็ครั้งนี้นี่แหละ เรียกได้ว่าเป็นงานศิลป์ชั้นเอกเลยก็ว่าได้
พอกรรมการคนแรกเอ่ยจบ จู่ๆ กรรมการอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็แย้งขึ้น “ข้าว่าข้าต่างหากที่ได้ลงน้ำข้อสอบของอันจวิ้นอ๋อง”
กระดาษคำตอบนั่นเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนแน่นอน นอกจากอันจวิ้นอ๋องแล้ว จะเป็นใครไปได้อีก
ด้วยความที่กระดาษคำตอบทุกคนถูกปิดชื่อ จึงไม่รู้ว่าใครเป็นใคร กรรมการมีหน้าที่แค่ลงลายน้ำ ลงลำดับเลขที่ และผนึกข้อสอบ จากนั้นทำการประทับตรา
หากเกิดการลำดับผิดพลาด สามารถตามได้จากตราประทับ
กรรมการทุกคนล้วนมีความละเอียดรอบคอบ ไม่เคยมีเหตุการณ์ผิดพลาดเกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว
กรรมการทั้งสองกระซิบถกเถียงกัน ต่างก็ไม่มีใครยอมใคร
ระหว่างนั้นเอง ที่สนามสอบ เวลาเริ่มจะหมดแล้ว ผู้เข้าสอบทุกคนตะบี้ตะบันเขียนคำตอบกันอย่างสุดแรงเกิด
อันจวิ้นอ๋องวางพู่กันลงสักพักใหญ่ๆ แล้ว
ด้วยความที่พอตกกลางคืน เขาจะมีอาการมองเห็นไม่ชัด ดังนั้นเขาต้องรีบทำข้อสอบให้เสร็จในช่วงที่ยังมีแสงอยู่
นาฬิกาดังขึ้น เป็นอันสิ้นสุดการสอบด่านที่สอง
ผู้คุมสอบทยอยเก็บกระดาษคำตอบ เสียงร้องโอดโอยจากผู้เข้าสอบดังระงม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาประเมินความยากของข้อสอบด่านที่สองต่ำไป
กระนั้น ฝันร้ายที่แท้จริง อยู่ที่การสอบด่านที่สาม
เป็นการสอบเรื่องนโยบาย
แค่โจทย์ก็ทำเอาผู้เข้าสอบแทบลมจับ
โจทย์คือเรื่องของทายาทโดยชอบธรรม
คัมภีร์ชุนชิวกล่าวไว้ มรดกตกทอดแก่ทายาทโดยชอบธรรมตามลำดับอายุ ทายาทต้องชอบธรรมอย่างแท้จริงไม่ลำดับอายุ
กล่าวคือ การสืบทอดมรดกจากรุ่นสู่รุ่น จะต้องเป็นทายาทโดยชอบธรรมเท่านั้นจึงจะได้สิทธิ์นั้น ซึ่งก็คือบุตรของภรรยาหลวง ต่อให้บุตรของภรรยาน้อยมีอายุมากกว่าก็ไม่เป็นผล เว้นเสียแต่ว่าบุตรของภรรยาหลวงถึงแก่กรรม สิทธิ์นั้นถึงจะตกมาอยู่ที่บุตรภรรยาน้อย
ยกตัวอย่างของเจาตูเสี่ยวโหวเหย่ เขาเป็นบุตรคนเล็กของจวน มีพี่ชายที่เป็นบุตรภรรยาน้อยสองคน แต่พี่ชายทั้งสองไม่ได้เป็นทายาทโดยชอบธรรม มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่จะถูกเรียกว่าเสี่ยวโหวเหย่ได้
บัดนี้ เสี่ยวโหวเหย่ได้ตายไปแล้ว มรดกของเซวียนผิงโหวจึงตกเป็นของพี่ชายคนละแม่ของเสี่ยวโหวเหย่ เว้นเสียแต่ว่า องค์หญิงซิ่นหยางจะมีลูกอีกคน
ในกรณีที่ภรรยาหลวงมีบุตรหลายคน เช่นนั้นก็ต้องนับตามอายุ ให้คนที่อายุมากสุดรับมรดก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ได้แก่ กู้ฉังชิงแห่งจวนติ้งอันโหว
