สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 232 ตกม้าตายอีกแล้ว
บทที่ 232 ตกม้าตายอีกแล้ว
ท่านโหวกู้ที่กำลังนอนซมอยู่ที่จวนยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่ากำลังจะมีพ่อทูนหัวแล้ว
เขายังแอบคิดเล่นๆ อยู่เลยว่าถ้าหายดีแล้วจะไปรับแม่นางเหยากลับมาอยู่ด้วยกันที่จวน หากเจ้าเด็กนั่นคิดจะขัดขวางละก็เขาจะเชิญให้ท่านเหล่าโหวไปช่วยจัดการสั่งสอนให้หลาบจำ!
ขณะเดียวกัน กู้ฉังชิงที่นั่งฟังอยู่ที่ห้องข้างๆ ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
เสียงนั่นเป็นเสียงของท่านปู่ไม่ผิดแน่ๆ แต่ดูเหมือนเขาจะดื่มจนเมาแล้ว
จากนั้นเขาหันมาทางคนตรงหน้าที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเพลิดเพลินจนไม่ทันได้สังเกตว่าห้องข้างๆ นั้นมีคนที่เกี่ยวพันกับเขาอยู่ด้วย
แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะกู้เหยี่ยนย้ายไปอาศัยที่หมู่บ้านเวินเฉวียนซานตั้งแต่สี่ขวบ แล้วก็ไม่เคยได้กลับมาที่เมืองหลวงอีกเลย เกรงว่าคงจะจำไม่ได้แล้วว่าท่านเหล่าโหวรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร น้ำเสียงยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เสียงพูดคุยหัวเราะฟังดูขาดๆ หายๆ เขาเองก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่แค่รู้สึกได้ว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ
กู้ฉังชิงตัดสินใจไปแอบดูห้องข้างๆ
“เจ้ากินไปก่อนนะ ข้าออกไปประเดี๋ยว”
“อ้อ”
กู้เหยี่ยนไม่ได้เอะใจอะไร ก่อนวางตะเกียบลง “เช่นนั้นข้าจะรอเจ้า”
กู้เหยี่ยนไม่ถนัดกับการกินข้าวคนเดียว
พอกู้ฉังชิงเห็นดังนั้น จู่ๆ เขาก็เกิดใจอ่อนขึ้นมา พลางนึกในใจ เหตุใดถึงได้ว่านอนสอนง่ายเช่นนี้กัน เป็นเพราะเด็กสาวคนนั้นหรือเปล่านะ เพราะนางก็เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายเช่นกัน
พอเขานึกถึงกู้เจียว ก็รู้สึกเอ็นดูขึ้นมาในทันที
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวข้าก็กลับมาแล้ว เจ้ากินต่อเถิด” เขารู้ว่าเด็กหนุ่มกำลังหิว เวลานี้ก็ตรงกับช่วงทานอาหารเย็นพอดี แถมกู้เหยี่ยนยังอยู่ในวัยที่กำลังโตด้วย
แม้กู้เหยี่ยนจะตอบตกลง แต่ตะเกียบของเขายังอยู่ที่เดิม
กู้ฉังชิงจึงต้องรีบทำเวลา
เขาเดินมาที่ห้องข้างๆ ซึ่งประตูห้องถูกเปิดออกเล็กน้อย และเป็นจังหวะที่เขาได้ยินประโยคที่โหวเหย่บอกว่า “หากมันไม่เรียกเจ้าว่าพ่อ ข้าจะจัดการมันเอง!”
