สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 286.1 ไทเฮาเสด็จ! (1)
บทที่ 286 ไทเฮาเสด็จ! (1)
ไม่ว่าอย่างไรฮูหยินใหญ่ถังก็เป็นสตรีออกเรือนที่ขลุกอยู่แต่ในจวน ไม่ได้มักใหญ่ใฝ่สูงหรือทะเยอะทะยานอะไร ถูกถังเย่ว์ซานสงสัยเช่นนี้ จึงน้อยอกน้อยใจขึ้นมาอยู่เนืองๆ นางแย้งขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ข้าเปล่า…ข้าไม่ได้จะฆ่าหมิงเอ๋อร์…”
“กริชเล่มนั้น…” ถังเย่ว์ซานเบนสายตาตกลงบนกริชประกายเย็นเยียบในมือฮูหยินใหญ่ถัง จู่ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขามองไปยังบ่าวรับใช้ที่แววตาเลื่อนลอยคุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วถีบใส่ “สารเลว! เจ้าจะฆ่าหมิงเอ๋อร์รึ”
บ่าวรับใช้สติยังคงเลื่อนลอย เขาล้มลงพื้นกระอักเลือดออกมา แล้วยิ้มอย่างไร้สติ “ฆ่า…แหะ…ฆ่านายน้อย…”
บ่าวรับใช้คนนี้เป็นลูกชายของครอบครัวในจวน และเป็นคนที่ถังหมิงต้องการให้มารับใช้เอง ไหนเลยจะรู้ว่าได้เลี้ยงงูพิษไว้กับตัว
“ใครให้เจ้ามาฆ่านายน้อย” ถังเย่ว์ซานเอ่ยเสียงเย็นเยียบ
ฤทธิ์ยาที่กู้เจียวฉีดให้เขายังไม่หมดไป จิตใต้สำนึกเขาอ่อนแอมาก ถามอะไรเขาก็ตอบไปตามจิตใต้สำนึกทั้งสิ้น
เขาเอ่ยอย่างเลื่อนลอย “นะ…นายท่าน…นายใหญ่…”
ยังคงเป็นคำตอบเดิมที่กู้เฉิงเฟิงรู้ แต่มาได้ยินอีกรอบกลับให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป เขาอยากรู้ว่ากู้เจียวคิดอะไรอยู่ในใจ จึงหันไปมองกู้เจียว
สีหน้ากู้เจียวเรียบนิ่งดุจสายน้ำ
เด็กคนนี้มีหัวใจหรือไม่ ยังเป็นคนเป็นๆ อยู่หรือไม่
กู้เฉิงเฟิงลอบตำหนิอยู่ในใจ ก็ตั้งใจจดจ่อกับพวกถังเย่ว์ซานต่อ
ประตูห้องแง้มเปิด แสงจันทร์นวลผ่องและแสงเทียนสาดส่องเข้ามา ทำให้ภายในห้องมีแสงสลัวเล็กน้อย
หลังจากได้ยินคำว่านายท่านใหญ่แล้ว ถังเย่ว์ซานกับฮูหยินใหญ่ถังก็สีหน้าเปลี่ยนทันที
ถังเย่ว์ซานนั้นตกใจ ฮูหยินใหญ่ถังก็ตกใจเช่นกัน แต่มีเพลิงโทสะด้วย ทว่าเพลิงโทสะนี้พลันโดนบดบังโดยความเสียใจและรู้สึกผิดมหาศาล
นางร่างอ่อนยวบ กริชในมือตกลงพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เกิดเป็นเสียงตุบดังก้อง
ครู่ต่อมานางก็ปิดหน้า คุกเข่ากับพื้นสะอึกสะอื้นขึ้นมาอย่างเจ็บปวด “เขารู้แล้ว…เขารู้ทุกอย่างแล้ว…”
นางตัวสั่นสะท้าน น้ำตาไหลลงมาตามซอกนิ้ว เสียงสะกดอารมณ์ของนางแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดเหลือแสน
เดิมทีถังเย่ว์ซานกำลังตกใจหนัก ได้ยินนางสะอื้นไห้อย่างเจ็บปวดทั่วทั้งร่างก็พลันนิ่งงันไป
เขาข่มความเดือดดาลในใจเอาไว้ ค่อยๆ เดินไปตรงหน้าฮูหยินใหญ่ถัง คุกเข่าลงข้างหนึ่ง สีหน้าอ่อนโยนขึ้นมาไม่น้อย
กู้เฉิงเฟิงเห็นมาถึงตรงนี้ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่เคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาก่อน และได้ยินมาน้อยมาก จึงไม่มีปฏิกิริยาใดเกิดขึ้น
แต่กู้เจียวกลับเข้าใจขึ้นมาไม่น้อยแล้ว
ถังเย่ว์ซานยื่นมือออกไป เขาลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตบลงบนบ่านางเบาๆ “เจ้าอย่าร้อง”
ฮูหยินใหญ่ถังร้องเสียงดังกว่าเดิม
เหมือนว่านางจะร้องระบายความไม่เป็นธรรมทั้งชีวิตนี้ออกมาทั้งหมด
“ข้าไม่ดีเอง…ข้าไม่ดีเอง…ข้าไม่มีหน้ามีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้ว…ข้าผิดเอง…”
กู้เฉิงเฟิงใช้สายตาถามกู้เจียวว่า เกิดอะไรขึ้นรึ
กู้เจียว ดูเอาเอง
กู้เฉิงเฟิง “…”
ดูเองก็ดูเอง ขี้งกจริง!
