สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 417 ไร้เทียมทาน (1)
บทที่ 417 ไร้เทียมทาน (1)
หยวนถังหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อเอาชีวิตรอด มีเวลากังวลเรื่องที่ตนเองเป็นผู้ต้องสงสัยเสียที่ไหนกัน
อันที่จริงยามออกไปไหนมาได้เขาจะพาลูกสมุนไปด้วยเสมอ มีเพียงยามมาหาหลิ่วอีเซิงเท่านั้นที่มักจะมาโดยลำพัง เพราะหลิ่วอีเซิงไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย แม้แต่เขาอีกฝ่ายยังไม่อยากเจอเลย ลูกสมุนของเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง
ใครจะไปคาดคิดกันว่าก่อเรื่องมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ดันมาถูกหมายหัวเอาวันนี้
มือสังหารช่างโหดเหี้ยมนัก แต่ละคนลงมือไม่ยั้ง จนเขาแทบจะต้านทานไม่ไหวแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นตอนแรกเริ่มพวกมือสังหารเอาแต่เล็งเป้ามาที่เขา แต่ยิงอย่างไรก็ยิงไม่โดนเสียที ต่อมาจึงยิงรัวโดยไม่สนว่าจะมีใครอยู่ในห้องอีกหรือไม่ จนกู้เจียวกับหลิ่วอีเซิงเกือบโดนลูกหลงไปด้วย
เพื่อไม่ให้ทั้งสองพลอยโดนหางเลขไปด้วย หยวนถังกัดฟันตัดสินใจ “ข้าไปก่อนล่ะ”
ทันทีที่หยวนถังออกไป มือสังหารที่แอบซุ่มอยู่รอบทิศก็ทยอยหายตัวไป ดูท่าคงตามไปไล่ล่าหยวนถังแล้ว
สีหน้าของหลิ่วอีเซิงไม่สู้ดียิ่งกว่าเดิม
กู้เจียวไม่รู้ว่าเขากำลังนึกถึงความทรงจำใด หรือกังวลเรื่องความเป็นความตายของหยวนถังเพียงเท่านั้น
สถานการณ์ของหยวนถังในตอนนี้ย่ำแย่นัก ดูเหมือนว่าคราวนี้ฝ่ายตรงข้ามจะใช้ไม้ตายสุดท้าย ไม่ว่าจะแลกมาด้วยสิ่งใดก็ต้องฆ่าเขาให้สำเร็จ
ไม่ว่าหยวนถังจะหนีไปที่ใด ก็สัมผัสได้ว่าคนพวกนั้นกำลังไล่ล่าตัวเองอยู่
วรยุทธ์ของเขาไม่ได้ถึงขั้นเทียบเคียงกับองครักษ์หลงอิ่งได้ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นยอดฝีมือสิบอันดับแรกของแคว้นเฉิน หากสู้กันตัวต่อตัวละก็ เขาไม่มีทางแพ้มือสังหารพวกนั้นหรอก
แต่นี่มันเรียกหมาหมู่ ใครจะไปสู้ไหวกัน
เส้นทางกลับไปยังวังหลวงนั้นถูกปิดอย่างสมบูรณ์แบบ มือสังหารไม่ยอมให้เขาได้มีโอกาสกลับไปขอกำลังเสริมที่วังหลวง
“ซวยชะมัด! อย่าให้ข้าจับได้ก็แล้วกันว่าเป็นฝีมือใคร ไม่เช่นนั้นข้าจะจับเจ้ามาถลกหนัง!”
หยวนถังจึงจำต้องวิ่งหนีไปอีกเส้นทาง
เขาไม่รู้ว่าตัวเองถูกไล่ล่ามานานเพียงใด จนกระทั่งม่านราตรีโรยตัวลงมา จนกระทั่งโคมของบ้านเรือนนับพันสว่างขึ้นเบื้องหลังเขา และจนกระทั่งพลังปราณของเขาหมดลง จนเขาหนีต่อไปอีกไม่ไหว
เขาถูกล้อมอยู่ที่หัวมุมถนนอันเวิ้งว้าง
ปลายเดือนเช่นนี้ ดวงจันทร์สว่างลอยเด่น แสงสีเงินสาดสะท้อนเหงื่อกาฬบนใบหน้าของเขา แววตาเฉียบคมแสนเย็นชาเผยออกมา
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ ผู้ใดส่งพวกเจ้ามาสังหารข้า”
เขาถามเสียงเย็นชา
ถึงกระนั้นก็ไม่มีผู้ใดตอบเขา มือสังหารสิบกว่าชีวิตกำกระบี่ในมือแน่น ก่อนจะชักออกมาแล้วเล็งไปที่เขาอย่างพร้อมเพรียง
การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว พัดของหยวนถังโบกกระพือก่อนมีดสั้นนับไม่ถ้วนจะปรากฏขึ้น ปะทะกับกระบี่ยาวที่พุ่งมาทางศีรษะของเขา
วินาทีนั้นเอง ข้างตัวเขาก็มีกระบี่เล่มหนึ่งแทงเข้ามา
นิ้วมือซ้ายของหยวนถังคว้ากระบี่เล่มนั้นได้พอดี!