กู้ฉังชิงถึงกับเลิกคิ้ว
ใครเป็นพ่อใครนะ
วันนี้ที่เหล่าฮูหยินหลิงมาที่จวนติ้งอันโหวก็เพื่อจะคุยกับเขาเรื่องหลิงสุ่ยเซียน แต่กู้ฉังชิงพยายามบ่ายเบี่ยงโดยการใช้เหตุผลว่าตัวเองกำลังบาดเจ็บอยู่เป็นข้ออ้าง
อย่าบอกนะ…ว่าท่านปู่กำลังดื่มเหล้ากับท่านลุงหลิงน่ะ
หรือว่าท่านปู่เห็นชอบกับการแต่งงานครั้งนี้
กู้ฉังชิงนึกคิดพลางเดินอ้อมไปที่หลังฉากกั้น ถึงได้เห็นว่าท่านเหล่าโหวดื่มจนเมาแอ๋นอนหงายอยู่บนเก้าอี้ ส่วนคนที่นั่งข้างๆ เขาเป็นชายร่างเล็กที่สวมหน้ากาก
พอกู้เจียวเห็นว่าท่านเหล่าโหวไม่ได้สติแล้ว จึงตัดสินใจจะถอดหน้ากากออก
ทว่ากู้เจียวรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวบางอย่าง จึงรีบใส่หน้ากากเหมือนเดิม
หน้ากากนี้เป็นของกู้เฉิงเฟิง ซึ่งเขาได้สั่งให้คนทำขึ้นมาใหม่ ทั้งดูหรูหราและก้าวร้าว กู้เฉิงเฟิงไม่เคยใส่มันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ต่อให้กู้ฉังชิงจะเคยเห็นภาพวาดของจอมโจรก็จริง แต่อย่างไรก็ไม่มีทางเดาออกได้แน่นอน
“เจ้าเป็นใคร” กู้ฉังชิงหันไปถามคนในหน้ากาก
กู้เจียวขยับหัวไปทางกู้ฉังชิง ก่อนจะชี้นิ้วและมองไปที่เขาด้วยสายตาที่กำลังบอกว่า เจ้าต้องเรียกข้าว่าท่านปู่แล้วล่ะ
ดูเหมือนกู้ฉังชิงจะอ่านสายตานั้นออกจริงๆ !
ทันใดนั้น ท่านเหล่าโหวก็ลุกขึ้นมาโวยวาย ก่อนชี้ไปที่จมูกของกู้ฉังชิง “เจ้า…เป็นใครกัน มาพูดกับ…น้องรักของข้า…แบบนี้…ได้อย่างไรกัน”
นะ น้อง น้องรักรึ
กู้ฉังชิงอ้าปากค้างจนคางแทบจะหล่นลงไปที่พื้น
เจ้าเด็กนี่ดูยังไงก็อายุราวๆ กู้เหยี่ยนนี่ เหตุใดกลายเป็นเพื่อนกับท่านปู่ไปได้ล่ะ
และที่แย่ไปกว่านั้น เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าปู่ของเขาจะคออ่อนได้ถึงขั้นนี้
กู้เจียวยิ้มเยาะพลางโยกหัวไปมาด้วยความสะใจ
หึ หึ ไม่รู้สินะว่าข้าคือใคร
“ท่านพี่”
เสียงของกู้เหยี่ยนดังขึ้นกลางคัน
ทำเอากู้เจียวเลิ่กลั่กจนตัวแข็งทื่อ!
นี่ขนาดว่าเปลี่ยนชุดใส่หน้ากากแล้วนะ ยังมีคนจำได้อีกเหรอ!
คนอื่นไม่รู้ไม่เป็นไร แต่ถ้ากู้เหยี่ยนไม่รู้นี่สิแปลก
กู้เหยี่ยนเบ้ปาก “ท่านพี่ เหตุใดถึงแต่งตัวแบบนี้ออกมาข้างนอก แถมยังสวมหน้ากากอีก”
กู้ฉังชิงหรี่ตาพลางยิ้มกริ่ม “ให้ข้าเรียกเจ้าว่าปู่งั้นเรอะ”
กู้เจียว “…”
นี่นางยังเหลือโอกาสแก้ตัวอยู่อีกไหม
กู้เจียวคาดไม่ถึงเลยว่าจะตกม้าตายเร็วขนาดนี้
ขณะที่กู้เจียวกำลังคิดว่าจะแก้ตัวอย่างไร จู่ๆ ท่านเหล่าโหวที่เมามากก็ล้มลงอย่างหมดสติ
“นั่นใครรึ” กู้เหยี่ยนเอ่ยถามพลางชี้ไปทางโหวเหย่ที่นอนหมดสติบนพื้น
กู้ฉังชิงทำปากพะงาบๆ ราวกับจะตอบ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบไปอย่างไรดี เขาไม่กล้าบอกว่าท่านเหล่าโหวคือลุงของพวกเขา ก็เลยรีบตัดบทแล้วเอ่ยกับกู้เจียว “พวกเจ้าไปรอที่ห้องข้างๆ ก่อน เดี๋ยวทางนี้ข้าจัดการเอง”
กู้เจียวจึงพากู้เหยี่ยนไปที่ห้องข้างๆ
กู้ฉังชิงแบกร่างของท่านเหล่าโหวออกจากหอนกกระสา แล้วส่งเขาขึ้นรถม้ากลับจวน