ฮูหยินใหญ่ถังร้องไห้เจ็บปวดเจียนตาย แทบจะขาดใจ
ถังเย่ว์ซานน้อยนักจะเผยสีหน้าทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้ออกมา เขาไม่รู้ว่าควรปลอบอีกฝ่ายอย่างไรดี นานทีเดียวจึงเอ่ยออกมาได้ “ไม่ใช่ความผิดเจ้าหรอก”
ฮูหยินใหญ่ถังร้องไห้จนหายใจไม่ทัน “ข้าจะไม่ผิดได้อย่างไร ข้าไม่ควร…ไม่ควร…”
ไม่ควรอะไร
ต่อให้เป็นกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้ ในสถานที่เกิดเหตุที่ถูกคนเปิดแผลเช่นนี้ นางก็ยังคงยากจะเอ่ยปากถึงเรื่องเมื่อปีนั้นอยู่ดี
นางแต่งเข้าตระกูลถังตอนสิบหก พอสิบเจ็ดก็เป็นม่าย ปีแรกที่แต่งงานพวกนางมีวันคืนช่วงหนึ่งที่ทำผู้คนอิจฉาอยู่เหมือนกัน แต่สวรรค์ก็ไม่เป็นใจสามีนางตกม้ากลายเป็นอัมพาต
วันสองวันไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่เป็นปีสองปี…
นางเป็นคนมีชีวิตจิตใจ นางก็ต้องการโดนปลอบโยนเหมือนกัน นางข่มความเหงาไว้ไม่อยู่…
ถังเย่ว์ซานหน้าด้านกว่านาง คำบางคำเขาเอ่ยออกมาได้ เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ย “เรื่องเมื่อปีนั้นจะโทษเจ้าได้อย่างไร ข้าเป็นคนข่มขืนเจ้าเอง”
เรื่องนี้พูดแล้วยาว มีอยู่ครั้งหนึ่งระหว่างทางกลับจวน เขาเจอพี่สะใภ้ใหญ่ดูละครกับบุรุษคนหนึ่ง ทั้งคู่สนิทสนมกัน แค่มองก็รู้ว่ามีลับลมคมในบางอย่าง
ตอนนั้นเขายังหนุ่มยังแน่น ซ้ำเพิ่งจะดื่มสุรามากับเพื่อนร่วมงาน ไม่ค่อยมีสตินัก จึงไปชกบุรุษคนนั้น แล้วซักถามพี่สะใภ้ใหญ่ว่าเหตุใดต้องหักหลังพี่ชาย
นางข่มความเหงาไม่ได้เพียงนี้เลยรึ
นางชอบยั่วผู้ชายเพียงนี้เลยรึ
นาง…
สรุปก็คือเขาเอ่ยคำพูดบาดหูสารพัดออกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าท่าทางดิ้นรนของพี่สะใภ้ใหญ่กวนใจเขา หรือว่าสุราแรงทำพิษกับสติปัญญาของเขา
พอเขาได้สติแล้ว ความผิดมหันต์ก็จบสิ้นลง
จากนั้นพี่สะใภ้ใหญ่ก็ตั้งท้อง พวกเขาใช้ยากับพี่ใหญ่เพื่อไม่ให้พี่ใหญ่รู้ บอกว่าไม่ว่าอย่างไรก็ให้พี่ใหญ่มีทายาทไว้บ้าง
พี่ใหญ่ก็เชื่อ
และคิดว่าพี่สะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์ลูกของตัวเองจริงๆ
ระหว่างตั้งท้องพี่สะใภ้ใหญ่เสียใจไม่ใช่แค่ครั้งเดียว อยากจะทำร้ายเด็กคนนี้ให้แท้งไปเสีย ถึงขนาดคลอดออกมาแล้วพี่สะใภ้ใหญ่ก็ยังเย็นชากับเด็กคนนี้มาก
จากนั้นหมิงเอ๋อร์ยิ้มแย้มหัวเราะได้แล้ว เรียกแม่เป็นแล้ว จึงค่อยๆ ทำให้ใจนางอ่อนลง
หากแต่อย่างไรเสียก็เคยมีบทเรียนมาแล้ว เขามักจะกังวลว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะไม่อยากเห็นเด็กคนนี้ และเห็นเด็กคนนี้เป็นมารหัวขน ดังนั้นเขาจึงรับหมิงเอ๋อร์มาไว้ที่เรือนตัวเอง
…พี่ใหญ่รู้ความจริงตั้งแต่เมื่อใดกัน
เป็นตอนที่หลังจากหมิงเอ๋อร์โตแล้ว เขาไปข่มขืนพี่สะใภ้ใหญ่อีกหลายหนนั่นหรือ
ถังเย่ว์ซานกำหมัดแน่น เขาลุกพรวดขึ้น สาวเท้าราวกับดาวตกเดินออกประตูไป
ฮูหยินใหญ่ถังสีหน้าพลันเปลี่ยน ราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ นางโผไปกอดขาถังเย่ว์ซานไว้ “เจ้าอย่าฆ่าเขานะ! อย่านะ…”
ถังเย่ว์ซานกำหมัดแน่น ดวงตาวาวโรจน์ดั่งเปลวเพลิง “ข้ายอมรับว่าข้าทำผิดต่อเขา แต่หลายปีมานี้ข้าปฏิบัติต่อเขาอย่างไรเจ้าก็เห็นอยู่ หากเขาส่งคนมาฆ่าข้า ข้ายังจะไม่ถือสาเขาเลยด้วยซ้ำ! แต่นี่เขาจะฆ่าหมิงเอ๋อร์!”