ทว่ายังไม่จบเพียงเท่านั้น การโจมตีอันแสนน่าสะพรึงกลัวกำลังโถมเข้ามาทางด้านหลังของเขา
หยวนถังคิ้วกระตุก
หลบไม่ทันแล้ว…
จะว่าช้าก็ช้า จะว่าเร็วก็เร็ว ทันใดนั้นก็มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น มือสังหารชุดดำที่โจมตีเขาจากด้านหลังก็ร้องเสียงโหยหวนขึ้นมา
ทุกคนต่างตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน คนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปคงทั้งสงสัยและหวาดกลัว เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายฝีมือร้ายกาจเพียงใด ทั้งยังไม่กล้าเอาชีวิตตัวเองไปเดิมพัน
มือสังหารที่เหลือต่างชะงักไป
วินาทีนั้น กู้เจียวฉวยโอกาสโยนลูกแก้วเพลิงดำออกไปอีกครั้ง ทำให้มือสังหารอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังล้อมหยวนถังเข้ามาเป็นอันต้องล่าถอยไป
หยวนถังได้สติกลับคืนมา ใช้พลังปราณภายในข่มขวัญมือสังหารอีกสี่คนรอบตัวจนหนีไป
หลังจากใช้พลังเสร็จเขาก็หมดแรง
กู้เจียวรีบสาวเท้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะพยุงท่อนแขนเขาเอาไว้
หยวนถังเองก็รู้ว่าห้ามเผยจุดอ่อนในสนามรบ ไม่เช่นนั้นพวกมันต้องไล่ตามมาอีกแน่นอน
หยวนถังตั้งสติ พยายามไม่ให้ตัวเองล้มลง
สายตาของเขาจ้องมองไปยังมือสังหารอย่างอาฆาตแค้น เอ่ยเสียงแผ่วเบากับกู้เจียว “ขอบคุณ วันนี้ข้าเป็นหนี้ชีวิตเจ้า”
กู้เจียวปรายตามองเขา “ชีวิตเจ้ามีราคาเพียงนั้นเชียวหรือ”
หยวนถังเอ่ย “ชีวิตของว่าที่ไท่จื่อแห่งแคว้นเฉิน เจ้าว่ามีราคาหรือไม่”
กู้เจียว “อ้อ”
“เมื่อครู่เจ้าใช้สิ่งใด เหตุใดพลังรุนแรงเช่นนั้น”
“อาวุธลับน่ะ”
หยวนถัง ‘…ข้ารู้ว่าเป็นอาวุธลับ แต่เจ้าช่วยบอกได้หรือไม่ว่าอาวุธลับนั่นคือสิ่งใด’
ช่างเถิด ตอนนี้มิใช่เวลามาพูดคุยกัน รีบจัดการเจ้ามือสังหารพวกนั้นต่างหากที่สำคัญกว่า
เมื่อครู่กู้เจียวใช้ระเบิดจนบาดเจ็บไปสามคน แต่ยังเหลืออีกสิบเอ็ดคน แต่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าก็คือหยวนถังหนีมาไกลจนเรี่ยวแรงแทบจะหมดแล้ว แม้ตอนนี้จะพอฝืนยืนไม่ให้ล้มได้ แต่หากต้องต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ คงไม่มีทางชนะแน่
หยวนถังเอ่ยอย่างจนปัญญา “คงต้องพึ่งเจ้าแล้วล่ะ ท่านหมอกู้”
“ถอยห่างออกไปหน่อย” กู้เจียวเอ่ย
หยวนถังถอยออกไปหลายก้าว ยืนนิ่งอยู่ที่ริมกำแพง
แต่ฝั่งตรงข้ามเป็นถึงมือสังหารชั้นยอดกว่าสิบเอ็ดชีวิต หยวนถังไม่ได้คาดหวังว่ากู้เจียวจะจัดการทั้งหมดได้ด้วยตัวนางเพียงคนเดียว นางเพียงแค่ยื้อเวลาเท่านั้น รอให้เขาได้หายใจหายคอฟื้นพลังปราณอีกสักหน่อย จากนั้นก็พร้อมลงสู่สนามรบอีกครั้ง
สิ่งที่หยวนถังคาดไม่ถึงก็คือ เขายังไม่ทันหายใจ เหล่ามือสังหารตรงหน้าก็ล้มระเนระนาดไปกว่าครึ่ง
ไม่ใช่หรอกกระมัง
แม่สาวน้อยนี่เก่งกาจเพียงนั้นเชียวรึ
กู้เจียวใช้เพียงกระบองยาวท่อนหนึ่ง ไม่มีคราบเลือดให้เห็น แต่ทำเอาคนสลบหมดสติ นางใช้กระบวนท่าที่ท่านเหล่าโหวสอนก่อนออกเดินทาง
นางเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าจะมีประโยชน์เช่นนี้
ตาแก่นี่เก่งไม่เบา
นางเองก็ใช่ย่อย
“โห หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าคงไม่ต้องออกโรงแล้วกระมัง” หยวนถังสองแขนกอดอก รู้สึกว่าแม่หนูผู้นี้สามารถล้มคนพวกนั้นได้ทั้งหมด
วินาทีต่อมาหยวนถังก็รู้สึกว่าตัวเองนั่นด่วนดีใจเกินไป
“หยุดเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเขา!”
