สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 388-2 ติดหนึบ (2)
บทที่ 388 ติดหนึบ (2)
กู้เจียวไม่เข้าใจอารมณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันของเขา นางครุ่นคิดอย่างจริงจัง ก่อนถามว่า “เจ้ามีเรื่องกวนใจอะไรหรือไม่ เพราะคำพูดของข้าเมื่อคืนนี้หรือ เจ้าไม่อยากให้ข้าดูเจ้าอาบน้ำหรือ”
“ไม่ใช่” ไม่ใช่เรื่องนี้เลยสักนิด
ดวงตาโตๆ ของกู้เจียวเป็นประกายทันที “ดังนั้นแล้ว…เจ้าอยากให้ข้าดูเจ้าอาบน้ำรึ”
เซียวลิ่วหลัง …เหตุใดจึงกลายเป็นพูดไม่รู้เรื่องเช่นนี้ได้
เสียงเว่ยกงกงกับฮ่องเต้ลอยมาจากด้านนอก
กู้เจียวรีบนอนลงให้เรียบร้อย
เซียวลิ่วหลังกำลังจะปอกส้มให้เรียบร้อยแล้ววางไว้บนโต๊ะ คิดไม่ถึงว่ามือน้อยของนางจะยื่นมาหา หยิบส้มไปถือไว้ในมือ แล้วซุกไว้ในผ้าห่ม
“ของข้า” นางบอก
…
เซียวลิ่วหลังเข้าเฝ้าฮ่องเต้ที่ห้องโถง
ฮ่องเต้ถามถึงอาการของกู้เจียว เซียวลิ่วหลังบอกเองว่าดีขึ้นกว่าเมื่อวานแล้ว เมื่อเช้าตื่นอยู่ตลอด กินมื้อเที่ยงไปจึงได้นอนพักต่อ
ฮ่องเต้รู้สึกว่าตัวเองมาได้เหมาะเจาะนัก พระองค์มาเพราะจะถามเรื่องยา
“ฝ่าบาทไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ” เซียวลิ่วหลังถาม หากป่วยเล็กน้อยสามารถเรียกหมอจากโรงหมอมาถวายการรักษาได้ แต่หากป่วยหนักก็คงต้องให้เจียวเจียว ‘ตื่น’ ขึ้นมาอีกรอบแล้วล่ะ
ฮ่องเต้ไม่ได้นอนทั้งคืน ยามนี้จึงซึมเซาห่อเหี่ยวยิ่ง ท่าทางเหมือนป่วยหนักอยู่จริงๆ
ฮ่องเต้ตรัส “เราอยากมาถามว่ายาดำมีทางแก้หรือไม่ เรา…อะแฮ่ม” พระองค์กระแอมในพลางเอ่ยต่อ “เราไม่ลงรอยกันกับเสด็จแม่มานานหลายปี ส่วนมากเป็นเพราะฤทธิ์ยา แต่ยามนี้ในเมื่อความจริงปรากฏแล้ว เราจึงอยากรู้ยาแก้”
เซียวลิ่วหลังมองพระองค์อย่างไม่เข้าใจ
ท่านเรียกเสด็จแม่ปาวๆ ทุกคำแล้วนี่ ยังต้องใช้ยาแก้อีกรึ
กู้เจียวเคยบอกว่า ฤทธิ์ยาไม่เหลืออยู่ในร่างกายฝ่าบาทเท่าใดแล้ว มิฉะนั้นจิ้งไท่เฟยก็คงไม่เสี่ยงอันตรายมาวางยาให้ฝ่าบาทคราแล้วคราเล่าหรอก
ยามนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว เกรงว่าภายใต้การกระตุ้นจากความจริงนี้ฤทธิ์ยาสุดท้ายที่เหลืออยู่น้อยนิดนั่นก็คงจะหายไปจนเกลี้ยงแล้ว
ทว่าเซียวลิ่วหลังหาใช่เด็กหนุ่มไร้เดียงสาเหมือนตอนนั้นแล้ว เขามีความคิดเป็นของตัวเอง มีแผนการของตัวเอง มีแม้กระทั่งเมืองที่จะรับราชการแล้วด้วย
เขาหลุบตาทอดถอนใจ “เดิมทีไม่มียาแก้พ่ะย่ะค่ะ แต่เจียวเจียวเคยปรุงยาลูกกลอนชนิดหนึ่งที่ใช้แก้ยาแฝดโดยเฉพาะ คงจะได้ผลอยู่บ้างนะพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าพูดจริงรึ” ดวงตาฮ่องเต้พลันเป็นประกายทันที
เซียวลิ่วหลังเอ่ย “กระหม่อมจะไปเอามาให้ฝ่าบาทลอง ยาของเจียวเจียวปลอดภัยยิ่งนัก กินแล้วไม่เห็นผลก็ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย”
ฮ่องเต้ตรัสด้วยสีพระพักตร์แช่มชื่น “หากได้ผลจริง เราจะจดจำความดีความชอบเจ้าไว้”
เซียวลิ่วหลังเอ่ย “เจียวเจียวเป็นคนปรุงยาขึ้นมา เป็นความดีความชอบของเจียวเจียว หาใช่ของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนี้ แต่ฮ่องเต้กลับจดจำความดีความชอบของทั้งคู่เอาไว้แล้ว
พระองค์ทำให้จวงไทเฮาได้รับความไม่เป็นธรรมมาหลายปี เรื่องบางเรื่องพระองค์เองก็ลืมไปแล้ว โชคดีที่กินยาพระองค์จึงนึกขึ้นได้ทั้งหมด
อีกทั้งระหว่างพระองค์กับจวงไทเฮาก็ยังเหมือนมีบางอย่าขวางกั้นอยู่ ทำให้พระองค์ไม่กล้าเข้าหา พระองค์เดาว่าคงเป็นเพราะฤทธิ์ของยาดำ
หากเซียวลิ่วหลังรู้ความคิดทั้งหมดในใจพระองค์ก็คงจะบอกพระองค์ว่านั่นเป็นความไม่สบอารมณ์ในฐานะลูกชายอย่างพระองค์ต่างหากเล่าฝ่าบาท!
