สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 422 พบความจริง (1)
บทที่ 422 พบความจริง (1)
ทุกคนล้วนเคยมีประสบการณ์ผ่านมันมาก่อน มีหรือจะฟังไม่ออกว่า ‘ไม่ค่อยสะดวก’ หมายความว่าอะไร
จวงกุ้ยเฟยเอ่ยเสียงพึมพำ “ล้มขนาดนั้นแล้วยัง…”
จวงไทเฮาปรายตาคมกริบไปมอง จวงกุ้ยเฟยปิดปากฉับ
กลางวันแสกๆ มาทำเรื่องเช่นนี้ค่อนข้างผิดระเบียบแบบแผน ทว่าไท่จื่อกับไท่จื่อเฟยไม่ได้รักกันแค่วันสองวันเสียหน่อย ทั่วทั้งหกตำหนักใครบ้างจะไม่รู้ว่าไท่จื่อโปรดปรานไท่จื่อเฟยเพียงผู้เดียว และไล่สนมทั้งหมดออกไปเพื่อนางด้วย
เซียวฮองเฮายัดเยียดคนมาให้ไท่จื่อ เกือบทำเอาแม่ลูกขาดกัน
ไท่จื่อเอาใจตัวเองไปผูกติดกับเวินหลินหลังทั้งหมด หักใจออกห่างจากนางไม่ได้แม้เพียงก้าวเดียว
ทว่าในทางกลับกันจากความสามารถ หน้าตาและกิริยาท่าทางของเวินหลินหลังแล้วคู่ควรกับการเป็นที่โปรดปรานของไท่จื่อได้ ทั่วทั้งแคว้นเจาไม่มีสตรีใดงดงามและรูปร่างเย้ายวนได้เท่านางอีกแล้ว และไม่มีกุนซือคนใดมีความสามารถเก่งกาจกว่านางอีกแล้วด้วย
ไท่จื่อรอนางมานานหลายปีเพียงนี้ แต่อภิเษกกันมาได้ไม่ถึงสองปี จึงเป็นธรรมดาที่จะตัวติดหนึบเป็นกาว
ทว่าต่อให้ได้รับความโปรดปรานคนเดียวแล้วอย่างไรเล่า ซ้ำยังไม่เห็นนางจะตั้งครรภ์เสียทีเลย
โอรสตนมีความสามารถกว่าอยู่ดี
จวงกุ้ยเฟยคิดมาถึงตรงนี้ก็แย้มยิ้มตบหลังมือหนิงอ๋องเฟย “เจ้าบำรุงร่างกายให้ดีๆ ปีหน้าจะได้มีตัวเล็กให้หนิงอ๋องอีก”
สีหน้าหนิงอ๋องเฟยคล้ายซีดเผือดขึ้นทันใด
“เจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วรึ” จวงไทเฮาถลึงตาใส่จวงกุ้ยเฟยอย่างเย็นชา ก่อนจะเอ่ยกับหนิงอ๋องเฟย “เอาละ พวกเจ้าสองคนกลับไปได้แล้ว หากไม่มีธุระอะไรก็ไม่ต้องมาวังหลวงหรอก”
จวงกุ้ยเฟยเบ้ปาก กำลังจะเอ่ยบางอย่างขึ้น จวงไทเฮากลับไม่ให้โอกาสให้นางได้เอ่ยปากขึ้นเลย “เจ้าก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ!”
จวงกุ้ยเฟยเงียบปากด้วยความโมโห
หนิงอ๋องกับชายาและจวงกุ้ยเฟยกลับไปกันหมดแล้ว ข้างหูจวงไทเฮาจึงได้สงบสุขเสียที
อันที่จริงจะว่าเสียงดัง เสี่ยวจิ้งคงคนเดียวยังเสียงดังกว่าเสียงพวกเขารวมกันเสียอีก แต่เด็กคนนั้นแค่รบกวนหู ไม่ได้รบกวนจิตใจ
“ท่านย่า ท่านย่า ท่านย่า! ท่านดูข้าจับกบสิ!”