ตามมาด้วยเสียงคำรามลั่น ชายหนุ่มชุดดำสวมหน้ากากผู้หนึ่งใช้กระบี่จ่อที่ลำคอของหลิ่วอีเซิง
แววตาของหยวนถังมืดมนลงในทันใด
ท่านพี่!
กู้เจียวโยนร่างของมือสังหารชุดดำในมือออกไปให้พ้นทาง มองไปยังชายสวมหน้ากากชุดดำกับหลิ่วอีเซิงด้วยสีหน้าเรียบเฉย ประกายอันตรายแวบผ่านในแววตา
“ปล่อยเขา” กู้เจียวเอ่ย
น้ำเสียงนั้นหนักแน่น
ชายชุดดำเองก็ตกใจเช่นกันที่เด็กสาวตัวเล็กคนหนึ่งจะแผ่รังสีอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ออกมาได้ ทว่านั้นก็เพียงแค่ชั่ววูบเดียวเท่านั้น
เขาเอ่ยเสียงเย็น “กล้าทำร้ายสหายของข้ามากมายเพียงนี้ ใจกล้าดีนี่! ปล่อยตัวเจ้าหนุ่มนั่นมา แล้วก็ตัดมือของเจ้ามาข้างหนึ่ง จะนับว่าเรื่องนี้เป็นอันเลิกแล้วต่อกัน”
หลิ่วอีเซิงเอ่ยสีหน้าเรียบเฉย “หากวันนี้เป็นพวกเจ้าที่โดนจับ ข้าจะไม่ลงมือ”
“เจ้าหมอนี่! หุบปากเดี๋ยวนี้!” กระบี่ของชายสวมหน้ากากแนบชิดกับลำคอของหลิ่วอีเซิงมากขึ้นเรื่อยๆ คมแนบติดกับลำคอขาว
แววตาของกู้เจียวเย็นยะเยือก “หากเจ้ากล้าแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเล็บ ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต”
หลิ่วอีเซิงและหยวนถังต่างตกตะลึง
ทั้งสองไม่คาดคิดเลยว่ากู้เจียวจะพูดจาเช่นนั้นออกมา
แววตาของหลิ่วอีเซิงดูสับสน
เขาหันไปมองกู้เจียว กู้เจียวเองก็หันมามองเขา
หลิ่วอีเซิงหลับตาลงอย่างไม่ลังเล
วินาทีนั้นเอง แขนข้างหนึ่งของกู้เจียวก็สั่นเทิ้ม กริชเล่มหนึ่งโผล่ของมาจากปลายแขนเสื้อ ไม่มีผู้ใดเห็นว่ากู้เจียวทำอย่างไร แต่พอได้สติกลับมานางก็เขวี้ยงกริชนั้นออกไปอย่างแรงแล้ว!
ชายสวมหน้ากากจ้องกริชที่กำลังพุ่งเข้ามาที่กลางดวงตาของตนเอง เขารีบยกกระบี่ยาวขึ้นป้องกัน บังคมกริชไว้ได้ ทว่าหลิ่วอีเซิงก็ฉวยจังหวะนั้นหนีไปได้เช่นกัน!
“โธ่เว้ย!” เขากัดฟันกรอด
หยวนถังยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก เมื่อครู่เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ จู่ๆ แม่หนูนั่นก็ออกโรง แถมยังส่งสัญญาณลับอะไรกับท่านพี่อีก
ไม่อย่างนั้นท่านพี่จะหลับตาลงทำไม
ว่าแต่ท่านพี่ไม่กลัวแม่หนูนั่นจะพลาดเลยหรือ
หยวนถังอิจฉานัก!
ท่านพี่ยังไม่เชื่อใจเขาขนาดนั้นเลย!