เซียวลิ่วหลังหยิบยาลูกกลอนมาทั้งสามเม็ดอย่างรวดเร็ว
อันที่จริงเอามาใช้ปลูกผมให้กู้เฉิงหลิน จึงไม่มีผลร้ายอะไร
ฮ่องเต้อายุอยู่ในวัยกลางคนแล้ว จึงมีเรื่องกวนใจอย่างผมหลุดร่วงอยู่บ้าง กินยาปลูกผมเสียหน่อยก็เป็นผลดีไม่น้อย
เซียวลิ่วหลังส่งยาปลูกผมให้ฮ่องเต้ ก่อนจะเอ่ยหน้านิ่ง “ตามหลักการแล้วแค่หนึ่งเม็ดก็พอ หากยาให้ผลไม่พอก็เสวยอีกเม็ด”
ความนัยก็คือสามเม็ดก็เหลือเฟือแล้ว
“ได้ผลจริงๆ น่ะรึ” ฮ่องเต้ถาม
“ฝ่าบาทต้องเชื่อมั่นในฝีมือการแพทย์ของเจียวเจียวนะพ่ะย่ะค่ะ” เซียวลิ่วหลังเอ่ย
“ก็จริง” ฮ่องเต้ชะงัก ทรงนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงตรัสถาม “หากกินมากไปจะเป็นอย่างไรรึ ผลลัพธ์จะเพิ่มขึ้นหรือว่าตรงกันข้าม”
เซียวลิ่วหลังมองฮ่องเต้อย่างลุ่มลึกแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ย “ผลลัพธ์คงจะเพิ่มขึ้นกระมัง อาจจะกลายเป็น…”
“กลายเป็นอย่างไรรึ” ฮ่องเต้ถามอย่างร้อนใจ
“ติดคนมาก”
“หา…”
ฮ่องเต้ตกใจยกใหญ่
พระองค์ไม่เอาแบบนั้นเด็ดขาด พระองค์เป็นถึงกษัตริย์แห่งแคว้น อยู่ในจุดสูงสุด จะกลายสภาพเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร
หนึ่งเม็ด
หนึ่งเม็ดก็พอแล้ว!
