สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 4 ช่วยคน
กู้เจียวออกไปตัดฟืน เหตุผลแรกเพราะฟืนหมดจริงๆ อีกเหตุผลหนึ่งก็อยากขึ้นเขาไปหาของที่สามารถเติมท้องให้อิ่มได้
แม้จะเรียกได้ว่าครอบครัวไม่ได้ยากจนถึงขั้นเปิดหม้อไม่มีข้าว แต่ก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก เซียวลิ่วหลัง
กินคนเดียว อาจจะสามารถประคับประคองไปได้สองสามวัน เรียกได้ว่าเธอมีอุปสรรคมากมายอยู่บ้าง
ยามนี้กำลังอยู่ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง
ไม่รู้ว่าเพราะไม่มีมลภาวะทางอากาศหรือไม่ กู้เจียวรู้สึกว่าท้องฟ้าบนศีรษะนั้นมีสีฟ้าสดเป็นสีฟ้าที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ฟากฟ้าสดใสมากด้วย ทำให้จิตใจสดชื่นเบิกบาน
มาที่นี่ได้อย่างแปลกประหลาด ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกบ้าที่สถาบันวิจัยกลุ่มนั้นจะคิดถึงเธออยู่หรือเปล่า
กว่าครึ่งคงจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันโทษเธอที่ไม่ส่งผลวิจัยล่าสุดไปให้พวกเขา จู่ๆ ก็เล่นหายตัวไปเสียอย่างนั้น
แต่ว่าเปลือกนอกเธอเป็นนักศึกษาปริญญาโทแห่งสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัย M ทว่าความจริงกลับเป็นสายลับคนหนึ่ง ตอนเธอแปดขวบก็เข้าทีมแล้ว ประสบการณ์ทั้งหมดหลังจากนั้นล้วนแค่เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเธอเท่านั้น
แน่นอนว่าเธอไม่ได้คิดจะเผชิญอันตรายไปทั้งชีวิต ในสัญญาระหว่างเธอกับทีมนี่เป็นงานสุดท้ายของเธอ ทำเสร็จก็จะออก นึกไม่ถึงว่าเครื่องบินจะมีปัญหา… มาคิดดูตอนนี้ เครื่องบินเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมันช่างบังเอิญเกินไปนัก
แต่ตอนนี้พูดเรื่องนี้ไปก็คิดอะไรไม่ออก ไหนๆ เธอก็ตายไปแล้ว ไม่มีทางกลับไปหาว่าใครมันแก้แค้นได้แล้วล่ะ
น่าจะไม่มีใครเสียใจกับการตายของเธอหรอก
พ่อแม่เธอหย่ากันตั้งแต่เธออายุได้สองขวบ ต่อมาก็แยกย้ายกันไปสร้างครอบครัวของตัวเอง แล้วมีลูกใหม่ เธอเป็นส่วนเกินมาโดยตลอด
หากให้พูดจากความหมายบางอย่าง โชคชะตาของเธอกับเจ้าของร่างนี้มีบางจุดที่คล้ายคลึงกันอยู่จริงๆ เจ้าของร่างเดิมพ่อแม่ตายจากไปไว และเจ้าของร่างเดิมก็เป็นส่วนเกินในตระกูลกู้เหมือนกัน เจ้าของร่างเดิมตายไปแล้ว และไม่มีใครเสียใจต่อนางอย่างแท้จริงเลยสักคน
กู้เจียวหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง สีหน้าแววตาเย็นยะเยือกอยู่เล็กน้อย
เพราะกังวลว่าฝนจะตก กู้เจียวจึงไม่เดินลึกไปในป่าเท่าใดนัก แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังคงทำให้เธอพบของดีๆ อยู่ไม่น้อย อย่างเช่น เห็ด แล้วก็เห็ดหูหนูป่าที่เกิดบนตอไม้
เห็ดหูหนูทั้งอวบทั้งหนา ขึ้นปกคลุมอยู่แทบจะเกินครึ่งตอไม้ กู้เจียวเก็บดอกใหญ่ๆ มา
เห็นได้ชัดว่าบริเวณนี้ถูกชาวบ้านตัดมาก่อน ตอไม้ประเภทนี้มีไม่น้อย เห็ดหูหนูที่เกิดก็มากเช่นกัน
กู้เจียวเก็บเห็ดออกมาทีละดอก เพียงไม่นานตะกร้าก็หนักขึ้น
