สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 362-2 เปิดโปงความจริง (2)
บทที่ 362 เปิดโปงความจริง (2)
นี่เป็นครั้งแรกที่กู้เจียวได้พบอาจารย์และอาจารย์แม่ของน้องชาย นางรู้ว่าพวกเขาคนหนึ่งคืออาจารย์หลู่ อีกคนนามว่าหนานเซียง
อาจารย์หลู่มองๆ ดูแล้วก็ธรรมดาๆ ทั่วๆ ไป แต่หนานเซียงกลับให้ความรู้สึกน่าประหลาดใจยิ่งนัก กิริยาท่าทางของนางให้กลิ่นอายของสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ แต่ก็มีมาดองอาจผึ่งผายอย่างสตรีในยุทธภพด้วย
ทั้งคู่เดินมาหยุดตรงหน้ากู้เจียว
หนานเซียงยิ้มเอ่ย “เจ้าคือพี่สาวของเสี่ยวซุ่นและอาเหยี่ยนรึ ข้านามว่าหนานเซียง” นางดึงมืออาจารย์หลู่มา “นี่คือสามีข้า แซ่หลู่ หากเจ้าไม่รังเกียจ เรียกเขาว่าหลู่ต้าจ้วงก็ได้”
กู้เจียว “…”
ทุกคนพากันเข้าห้องไป
กู้เจียวแนะนำอาจารย์หลู่กับหนานเซียงแก่เว่ยกงกง
“คารวะเว่ยกงกง” หนานเซียงยิ้มแย้มทักทาย
เว่ยกงกงมองหนานเซียง ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาคู่นี้นัก ราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แม่นางเหยากับแม่นมฝางไปเดินเล่นในสวนผลไม้ ไม่ได้อยู่ที่บ้าน เสี่ยวจิ้งคงก็ออกไปเล่นข้างนอก เซียวลิ่วหลังกับจี้จิ่วอาวุโสเข้าเวรอยู่ที่สำนักฮั่นหลินและกั๋วจื่อเจียน
กู้เจียวจึงเชิญแขกไปที่ห้องโถง
ข้าวของห่อน้อยใหญ่ในมือกู้เสี่ยวซุ่นนั้นอาจารย์หลู่กับหนานเซียงเป็นคนให้มา กู้เจียวใช้ชีวิตมาสองชาติแล้ว เคยเห็นแต่ศิษย์มอบของขวัญแก่อาจารย์ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นอาจารย์มอบของให้ศิษย์
กู้เสี่ยวซุ่นนั่งลงข้างหนานเซียง
หนานเซียงยิ้มให้กู้เจียวก่อนจะเอ่ยขึ้น “ขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ที่ข้ามาครานี้เพราะมีเรื่องจะปรึกษากับแม่นางกู้”
“เรื่องอะไรรึ” กู้เจียวถาม
หนานเซียงลูบศีรษะของกู้เสี่ยวซุ่น “ข้าชอบเสี่ยวซุ่นยิ่งนัก อยากจะรับเสี่ยวซุ่นมาเป็นบุตรบุญธรรม ไม่ทราบว่าแม่นางกู้จะเห็นด้วยหรือไม่ แม่นางกู้อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ข้าไม่ได้ไม่ชอบอาเหยี่ยน แต่อาเหยี่ยนมีพ่อแม่อยู่ด้วยแล้ว ข้าไม่ได้จะแย่งลูกชายของคนอื่น สถานการณ์ของเสี่ยวซุ่นนั้นข้ากระจ่างแจ้งดีแล้ว พ่อแม่เขาล้วนไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง”
ประโยคนี้นางเอ่ยอย่างนิ่มนวลยิ่ง พ่อแม่ไม่อยู่ที่เมืองหลวงอะไรกัน พ่อแม่กู้เสี่ยวซุ่นน่ะไม่ต้องการกู้เสี่ยวซุ่นเลยต่างหาก ตอนนั้นที่กู้เจียวพาเจ้าเด็กไม่เอาถ่านคนนี้มา นางใช้เงินยี่สิบตำลึงตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลกู้ พ่อแม่กู้เสี่ยวซุ่นดีใจกันจะแย่
เรื่องพวกนี้หนานเซียงล้วนได้ยินจากปากของกู้เหยี่ยนทั้งสิ้น
นางจึงยิ่งรักเอ็นดูกู้เสี่ยวซุ่นเข้าไปใหญ่
กู้เจียวมองไปยังกู้เสี่ยวซุ่น บอกตรงๆ ว่าเหนือความคาดหมายของนางมาก นางคิดไม่ถึงว่าหนานเซียงจะเอ็นดูกู้เสี่ยวซุ่นเช่นนี้