จู่ๆ ฮ่องเต้ก็อยากปลดเบา จึงวางขวดยาไว้บนโต๊ะในห้องโถงก่อน แล้วลุกไปห้องน้ำ
จี้จิ่วอาวุโสแอบออกมาจากห้องครัว วันนี้จวงจิ่นเซ่อมา นางกำลังเล่นไพ่อยู่ เขากำลังทำขนมข้าวเหนียวน้ำตาลแดงให้จวงจิ่นเซ่ออยู่
เขาถาม “มียาแก้จริงๆ น่ะรึ”
เซียวลิ่วหลังเอ่ย “ของปลอม นี่ยาปลูกผม”
จี้จิ่วอาวุโส “…”
เมื่อฮ่องเต้ออกมาจากห้องน้ำ จี้จิ่วอาวุโสก็กลับไปหยิบช้อนในห้องครัวอีกครา ฮ่องเต้กะว่าจะเอายาแก้กลับวัง ไม่คิดเลยว่าจวงไทเฮาที่เล่นไพ่อยู่บ้านข้างๆ เสร็จกำลังเดินออกมา
สองแม่ลูกบังเอิญเจอกันหน้าบ้านโดยไม่ทันตั้งตัว
ฮ่องเต้พลันตระหนกขึ้นมา “เสด็จ…”
จวงไทเฮาไม่มองพระองค์สักแวบ นางแค่นเสียงขึ้นจมูก แล้วเดินผ่านพระองค์ไป
“ฝ่าบาท ยังจะกลับวังหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยกงกงถาม
ฮ่องเต้ลังเลครู่หนึ่งพลางเอ่ย “ไม่แล้ว เรา…เราจะอยู่กินมื้อค่ำที่นี่ อีกเดี๋ยวค่อยกลับวังพร้อมกับเสด็จแม่”
ฮ่องเต้จะอยู่กินข้าว ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไร
วันนี้หนุ่มน้อยในบ้านต่างไม่อยู่บ้านกัน กู้เหยี่ยนกับกู้เสี่ยวซุ่นไปเรียนงานฝีมือ เสี่ยวจิ้งคงไปเล่นที่บ้านสวี่โจวโจว
บนโต๊ะอาหารจึงมีแค่จวงไทเฮา ฮ่องเต้ แม่นางเหยา จี้จิ่วอาวุโส เซียวลิ่วหลังและกู้เจียวที่ ‘ตื่นจากนอนกลางวัน’
ยาที่กู้เจียวให้ค่อนข้างเม็ดใหญ่ กลืนไม่ลง ต้องใช้น้ำช่วย
ก่อนจะเสวย ฮ่องเต้จึงส่งขวดยาให้เว่ยกงกง
เว่ยกงกงเอายาไปละลายน้ำกลายเป็นยาน้ำดำปี๋ถ้วยหนึ่ง ฮ่องเต้ทนกับกลิ่นฉุนพลางกัดฟันดื่มจนหมดภายในรวดเดียว
ฮ่องเต้ตรัสขึ้นอย่างรังเกียจ “เหตุใดจึงขมปี๋เช่นนี้ เจ้าใส่ไปกี่เม็ดน่ะ”
เว่ยกงกงเอ่ยอย่างมึนงง “ในนั้นมีทั้งหมดสามเม็ดมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้สีหน้าพลันเปลี่ยน “จะ…เจ้าใส่หมดเลยรึ”
เว่ยกงกงตกใจยิ่งกว่า “ท่านเป็นคนให้บ่าวใส่ทั้งหมดนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้จำไม่ได้เลยสักนิด!
เว่ยกงกงไม่ได้โกหก เขาถามแล้วจริงๆ ฮ่องเต้ก็ส่งเสียงอืมให้ด้วย เพียงแต่ตอนนั้นฮ่องเต้กำลังคิดถึงเรื่องจวงไทเฮาอยู่ ไม่ได้สนใจฟังว่าเว่ยกงกงพูดอะไร
ฮ่องเต้นึกถึงฤทธิ์ยา ‘ติดคนมาก’ ที่เซียวลิ่วหลังบอก ทั่วทั้งร่างก็พลันอยู่ไม่สุขขึ้นมา
“ฝ่าบาท เป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยกงกงถามด้วยความเป็นห่วง
ฮ่องเต้สูดหายใจลึกเฮือกใหญ่ “ไม่เป็นไร ระ…เราสูงส่งเหนือใครๆ เราไม่มีทางทำเรื่องหน้าขายหน้าพรรค์นั้นหรอก เราทนได้…เรามีสติปัญญามาก…”
จวงไทเฮากินข้าวเสร็จก็ได้เวลากลับวังแล้ว นางจึงลุกขึ้นเดินไปทางด้านนอก
ฮ่องเต้กุมหน้าอกไว้
ยาออกฤทธิ์รึ เหตุใดจู่ๆ จึงอยากตามไปเช่นนี้เล่า
“ฝ่าบาท”
แย่แล้ว ใจเต้นเร็วมาก!
“ฝ่าบาท”
จวงไทเฮาเดินขึ้นรถม้าไปโดยมีฉินกงกงพยุงช่วย
ไม่ได้ จะตามไปไม่ได้นะ!
ฤทธิ์ยารุนแรงยิ่งนัก ใครจะไปรู้ว่าอีกเดี๋ยวพระองค์จะพูดอะไรออกไป!
ฮ่องเต้ฝืนทนข่มไว้ทั้งอย่างนั้น!
ฉินกงกงปล่อยม่านลงให้จวงไทเฮา ก่อนจะเก็บแท่นเหยียบ แล้วขึ้นไปนั่งอยู่นอกตัวรถ
ล้อรถค่อยๆ เคลื่อนตัวช้าๆ
ฮ่องเต้พลันร้อนใจ จู่ๆ ก็ยื่นมือไปทางรถม้า “เสด็จแม่! จะทิ้งเสี่ยว…เสี่ยวหงของท่านแล้วหรือ!”
ทุกคนภายในห้องพลันพ่นน้ำชาออกมาทันที…
นั่นอะไรน่ะ พวกเขาควรบอกฝ่าบาทดีหรือไม่ว่ายานั่นมันเป็นของปลอม…