ตัวอย่างทั้งสองคนที่ยกมานั้นคือทายาทโดยชอบธรรมจริงๆ แต่ก็มีบางกรณีที่มีทายาทโดยชอบธรรมแต่ด้วยเงื่อนไขบางอย่างทางร่างกายทำให้ไม่สามารถสืบมรดกได้ เช่น อดีตไท่จื่อผู้พิการ
จวงไทเฮาไม่เคยมีบุตรมาก่อน บุตรชายของหลิ่วกุ้ยเฟยจึงได้ขึ้นเป็นองค์ชายใหญ่ และได้รับตำแหน่งมกุฎราชกุมาร
แต่ภายหลัง องค์ชายใหญ่เกิดแปรพักตร์กับตระกูลหลิ่ว จึงถูกตัดสิทธิ์ในการเป็นบุตรโดยชอบธรรม ตามหลักแล้ว องค์ชายรองควรจะได้เป็นผู้สืบทอด แต่กลับกลายเป็นว่าตกไปอยู่ในมือองค์ชายห้าแทน ซึ่งก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
จากนั้น ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งให้บุตรของเซียวฮองเฮาขึ้นเป็นไท่จื่อ
หากวิเคราะห์ตามหลักการสืบทอดตำแหน่งของทายาทโดยชอบธรรมตามลำดับอายุ เช่นนั้น ถือว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันมิได้ขึ้นมาโดยชอบธรรม แต่ถ้าไม่เห็นด้วย ก็เท่ากับว่ากำลังกล่าวหาว่าการสถาปนาไท่จื่อเป็นเรื่องผิด ทุกคนรู้ดีว่าถึงแม้รัชทายาทรจะเป็นทายาทสายตรง แต่เขาก็ไม่ได้โดดเด่นที่สุดในบรรดาเจ้าชาย
ไม่ว่าจะตอบอย่างไรก็หวิดคอหลุดบ่าอยู่ดี!
ผู้เข้าสอบที่มาจากโยวโจวเริ่มใจคอไม่ดี
พลางนึกในใจ คนของโยวโจวผิดอะไร ทำไมการสอบทุกครั้งถึงได้เจอกับโจทย์สุดหฤโหดเช่นนี้ ตั้งแต่สอบระดับมณฑลแล้วนะ พอมาครั้งนี้ก็ยังต้องเจออีกหรือ เอาเรื่องหลังม่านในวังมาออกข้อสอบแบบนี้ได้อย่างไร!
แม้โจทย์จะไม่ได้กล่าวถึงการสืบทอดหรือแต่งตั้งแต่อย่างใด แต่ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ
เพราะเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่แค่ในวงศานุวงศ์เท่านั้น แต่มันคืองานราษฎร์งานหลวง
เช่นนั้น จะให้ออกข้อสอบธรรมดาๆ ก็คงจะวัดอะไรได้ไม่มาก
ออกโจทย์ชวนปวดหัวแบบนี้แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว
ยังดีที่อากาศเย็น ไม่มีใครเป็นลมแดด จะมีก็แค่ผู้เข้าสอบอายุมากสองคนที่เป็นลมไปเพราะตะลึงกับโจทย์ในครั้งนี้
แม้แต่อันจวิ้นอ๋องเอง พอเปิดอ่านโจทย์ ก็ถึงขั้นคิ้วขมวดเป็นปม
เขาสงสับว่าใครเป็นคนออกข้อสอบ สำนักฮั่นหลินหรือว่าฝ่าบาท หากเป็นฝ่าบาท ทรงมีแผนการอะไรอยู่กันแน่
ทรงไม่พอพระทัยไท่จื่ออย่างนั้นรึ หรือประสงค์จะยั่วโมโหพวกตระกูลจวง
ตามหลักแล้ว ทายาทโดยชอบธรรมก็คือไท่จื่อ แต่ถ้านับตามลำดับอายุ ทายาทโดยชอบธรรมก็จะกลายเป็นองค์ชายใหญ่ บุตรของจวงกุ้ยเฟย
อันจวิ้นอ๋องยิ้มมุมปาก
น่าสนุกจัง
ออกโจทย์ได้เร้าใจดีแท้!