ว่าอย่างนี้ดีกว่า หากพวกเขาสี่คนอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าด้วยกัน กู้เสี่ยวซุ่นคงเป็นคนสุดท้ายที่ถูกคนรับไปเลี้ยง
“เสี่ยวซุ่น เจ้าคิดอย่างไรล่ะ” กู้เจียวตัดสินใจจะฟังความเห็นของเขาก่อน
“ข้าแล้วแต่ท่านพี่” กู้เสี่ยวซุ่นบอก
เด็กคนนี้ก็เป็นคนที่ยังไม่มีความคิดเป็นของตัวเองนัก กู้เจียวจึงเปลี่ยนวิธีถาม “แล้วเจ้าชอบอาจารย์หลู่และอาจารย์แม่หรือไม่ล่ะ”
“ชอบสิ” กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ยโดยไม่ต้องคิดเลย
กู้เจียวเอ่ยต่อ “เช่นนั้นหากวันหน้าพวกเขาแก่เฒ่าจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้ว เจ้ายินดีจะดูแลพวกเขาหรือไม่”
กู้เสี่ยวซุ่นยืดอกขึ้น “เป็นอาจารย์หนึ่งวัน เป็นบิดาตลอดไป อาจารย์และอาจารย์แม่เป็นดุจดั่งบิดามารดาผู้ให้ชีวิตใหม่ แน่นอนว่าย่อมต้องดูแลอยู่แล้ว”
กู้เจียวเป็นพี่สาวเขามานานเพียงนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินถ้อยคำสวยหรูที่สุดจากปากเขา
ในใจเขาคิดอย่างไรกู้เจียวพอจะเดาได้แล้ว
อันที่จริงมีคนรักเอ็นดูกู้เสี่ยวซุ่นเพิ่มขึ้นมาอีกสองคนก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร
กู้เจียวดีใจที่ได้ยินเช่นนี้ นางพยักหน้า “ดี หากแล้วแต่ข้าล่ะก็ ยังไม่รีบไปรินชาให้พ่อแม่บุญธรรมเจ้าอีกรึ”
กู้เสี่ยวซุ่นชะงัก “ฮะ”
“ไอ้หยา!” กู้เหยี่ยนใช้ไหล่น้อยๆ ของตัวเองกระแทกกับไหล่เขา “พี่สาวข้ายินยอมแล้ว!”
“นะนะนะนะ…นี่ยินยอมแล้วหรือ” กู้เสี่ยวซุ่นตกใจจนติดอ่าง
อันที่จริงเขาก็เพิ่งจะรู้วันนี้เหมือนกัน เขาเองยังไม่ทันใคร่ครวญข่าวนี้ให้ดีเลย จากนั้นเขาก็…กลายเป็นลูกชายครอบครัวอื่นเสียแล้ว
คนที่ดีใจมากที่สุดคงไม่พ้นหนานเซียง
นางอยากได้เสี่ยวซุ่นมานานแล้ว ในที่สุดก็จะได้พาเขากลับบ้านไปเป็นลูกชายได้อย่างเปิดเผยแล้ว
เว่ยกงกงคิดไม่ถึงว่ามาตรอกปี้สุ่ยเพื่อมอบของให้จะได้มาเจอเรื่องราวน่ายินดีเช่นนี้ จะว่าไปเขาไม่เคยรู้ปูมหลังของกู้เสี่ยวซุ่นมาก่อนเลยว่าน่าสงสารเช่นนี้
จู่ๆ เขาก็รักและเอ็นดูกู้เสี่ยวซุ่นขึ้นมาในใจ
“มา มา มาเสี่ยวซุ่น มานี่!” เขากวักมือเรียกกู้เสี่ยวซุ่น
“ทำไมรึขอรับ” กู้เสี่ยวซุ่นเดินไปหา
เว่ยกงกงแกะกระเป๋าเงินจากบั้นเอว ล้วงเอาถุงเงินด้านในออกมา แล้วล้วงเอาแผ่นทองออกมาแผ่นหนึ่งด้วย “เอาไปสิ”
“ให้ข้าทำไมรึขอรับ” กู้เสี่ยวซุ่นไม่ยอมรับไว้
เว่ยกงกงอยากจะพูดว่ายินดีด้วยที่เจ้าได้เป็นลูกชายคนแล้ว แต่เหตุใดฟังดูแล้วมันแปลกๆ ชอบกล เขากระแอมให้คอโล่งแล้วเอ่ยขึ้น “เป็นเคล็ด เป็นเคล็ดน่ะเจ้าเข้าใจหรือไม่ ให้เจ้ารับไว้ก็รับไว้สิ!”
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรพูดอย่างไรดี
“ข้าไม่เอาขอรับ”
กู้เสี่ยวซุ่นยืนยันจะไม่รับไว้
เว่ยกงกงจุ๊ปาก “ไอ้หยา เด็กคนนี้นี่ เจ้าดูถูกใช่หรือไม่”
กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ยเสียงรั้น “ไม่ใช่ว่าดูถูก ข้าแค่รับไว้ไม่ได้ต่างหาก พี่สาวข้าบอกว่าอย่ารับของคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้า!”