พอกู้ฉังชิงกลับมาที่ห้องอีกที ก็พบว่ากู้เจียวหนีไปแล้ว เหลือแค่กู้เหยี่ยนที่นั่งมึนงงอยู่ในห้องคนเดียว
กู้ฉังชิงถอนหายใจ
ช่างเถอะ
กว่าพวกเขาจะทานข้าวเสร็จก็ดึกมากแล้ว กู้ฉังชิงจึงไปส่งกู้เหยี่ยนกลับเรือน
กลางวันแดดยังออกดีๆ อยู่เลย แต่พอตกกลางคืน กลับมีฝนลงเม็ด
กู้ฉังชิงหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาห่มร่างของกู้เหยี่ยน ด้วยความที่กู้ฉังชิงเป็นคนร่างใหญ่ เสื้อคลุมของเขาจึงห่อร่างเล็กของกู้เหยี่ยนได้อย่างมิดชิด
“จับดีๆ ล่ะ” กู้ฉังชิงเอ่ย
กู้เหยี่ยนถือเสื้อคลุมของเขาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
ส่วนกู้ฉังชิงใช้มือข้างหนึ่งโอบร่างเล็กเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างคอยจับบังเหียน
ลมค่อยๆ พัดผ่าน และฝนฤดูใบไม้ผลิก็โปรยปราย ตอนแรกกู้เหยี่ยนรู้สึกหนาวเล็กน้อย แต่สักพักเขาก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากแผ่นอกของคนร่างใหญ่ที่ทั้งกว้างและอบอุ่น
กู้เหยี่ยนรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีเขาอยู่ข้างๆ และไม่นาน ความง่วงก็เริ่มบังเกิด
กู้ฉังชิงรู้สึกราวกับกำลังอุ้มลูกไก่ในอ้อมอก เขากระชับแขนของและโอบอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขนให้แน่นยิ่งขึ้น
กู้เหยี่ยนเริ่มนั่งนิ่ง หัวของเขาพิงลงที่กึ่งกลางไหปลาร้าของร่างใหญ่ ไม่นานเสียงกรนเบาๆ ก็ดังขึ้นจากโพรงจมูกเล็กๆ ของกู้เหยี่ยน
กู้ฉังชิงค่อยๆ ลดความเร็วลง
พอมาถึงบริเวณถนนฉางอัน เขาก็บังเอิญเจอกับคนที่ค่ายทหาร
กู้ฉังชิงไม่คิดจะทักทายอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่คิดเช่นนั้น ก่อนจะขี่ม้าเข้าหาเขา ดึงสายบังเหียนขึ้น แล้วเอ่ยทัก “อ้าว ท่านกู้ตูเว่ยนี่นา ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ”
ขณะที่เขาพูด ดวงตาของเขาก็จับจ้องไปที่กู้เหยี่ยนซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ในเสื้อคลุม มีเพียงขาของเขาเท่านั้นที่โผล่ออกมาให้เห็น
กู้เหยี่ยนสวมชุดเด็กผู้ชาย
จู่ๆ สีหน้าของเขาแปลกไป “ท่านกู้ตูเว่ยไม่ได้มาค่ายทหารมาสองสามวันแล้ว ข้าได้ยินมาว่าท่านได้รับบาดเจ็บ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่าท่านกำลังติดคนงามอยู่สินะ”
กู้เหยี่ยนนอนหลับไม่รู้เรื่อง
“ถังเสี้ยวเวยมีธุระอันใดรึ” กู้ฉังชิงอดไม่ได้ที่จะกอดร่างเล็กให้แน่นขึ้น พลางจ้องไปยังชายที่น่าขยะแขยงที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างเย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เสี้ยวเวยถังหมิง หลานชายของหัวหน้าพลทหารม้า อายุมากกว่ากู้ฉังชิงสองปี เป็นคนที่เชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้และมีคนคอยหนุนหลังอยู่ตลอดเวลา ก็เลยมักจะทำตัวกร่างเวลาอยู่ในกองทัพ
แม้ยศของเขาจะต่ำกว่ากู้ฉังชิง แต่เขากลับไม่เคยเห็นหัวกู้ฉังชิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ถังหมิงมองไปที่ขาเรียวยาวของกู้เหยี่ยนที่ห้อยลงมาด้วยสายตาขี้เล่น
มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ถังหมิงไม่เคยบอกให้ใครรู้ นั่นก็คือเขามีรสนิยมชอบเล่นแรงกับเด็กผู้ชาย พอเห็นเรียวขาของกู้เหยี่ยน จู่ๆ ถังหมิงก็เกิดความคิดสกปรกๆ ขึ้น และเขาดันมองว่ากู้ฉังชิงเองนั้นก็มีรสนิมยมเช่นเดียวกันกับเขา
“ข้าไม่เคยเห็นท่านเข้าใกล้ผู้หญิงเลย ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” ถังหมิงยิ้มกรุ้มกริ่ม
สายตาของกู้ฉังชิงเต็มไปด้วยความรังเกียจและความเยือกเย็น คนอื่นอาจไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง แต่กู้ฉังชิงรู้ดี เพราะกู้ฉังชิงเคยเจอกับตัวเองครั้งหนึ่ง แถมยังปล่อยให้เขาลอยนวลไปได้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกู้เหยี่ยนรู้สึกถึงบรรยากาศที่อึดอัดหรือว่าอย่างไร แต่เขาขยับตัวเข้าไปใกล้กู้ฉังชิงมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เสื้อที่คลุมอยู่นั้นร่วงหล่นลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของกู้เหยี่ยน
แม้อากาศจะหนาว แต่แผ่นอกของกู้ฉังชิงกลับร้อนระอุ ทำให้ใบหน้าของกู้เหยี่ยนเปลี่ยนเป็นสีแดง ลำคอของเขาระหงเหมือนหยกขาว ริมฝีปากสีซีด เส้นผมสำดำขลับ และขนตายาวเหมือนพัด
นี่มันหนุ่มรูปงามในอุดมคติชัดๆ!
ถังหมิงเจอเด็กผู้ชายมากหน้าหลายตา แต่ไม่เคยมีใครมีรูปลักษณ์น่าดึงดูดเท่านี้มาก่อน
ก็ว่าทำไมกู้ตูเว่ยถึงไม่ไปที่ค่ายทหาร เป็นเขาป่านนี้คงได้ตายในอ้อมอกของพ่อหนุ่มน้อยคนนี้ไปนานแล้ว!
ถังหมิงจ้องกู้เหยี่ยนจนตาเป็นมัน
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังใช้สายตาแทะโลมกู้เหยี่ยน กู้ฉิงชิงจึงรีบคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาปิดร่างของเขาเหมือนเดิม
กู้ฉังชิงเคลื่อนม้าออกไปโดยไม่เอ่ยลา
ถังหมิงทำท่าเช็ดน้ำลายหก ก่อนเอ่ยกับกู้ฉังชิงอย่างเย้ยหยัน “ไม่ต้องเกร็งหรอกน่า ข้าขอมองแค่นิดเดียวเอง ถ้าเจ้าเล่นจนเบื่อแล้วพรุ่งนี้ … ”
ยังไม่ทันเอ่ยจบ กู้ฉังชิงชักดาบขึ้นแล้วยื่นออกไปทางถังหมิง
ถังหมิงไม่คิดว่ากู้ฉังชิงจะดุร้ายขนาดนี้ แม้ว่าจะเคยได้ยินมาบ้างว่ากู้ฉังชิงนั้นขึ้นชื่อเรื่องความไม่เป็นมิตร แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นทำร้ายร่างกายนี่นา แค่พูดหยอกล้อเล็กน้อยแต่ดันชักดาบใส่กันเลยทีเดียวเชียว
ถังหมิงเองก็ไม่รอช้า ชักดาบออกมาโต้ตอบ
แต่ดาบของกู้ฉังชิงนั้นเร็วกว่าของถังหมิงมาก แค่พริบตาเดียว คมดาบของกู้ฉังชิงก็เฉือนเข้าไปที่เส้นผมยาวของถังหมิงและแนบลงไปที่ลำคอ
ช่อผมที่โดนคมมีดตัดขาดร่วงหล่นลงบนมือของถังหมิงและตกลงไปบนพื้นที่เปียกแฉะเต็มไปด้วยดินโคลน
ในตอนนี้เอง ถังหมิงก็ตระหนักได้ว่ากู้ฉังชิงที่เห็นในตอนนี้กับกู้ฉังชิงในค่ายทหารแทบจะเป็นคนละคน
กู้ฉังชิงกอดร่างของกู้เหยี่ยนไว้แน่นในอ้อมแขน พลางจ้องเขม็งไปยังคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เย็นชาและอาฆาต “อย่ายุ่งกับเขา ไม่เช่นนั้นเจ้าตายแน่!”