เห็นว่าเก็บได้พอสมควรแล้วเธอจึงหยุดมือลงทันที ตัดฟืนแห้งมาเล็กน้อย ใช้เชือกมัดฟืนแห้งไว้กับตะกร้า
แล้วแบกขึ้นหลังเตรียมลงเขา
แต่ทว่ากู้เจียวเพิ่งจะหันหลัง จู่ๆ ก็รู้สึกฝ่าเท้าของตัวเองคล้ายเหยียบโดนบางอย่างเสียงดัง ฟุ่บ
จากนั้นก็ได้ยินเสียงโอดโอยอู้อี้ แผ่วเบาและอ่อนแรงมาก
เธอกะพริบตาปริบๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วยกเท้าย้ายออกอย่างเชื่องช้า
“คงไม่ได้โชคร้ายถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง…”
เธอสูดลมหายใจลึก ก้มหน้าลงมอง เห็นชายชราเคราขาวคนหนึ่งอยู่ท่ามกลางวัชพืชรกชัฏถูกตัวเองเหยียบจนสลบไป…
กู้เจียว “…”
เดี๋ยวสิ มีคนมานอนอยู่ในทางระบายน้ำได้อย่างไร
ซ้ำเธอยังเหยียบอีกฝ่ายเข้าพอดิบพอดีด้วย
จิตใจคุณธรรมของกู้เจียวปล่อยผ่านไปได้ เธอก้าวข้ามร่างเขาไป
แต่ไม่ถึงสองวินาทีก็กลับมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ตกลงกันก่อนนะ ข้าไม่ใช่คนจิตใจดีงามช่วยท่านไว้หรอกนะ”
“กระต๊าก”
ในย่ามผ้าที่มัดแน่นข้างกายชายชรา มีไก่ป่ากระพือปีกส่งเสียงร้องอยู่
กู้เจียวเลิกคิ้วขึ้น กวาดตามองย่ามผ้าใบนั้นอย่างไม่ใส่ใจ ทันใดนั้นย่ามผ้าก็ไม่ขยับไหวแล้ว
จากนั้นเธอก็มองไปยังชายชราเคราขาวตรงหน้า บนหน้าอีกฝ่ายมีร่องรอยฝ่าเท้าที่ถูกกู้เจียวเหยียบทิ้งเอาไว้ อเนจอนาถเสียจนทนดูไม่ได้
ดูจากการแต่งกายแล้วเหมือนชาวบ้านธรรมดา
ทว่าสีหน้าท่าทางกลับมีกลิ่นอายน่าเกรงขามที่ยากจะอธิบายแฝงไว้อยู่
กู้เจียววางฟืนแห้งที่แบกอยู่ข้างหลังลง เริ่มจับชีพจรให้อีกฝ่าย
ตอนเธอเล่าเรียนสิ่งที่เรียนก็คือแพทย์แผนตะวันตก แต่ต่อมาเพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษที่สำคัญอย่างมากสักครั้ง
จึงซุ่มซ่อนอยู่ในตระกูลแพทย์แผนจีนมือหนึ่งกราบอาจารย์เพื่อร่ำเรียนวิชาอยู่นานถึงห้าปี
ดูจากสัญญาณชีพเขาแล้ว ร่างกายไม่มีโรคร้ายอะไร กู้เจียวคาดว่าคงจับไข้จากความหนาว ไข้ขึ้นฉับพลัน ล้มลงในท่อน้ำโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งยังทำเอาแขนข้างซ้ายล้มจนเคล็ดไป
กู้เจียวหยิบกล่องยากล่องน้อยของตัวเองออกมาจากตะกร้าด้านหลัง นำถุงเย็นมาประคบบนหน้าผากเขา
จากนั้นก็ดัดแขนเขากลับไป ตัดฟืนมาท่อนหนึ่ง ฉีกชายเสื้อเขาออก จัดการดามแขนเขาเอาไว้
ทำเสร็จเรียบร้อยก็วัดอุณหภูมิให้เขา พบว่ายังคงสูงอยู่ จึงฉีดยาลดไข้ให้กับเขาเข็มหนึ่ง
ไม่ไกลนั้นมีเพิงฟางเล็กๆ ไว้ให้ชาวบ้านขึ้นเขาได้พัก
กู้เจียวย้ายไปตรงนั้น
ไข้ลดลงแล้ว ตัวคนก็เกือบจะได้สติแล้วเช่นกัน กู้เจียวลุกขึ้นลงจากเขา ก่อนจะไปได้ทิ้งร่มของตัวเองไว้ให้เขา
“ข้าน่ะ ไม่รักษาให้เปล่าๆ หรอกนะ”
เอ่ยจบก็ฉวยเอาถุงไก่ป่าไปด้วย
กู้เจียวเพิ่งจะถึงบ้าน ฝนก็ตกลงมาพอดี เพียงไม่นานก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก เทือกเขาไกลลิบดำทะมึน กระท่อมมุงจากในหมู่บ้านล้วนปกคลุมด้วยห่าฝนไปทั้งบริเวณ
กู้เจียวตรงไปห้องครัวทันที
เซียวลิ่วหลังล้างเก็บถ้วยชามตะเกียบเรียบร้อย และเช็ดทำความสะอาดครัว รวมถึงเก็บผ้าแล้วด้วย