เว่ยกงกงยัดใส่มือเขา กู้เสี่ยวซุ่นดันใส่มือเว่ยกงกง
หนานเซียงเดินมาหา “มีอะไรกันรึ”
เว่ยกงกงอาศัยจังหวะนี้ยัดแผ่นเงินใส่อกกู้เสี่ยวซุ่น
กู้เสี่ยวซุ่นหยิบแผ่นทองออกมาแล้วเอ่ย “เว่ยกงกงจะให้สิ่งนี้แก่ข้า แต่ข้าไม่เอาขอรับ”
หนานเซียงหัวเราะ นางหยิบแผ่นทองมา กำลังจะคืนให้เว่ยกงกง ทว่าจู่ๆ ก็ได้กลิ่นหอมพิเศษลอยมา
นางขมวดคิ้ว ยกแผ่นทองขึ้นแตะปลายจมูกเพื่อดมดู
“ทำไมรึ” เว่ยกงกงถาม
หนานเซียงแววตาเป็นประกาย ก่อนยิ้มเอ่ยต่อ “แผ่นทองนี้โดดเด่นไม่เหมือนใครนัก ทำได้เหมือนจริงเลยทีเดียว กงกงยังมีอีกหรือไม่ ขอข้าลองดูหน่อย”
“มี มี! อยู่นี่หมดเลย!” เว่ยกงกงส่งแผ่นทองที่แม่นมไช่มอบให้เขาส่งให้หนานเซียง
หนานเซียงพลิกแผ่นทองในถุงเงินเงียบๆ ก่อนจะชี้ “ไอ้หยา ขออภัยเจ้าค่ะ เล็บข้ายาวนัก ข่วนถุงเงินเว่ยกงกงจนด้ายหลุดเลย”
เว่ยกงกงยิ้มเอ่ย “ไม่เป็นไรหรอก! แค่ถุงเงินเอง!”
หนานเซียงถาม “ถุงเงินนี้เป็นของกงกงเองหรือเจ้าคะ สีสันลวดลายงดงามเสียจริง”
เว่ยกงกงเอ่ย “เจ้านายในวังมอบให้มาน่ะ หากฮูหยินหลู่ชื่นชอบ กลับไปข้าจะถามดูว่ายังมีอีกหรือไม่”
หนานเซียงแย้มยิ้มเอ่ย “ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ อันนี้ถูกข้าทำพังไปแล้ว ข้าจะชดใช้อันใหม่ให้นะเจ้าคะ”
เว่ยกงกง “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!”
หนานเซียงยืนยันหนักแน่น เว่ยกงกงก็ยังไม่รับ แค่ถุงเงินเก่าๆ ใบเดียว ในสายตาเขานั้นไม่มีค่าอะไรหรอก
กู้เจียวสังเกตเห็นว่ามีอะไรแปลกๆ นางจึงหันไปมองหนานเซียง
หนานเซียงยิ้มเอ่ย “แม่นางกู้ เจ้ามีเข็มกับด้ายหรือไม่ ข้าทำถุงเงินเว่ยกงกงขาดเสียแล้ว ข้าจะซ่อมให้เขาหน่อย”
“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องจริงๆ!” เว่ยกงกงบอก
กู้เจียวมองหนานเซียงแวบหนึ่ง “มีเจ้าค่ะ โปรดตามข้ามา”
ทั้งสองเข้าไปในห้องตะวันออก
กู้เจียวปิดประตูห้องลง “เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”
หนานเซียงหยิบถุงเงินออกมา แล้วฉีกมันด้วยมือทั้งสองข้าง เศษดอกไม้แห้งกำหนึ่งร่วงออกมาจากชั้นในของถุงเงิน
กู้เจียวหยิบดอกไม้แห้งมาลองดมตรงปลายจมูก “กลิ่นหอมนัก นี่คือดอกอะไรหรือเจ้าคะ”
หนานเซียงเอ่ย “นี่ไม่ใช่ดอกไม้หรอก เป็นสมุนไพรน่ะ ยาสมุนไพรชนิดหนึ่งที่โตในเขตแดนแคว้นเยี่ยน เดิมทีมันไร้สีไร้กลิ่น แต่หลังจากถูกแช่ด้วยยาต้มแล้วก็จะเผยกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้หอมออกมา”
กู้เจียวถามว่า “สมุนไพรชนิดนี้มีพิษหรือไม่”
หนานเซียงจ้องมอง “ตัวมันไม่มีหรอก แต่พอแช่น้ำไปแล้วก็จะกลายเป็นตัวเร่งฤทธิ์ยานะ”
“ตัวเร่งฤทธิ์ยาอย่างนั้นรึ” กู้เจียวขมวดคิ้ว
หนานเซียงจ้องกู้เจียวนิ่งพลางเอ่ย “มีฤทธิ์ทำให้คนหลงใหลเคลิบเคลิ้ม และสามารถทำให้คนเกลียดชัง ขันทีผู้นี้จู่ๆ ก็สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ หรือว่าเกลียดชังใครเป็นพิเศษหรือไม่”
เว่ยกงกงน่ะไม่…แต่ฝ่าบาทน่ะใช่!