พูดปุ๊บก็มาปั๊บจริงๆ
ทางจวงไทเฮาเพิ่งรำพันถึงเสี่ยวจิ้งคง ครู่ต่อมาเด็กจ้ำม่ำคนนี้ก็คว้าคางคกสองตัววิ่งเข้าสู่อ้อมอกของจวงไทเฮาแล้ว
มุมปากจวงไทเฮากระตุกยิก
เพิ่งจะพูดหยกๆ ว่าไม่กวนใจ
ทำไมถึงหักหน้าตัวเองได้ไวปานนี้!
กู้เจียวกลับตำหนักเหรินโซ่วเป็นเพื่อนจวงไทเฮา เพลิดเพลินกับยามว่างที่หาได้ยาก จวงไทเฮาจะเริ่มอ่านฎีกาแล้ว กู้เจียวก็กำลังจะกลับเช่นกัน
ก่อนจะกลับ จู่ๆ จวงไทเฮาก็เอ่ยรั้งนางไว้ “ในใจลิ่วหลังไม่มีใครอื่น เรื่องบางเรื่องที่แล้วไปแล้วก็ให้มันแล้วไป เจ้าอย่าได้เอามาใส่ใจ”
กู้เจียวมึนงงกับประโยคที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยนี้สุดๆ เหตุใดจู่ๆ จึงเอ่ยถึงเซียวลิ่วหลังขึ้นมาเล่า นางไปใส่ใจเรื่องราวในอดีตอะไรของเขารึ
หลังจากกู้เจียวกลับไป ฉินกงกงก็ตักน้ำร้อนมาให้จวงไทเฮาเช็ดหน้า
เห็นจวงไทเฮาท่าทางมีเรื่องในใจ เขาจึงอดถามขึ้นไม่ได้ “ไทเฮา วันนี้ท่านเป็นอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
จวงไทเฮาเอ่ย “เรื่องเมื่อครู่นี้เจ้าไม่เห็นรึ”
ฉินกงกงถาม “ท่านหมายถึง…เรื่องใดรึ”
จวงไทเฮาปรายตามองเขา “ไท่จื่อเฟยได้รับบาดเจ็บ นึกไม่ถึงว่าเจียวเจียวจะออกปากไปตำหนักบูรพาเพื่อรักษาให้นาง นางเป็นคนใจบุญศุลทานเพียงนี้เชียวรึ”
ฉินกงกง …มีใครว่าหลานตัวเองแบบนี้ด้วยรึ เหตุใดจู่ๆ แม่นางกู้ก็ไม่ใจบุญศุลทานแล้วเล่า
แค่ก ในทางกลับกัน แม่นางกู้ค่อนข้างใจดำอยู่บ้างจริงๆ ไม่เหมือนคนที่จะออกตัวไปรักษาให้คนในวังได้
ฉินกงกงยังคงไม่เข้าใจ “ท่านกำลังกังวลอะไรอยู่หรือ”
จวงไทเฮาถอนใจเอ่ย “ข้ากังวลว่านางจะรู้ตัวตนของลิ่วหลังแล้ว แล้วไปถือสาอดีตลิ่วหลังที่มีคู่หมั้นคู่หมายแล้วน่ะสิ”
“อ่า…” ฉินกงกงสีหน้ากระจ่างแจ้ง “เป็นไปไม่ได้กระมัง”
จวงไทเฮาแค่นเสียงเอ่ย “ไม่อย่างนั้นนางจะตามไปดูรึ”
ฉินกงกงคิดแล้วก็มีเหตุผล “ก็จริงพ่ะย่ะค่ะ”
กู้เจียวยังไม่รู้ว่าการกระทำตัวเองเรียกความสงสัยจากท่านย่าขึ้นมา ซ้ำยังถูกท่านย่าเข้าใจผิดว่าเป็นสตรีขี้หึงอีก