ฮูหยินใหญ่ถังร้องไห้อ้อนวอน “ข้าขอร้องล่ะ ข้าขอร้อง เจ้าไว้ชีวิตเขาสักครั้งเถอะ เขาอยู่ไม่สู้ตายแล้วตอนนี้ เจ้าอย่าฆ่าเขาเลยนะ”
ถังเย่ว์ซานหัวเราะเสียงเย็น “เหอะ บางทีเขาอาจจะกำลังร้องขอความตายอยู่ก็ได้ เทียบกับชีวิตอันทรมานเช่นนี้แล้ว ไม่สู้ให้เขาได้ไปสบายดีกว่า!”
ฮูหยินใหญ่ถังกอดขาถังเย่ว์ซานไว้แน่น น้ำตานางอาบชายเสื้อผ้าเขา “เขาเป็นพ่อของหมิงเอ๋อร์นะ..เจ้าฆ่าเขา…แล้วหมิงเอ๋อร์จะทำอย่างไร…”
ถังเย่ว์ซานเอ่ยเสียงเย็น “ข้าต่างหากที่เป็นพ่อเขา!”
กู้เฉิงเฟิงตั้งอกตั้งใจฟังมาก ไม่ทันสังเกตว่าผ้าผูกผมตัวเองคลายลงแล้ว ปอยผมยาวพลันปรกลงมาปัดผ่านหน้าเขา ไล้ปลายจมูกเขาไปมา
เขาคันปลายจมูกขึ้นมา ข่มอาการตัวสั่นเอาไว้ไม่อยู่ “ฮัดชิ่ว!”
จบเห่แล้ว!
จบแล้ว!
กู้เฉิงเฟิงหลับตาปี๋ แทบจะทำตัวเองหัวโล้นเหมือนกู้เฉิงหลินแล้ว!
ถังเย่ว์ซานกับฮูหยินใหญ่ถังถูกเสียงจามกะทันหันนี้ทำเอาตกใจจนสีหน้าชะงักไป เสียงร้องไห้ของฮูหยินใหญ่ถังพลันชะงักลง
บ่าวรับใช้อยู่ข้างเตียง แต่เสียงจามมาจากตู้เสื้อผ้าที่อยู่ตรงข้าม
ฮูหยินใหญ่ถังลุกขึ้นมา สีหน้าพลันซีดเผือด
ถังเย่ว์ซานขวางนางไว้ด้านหลัง ก่อนมองไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างระแวดระวัง “ใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้!”
ในตู้เสื้อผ้าไร้ความเคลื่อนไหวใด
ถังเย่ว์ซานฟาดลมออกจากฝ่ามือไปโดยไม่ยั้งแรง กำลังภายในอันแข็งแกร่งดุจผืนน้ำบ้าคลั่ง พุ่งไปยังตู้เสื้อผ้าอย่างแรง ชั่วขณะที่ประตูตู้เสื้อผ้าถูกทำลายเป็นชิ้นๆ ลูกดอกจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งทะยานออกมา
กู้เฉิงเฟิงอาศัยลูกดอกบินบดบังดึงตัวพลางกู้เจียวออกจากตู้แล้วเร้นกายออกจากประตูไป
ถังเย่ว์ซานหลบลูกดอกบินจึงช้าไปสองก้าว แต่เขายังคงไล่ตามออกไปอย่างรวดเร็วอยู่ดี
แม้ว่าเมื่อครู่นี้จะรวดเร็วมาก แต่เขาก็จำคนชุดดำหนึ่งในนั้นได้ นั่นคือนักฆ่าที่ไล่ทำร้ายหมิงเอ๋อร์ในคืนนั้น!
ถังเย่ว์ซานขบเขี้ยวเคี้ยวฟันดังกรอดๆ “ดีนัก ข้ากำลังหาตัวเจ้าพอดีเลย นึกไม่ถึงว่ายังจะกล้าเข้าห้องมาอีก! หากวันนี้ข้าจับเจ้าไม่ได้ ครึ่งชีวิตชายชาติทหารของข้าคงสูญเปล่า!”
ถังเย่ว์ซานพายอดฝีมือในจวนไล่ตามออกไป