กู้เจียววางฟืนกับย่ามผ้าลง เปิดตู้กับข้าวมาดู เอ่ยเสียงกลุ้มขึ้นว่า “กินหมดแล้วหรือ”
เธอเหลือไว้มากทีเดียว
คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มที่ดูแล้วผอมแห้งจะกินเก่งไม่น้อย
เป็นช่วงวัยในการเจริญเติบโตอย่างนั้นหรือ
กู้เจียวเลิกคิ้ว หาเข่งมาครอบขังไก่ป่าเอาไว้
กู้เจียวแยกฟืนเล็กกับใหญ่ และที่ต้องผ่าก็เก็บแยกไว้ต่างหาก
จนเธอผ่าฟืนเสร็จก็ย่ำค่ำแล้ว ฝนยังคงเทลงมา ภายในห้องทั้งชื้นทั้งเย็น เธอหากระถางไฟมา
หมายจะผิงไฟให้ตัวเอง แต่จู่ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เดินไปหน้าห้องเซียวลิ่วหลัง เคาะประตูห้องเขาเบาๆ
“จะผิงไฟหรือไม่”
เธอถามเสียงเบา
ภายในห้องไร้ปฏิกิริยาใด
เธอเรียกอีกหน ยังคงไร้เสียงตอบกลับ
กู้เจียวเห็นประตูปิดไว้แต่ไม่ได้ลงกลอน ก็ผลักเบาๆ ชะโงกหน้าไปดู
เห็นเงาร่างผ่ายผอมภายใต้ตะเกียงน้ำมันสลัว ฟุบอยู่บนเตียงเก่าๆ พังๆ หลับไปแล้ว
ในมือยังถือตำราที่ยังอ่านไม่จบเอาไว้เล่มหนึ่ง
ตำราเล่มนั้นเห็นได้ชัดว่าเหลืองแล้ว หน้าปกก็ยับเยินแตกร้าว ใช้กระดาษไขปะเอาไว้
บัณฑิตในชนบทลำบากมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภทแบบเซียวลิ่วหลัง ถูกตระกูลกู้กับเจ้าของร่างเดิมบีบคั้น กระทั่งสำนักศึกษาที่เหล่าอาจารย์ก่อตั้งขึ้นมาส่วนตนยังเข้าไม่ได้ การศึกษาเล่าเรียนล้วนอาศัยตัวเองล้วนๆ
กู้เจียวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยๆ ย่องไปหาแผ่วเบา หยิบผ้านวมบุฝ้ายจากตู้มาห่มบนร่างเขา
เซียวลิ่วหลังตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นกลางดึกแล้ว
หลายวันก่อนเขานอนหลับไม่สนิท และไม่คิดเลยว่าตัวเองจะฟุบหลับไปบนเตียง ตอนเขาลืมตาขึ้นมาพบว่าบนร่างมีผ้านวมบุฝ้ายเพิ่มมา หัวคิ้วก็ขมวด แววตามีความระแวดระวังวาบผ่าน
เขาขมวดคิ้วมองตำราในมือ พลันได้ยินเสียงโครมครามลอยมา เขาหันหน้าไปมอง เห็นกระถางไฟที่ลุกโชนอยู่อย่างคาดไม่ถึง ไม่รู้ว่ามาวางอยู่บนพื้นตั้งแต่เมื่อใด
ห้องอันเย็นเยียบพลันถูกไฟสาดส่องจนอบอุ่นขึ้นมา
สายตาเซียวลิ่วหลังตกลงบนกระถางไฟ เผยสีหน้าราวกำลังคิดบางอย่างออกมา
ในบ้านมีกระถางไฟเพียงใบเดียว หลังจากให้เซียวลิ่วหลังไป กู้เจียวก็ไม่มีเหลือแล้ว
เธอเก็บกล่องยาเล็กๆ ของตัวเองเสร็จก็รีบไปซุกผ้าห่ม ห่อตัวเองเอาไว้ราวกับดักแด้
อาจเพราะตอนกลางวันไปนั่นมานี่อยู่หลายหน ทำเอาร่างเล็กๆ ร่างนี้เหนื่อยล้าสุดจะทน เธอจึงได้หลับไปอย่างรวดเร็วแม้จะหนาวก็ตาม
กู้เจียวไม่ได้ฝันมานานหลายปีแล้ว แต่คืนนี้เธอฝันถึงเรื่องหนึ่ง
เธอฝันเห็นหมอคนหนึ่งมาอยู่ในเมือง เซียวลิ่วหลังไปหาเขาให้รักษาขา ผลสุดท้ายร้านขายยาที่หมอคนนั้นอยู่เกิดคนไข้อาละวาดขึ้น ทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บกันไปไม่น้อย
เซียวลิ่วหลังขาพิการข้างหนึ่ง เดิมก็วิ่งได้ช้ากว่าคนอื่นอยู่แล้ว ยามนี้โดนคนฟันขาอีกข้างที่ยังดีๆ อยู่จนได้รับบาดเจ็บ
บาดแผลครานี้แม้จะไม่ถึงแก่ชีวิตเขา แต่ก็ทำให้เขาพลาดการสอบในอีกสามวันไป