เอ่อ…หึงหวงอย่างนั้นหรือ ต่อให้อีกสามภพสามชาติก็คงไม่มี
กู้เจียวออกจากตำหนักเหรินโซ่วแล้วก็ไม่ได้ไปพาเสี่ยวจิ้งคงกับสวี่โจวโจวกลับบ้าน นางไปอีกที่หนึ่งแทน
หนิงอ๋องกับหนิงอ๋องเฟยพาท่านหญิงน้อยสองคนออกจากวังหลวง ท่านหญิงน้อยมีรถม้าโดยเฉพาะ ทั้งสองถูกแม่นมอุ้มขึ้นรถม้าไป
หนิงอ๋องก็ส่งหนิงอ๋องเฟยขึ้นรถม้าเช่นกัน ส่วนเขาเองไม่ได้ขึ้นไป
เขายืนอยู่ข้างหน้าต่างรถ มองไปยังหนิงอ๋องเฟยที่สีหน้าค่อนข้างเหนื่อยล้าอย่างอ่อนโยนผ่านหน้าต่างที่เลิกขึ้น ก่อนเอ่ยเสียงเนิบช้า “เหนื่อยแย่แล้วกระมัง เดิมทีร่างกายเจ้าก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ควรรักษาตัวให้ดีที่จวนต่างหาก ข้าไม่รอบคอบเอง”
“ไม่เป็นไรเลยเพคะ” หนิงอ๋องเฟยเห็นเขาไม่ขึ้นมาก็เดาว่าเขาจะไม่กลับจวน แต่ก็ยังถามออกไป “ท่านอ๋องไม่กลับหรือ”
“อืม” หนิงอ๋องยิ้ม “เจ้าเจ็ดก่อเรื่องใหญ่ไว้ ยามนี้อาจจะกำลังรับโทษอยู่ในห้องทรงอักษร ข้าต้องไปดูหน่อย จะให้เสด็จพ่อลงโทษเขาหนักขึ้นมาจริงๆ ไม่ได้”
เขาเป็นพี่ชายที่รักเอ็นดูน้องชายมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าเจ็ดก็ยังเด็ก ซ้ำยังไม่ได้เกิดความขัดแย้งผลประโยชน์ใดๆ กับเขา เขารักเจ้าเจ็ดไม่ว่าจะทางด้านใดล้วนไม่มีขัดแย้ง
หนิงอ๋องเฟยพลันมองเขาขวับ ดวงตามีความซับซ้อนวาบผ่าน “จะไปจริงๆ หรือเพคะ”
หนิงอ๋องชะงัก จากนั้นก็เผยรอยยิ้มจนใจออกมาโดยที่นางจับตาดูอย่างหนัก “นิสัยไท่จื่อเจ้าก็รู้ แม้เจ้าเจ็ดจะเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่ครานี้เจ้าเจ็ดชนไท่จื่อเฟยจนบาดเจ็บ เกรงว่าเขาก็กำลังโมโหอยู่ ไม่มีทางแก้ต่างให้เจ้าเจ็ดแน่”
หนิงอ๋องเฟยจับหน้าต่างไว้แน่น “ถ้า…ข้าไม่ให้ท่านไปล่ะ”
หนิงอ๋องมองนางอย่างรักใคร่และจนใจ ก่อนยิ้มเอ่ย “ซู่ซิน อย่าดื้อ”
หนิงอ๋องเฟยหลุบตาลงคล้ายละทิ้งความงี่เง่าไร้เหตุผลของตัวเองไป แล้วปล่อยมือที่กำหน้าต่างรถแน่นออก “เพคะ”
หนิงอ๋องยื่นมือออกไปลูบแก้มเย็นเยียบของนาง “เด็กดี อีกเดี๋ยวข้าก็กลับแล้ว คืนนี้ไปฟังละครเป็นเพื่อนเจ้า”
หนิงอ๋องเฟยชอบฟังละคร เพื่อทำให้ภรรยาเบิกบานใจ หนิงอ๋องที่ไม่หลงใหลในกวีและศิลปะมาแต่ไหนแต่ไรพลันเลี้ยงคณะละครไว้ที่จวนทันที เห็นได้ชัดว่าอ๋องเฟยมีความรักที่ลึกซึ้งเท่าใด
หนิงอ๋องเฟยไม่ได้เอ่ยเกลี้ยกล่อมรั้งให้อยู่ต่ออีก นางดึงไม้ขัดดานออกเบาๆ แล้วปล่อยบานหน้าต่างรถม้าลง
ณ ตำหนักบูรพา
ไท่จื่อเฟยนั่งพิงหัวเตียง แขนเสื้อกับกระโปรงถูกเลิกขึ้นสูง ไท่จื่อตั้งอกตั้งใจทายาทาแผลที่สุดท้ายให้นางเรียบร้อยแล้วก็เอ่ยอย่างโล่งอก “เสร็จแล้ว ทาเสร็จหมดแล้ว ช้าก่อน เจ้าอย่าเพิ่งขยับ ข้าขอดูก่อนว่ายังมีแผลที่อื่นอีกหรือไม่”
“ไม่มีแล้ว” ไท่จื่อเฟยเอ่ย “ไม่มีตรงไหนเจ็บแล้ว”
ไท่จื่อเอ่ย “บางที่ตอนนั้นเจ้าไม่เจ็บ แต่ผ่านไปสักพักอาจจะช้ำขึ้นมาก็ได้”
ไท่จื่อเฟยไม่กล้าพูดอะไร ปล่อยให้เขาตรวจสอบตัวเองอย่างละเอียด
เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว แก้มนางก็พลันแดงก่ำ
เดิมทีที่เลิกกระโปรงนางขึ้นเพราะจะทายาให้นาง ทว่าเห็นท่าทางน่าสงสาร หน้าตาแดงก่ำ เขินอายหนักแล้ว ไท่จื่อจึงรู้สึกลำคอแห้งผากขึ้นมา
ทว่าเขายังไม่เป็นสัตว์ร้ายถึงขนาดย่ำยีนางตอนหลินหลังบาดเจ็บ
ดังนั้นที่กู้เจียวบอกว่าไม่สะดวกเป็นความหมายตามตัวเพียงเท่านั้นจริงๆ ไท่จื่อกำลังช่วยไท่จื่อเฟยทายาอยู่ ไม่สะดวกรับแขก ไม่ได้มีความหมายอื่นแอบแฝง
กู้เจียวไม่ได้โกหก
เพียงแต่คนอื่นๆ ไปคิดเสริมเติมแต่งเอาเองก็จะมาโทษนางไม่ได้แล้ว
ไท่จื่อเฟยเอ่ยกับไท่จื่อ “ฝ่าบาทไปดูเจ้าเจ็ดสักหน่อยเถิด หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้ว ฝ่าบาทอย่าโกรธเจ้าเจ็ดนักเลย จำไว้ว่าต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อต้องพูดจาแก้ต่างให้เจ้าเจ็ดสักหน่อย ฝ่าบาทชอบให้พี่น้องรักกัน อย่าทำร้ายความเป็นพี่น้องเพียงเพื่อสตรีคนหนึ่งเลย”
ไท่จื่อกัดฟันเอ่ย “ข้าแทบจะหิ้วเขาขึ้นมาชกสักเปรี้ยง!”
ไท่จื่อเฟยแย้มยิ้ม “ฝ่าบาทเชื่อข้าสิ”
ไท่จื่อถอนหายใจ “เอาละ ข้ารู้แล้ว ตามใจเจ้านั่นแหละ”