สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 425 ตบหน้า (2)
บทที่ 425 ตบหน้า (2)
“หนิงอ๋องไปทำอะไรเจ้าไว้รึ” กู้เฉิงเฟิงรู้จักกู้เจียวดี นางไม่ใช่คนที่ขโมยของเพราะเรื่องเงินแน่ๆ
“รีบไปหาเร็วสิว่าเขาซ่อนทองไว้ที่ไหน” กู้เจียวเอ่ย
กู้เฉิงเฟิงนึกในใจ เปลี่ยนเรื่องเร็วขนาดนี้จะดีหรือ
หนิงอ๋องเป็นองค์ชายที่ร่ำรวย กู้เฉิงเฟิงใช้เวลาไม่นานก็เจอเข้ากับที่เก็บสมบัติของหนิงอ๋องจนได้
“เจ้าต้องการเท่าไหร่” กู้เฉิงเฟิงเอ่ยถาม
“เอาเท่าที่พวกเราขนไหวนั่นแหละ” กู้เจียวเอ่ยพลางหยิบถุงกระสอบสอบสองถุงออกมาจากตะกร้า “ขนไปให้หมดเลย”
กู้เฉิงเฟิง “…”
ในท้ายที่สุด ทั้งสองออกจากจวนหนิงอ๋องโดยมีกระสอบสองใบที่เต็มไปด้วยทองคำแท่งอยู่บนหลัง และยังมีทองคำแท่งหนึ่งที่ไม่สามารถใส่ได้ ดังนั้นเป็นหน้าที่ของเสียวจิ่วที่ต้องคาบมันกลับ
สองคนและอีกหนึ่งนกปล้นทองและหลบหนีออกจากจวนหนิงอ๋องได้สำเร็จ
กว่าหนิงอ๋องจะรู้เรื่องก็ล่อไปวันที่สองของช่วงบ่าย
ทันทีที่หนิงอ๋องออกมาจากวัง เขาเห็นองครักษ์คนสนิทรีบวิ่งเข้ามา “แย่แล้วท่านอ๋อง ห้องเก็บของถูกยกเค้าพ่ะย่ะค่ะ!”
“ห้องเก็บของไหนรึ” เขามีห้องเก็บของหลายแห่ง มีทั้งของเขาเองและของหนิงอ๋องเฟย
องครักษ์คนสนิทเอ่ยอย่างฝืนๆ “…ห้องเก็บของที่เก็บทองของท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
หนิงอ๋องขมวดคิ้วตึง!
“หายไปเท่าไหร่” เขาเอ่ยถามพลางกำหมัดแน่น
“ทั้ง… ทั้งหมดเลย พ่ะย่ะค่ะ”
“วังหลวงมีเวรยามคุ้มกันอย่างแน่นหนา จะมีคนขนย้ายทองคำจำนวนมากออกมาได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงว่าวังแห่งนี้มีค่ายกล! พวกทหารยามตายกันหมดแล้วหรือไร หรือว่าค่ายกลมันไม่ทำงาน!”
“ไม่ ไม่ใช่ทั้งหมดเลยขอรับ” ทหารคนสนิทเอ่ยเสียงอ่อน
เขาเองก็รู้สึกผิดไปด้วย
ทหารของวังก็เดินตรวจตราเหมือนเดิม ไม่มีอะไรผิดปกติ และค่ายกลต่างๆ ก็ทำงานตามปกติ
ใครจะรู้ว่าคลังสมบัติหนิงอ๋องถูกขโมยไปได้อย่างไร
หนิงอ๋องรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย เขาควรสนใจว่าใครหน้าไหนที่มีความกล้าที่จะย้ายคลังสมบัติของเขามากกว่าใครที่มีความสามารถในการโยกย้ายคลังสมบัติของเขารึ
เขาเป็นบุตรชายคนโตของฮ่องเต้ ไม่เพียงได้รับความรักความโปรดปรานของฮ่องเต้เท่านั้น แต่ยังได้รับความเคารพจากฮองเฮาและการสนับสนุนจากตระกูลจวง แม้แต่เซียวฮองเฮาและไท่จื่อก็ไม่กล้าแตะต้องเขาง่ายๆ
แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร
จู่ๆ ภาพของร่างเล็กนั่นพลันปรากฏเข้ามาในหัวของเขา
จะใช่นางรึ
ด้วยเหตุผลแล้ว หนิงอ๋องมองว่าไม่น่าเป็นไปได้ แม้ว่านางจะได้รับความโปรดปรานจากไทเฮาและฮ่องเต้ แต่นางก็เป็นคนนอกและเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
ทหารคนสนิทเอ่ยทัก “ท่านอ๋อง จะแจ้งทางการหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ทันใดนั้นแววตาของหนิงอ๋องพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา “เจ้าอยากให้ข้าซวยรึไง”
“กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ!” ทหารคนสนิทรีบเอาหัวก้มติดพื้น
ทองมากมายขนาดนั้น เกรงว่าคนที่ถูกตรวจคงจะเป็นเขาเองน่ะสิ
หนิงอ๋องหรี่ตาลง
ดีจริงๆ ความซวยอันไร้สุ้มเสียงแบบนี้
สุดท้ายหนิงอ๋องตัดสินใจไปที่โรงหมอ
วันนี้มีเสมียนคนหนึ่งขอลา อีกทั้งเสี่ยวเจียงหลีและเสมียนอีกคนงานยุ่งจนไม่สามารถเข้ามาช่วยได้ กู้เจียวก็เลยต้องเข้ามาช่วยแทน
หลังจากที่กู้เจียวตวงยาให้คนไข้เสร็จ ก็เจอกับหนิงอ๋องผู้สูงศักดิ์ยืนอยู่กลางห้องโถงโรงหมอ
รูปร่างหน้าตาและท่าทางของหนิงอ๋องถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาเจ้าชาย เขามีรูปลักษณ์ของฮ่องเต้ และดูจริงใจเป็นมิตร ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางเทียบได้
ทั้งห้องโถงเงียบลงชั่วขณะ
เมื่อเขาปรากฏตัว
นอกจากกู้เจียว ไม่มีใครรู้ตัวตนของเขา แต่ความสูงส่งที่ส่องประกายออกมายังคงทำให้ทุกคนหยุดหายใจ
“อันนี้สามเหรียญนะ…” กู้เจียวบอกกับเจียงหลี ก่อนจะเดินออกมาช้าๆ
หนิงอ๋องหยุดยืนอยู่หน้าจุดชำระเงิน ซึ่งมีผู้ดูแลหวังยืนอยู่ตรงนั้น
ผู้ดูแลหวังรู้สึกตะลึงกับท่าทางและรูปร่างหน้าตาของหนิงอ๋องจนตาค้าง
หนิงอ๋องเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน แน่นอนว่าเขาเอ่ยกับกู้เจียว “ท่านหมอกู้”
“มีเรื่องอันใดรึ” กู้เจียวเอ่ยถาม
หนิงอ๋องยิ้มพลางเอ่ย “ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่ผ่านมาที่นี่และต้องการถามเกี่ยวกับอาการของซู่ซิน ได้ยินมาว่าท่านหมอกู้ได้เข้าไปตรวจให้ซู่ซินแล้ว”
กู้เจียวเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “อ๋อ ใช่ ระหว่างนี้ไม่มีปัญหาอะไร กินยาต่อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวอาการก็ดีขึ้น”
แม้ทักษะการแสดงของกู้เจียวจะดูขัดตาอยู่บ้าง แต่นางก็ไม่ใช่คนที่เผยพิรุธง่ายเสียทีเดียว
“ไม่ทราบว่าเมื่อคืนนี้ท่านหมอกู้อยู่ที่แห่งหนใดหรือ” หนิงอ๋องเอ่ยถามพลางจ้องเขม็งมาทางกู้เจียว
“ข้าอยู่ที่ตำหนักเหรินโซ่วน่ะ ไม่ทราบว่าหนิงอ๋องทรงอยากทราบเรื่องนี้เพราะเหตุใดกัน” กู้เจียวเลิกคิ้วถาม
ตุ้บ!
เป็นเสียงคุกเข่าของผู้ดูแลหวัง
สีหน้าท่าทางของหนิงอ๋องไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่นิด เขายังคงใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเคย เว้นเสียแต่สายตาของเขาที่เริ่มเผยให้เห็นเลศนัย
เขาเดินเข้าไปใกล้กู้เจียว ลดศีรษะลงเล็กน้อย ให้ความรู้สึกราวกับทั้งสองสนิทสนมกัน
ส่วนกู้เจียวเองก็ไม่ได้มีท่าทีจะหลบอย่างใด กลับยังคงจ้องคนตรงหน้าเขม็ง
หนิงอ๋องยิ้มเล็กน้อย “ท่านหมอกู้ พวกเราไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันแบบนี้ ไทเฮาทรงรักท่านมาก พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว”
กู้เจียวนึกในใจ อ๋อ แปลว่าคนในเรือเดียวกันสามารถฆ่าใครก็ได้หรือไม่ก็เผาอะไรก็ได้อย่างนั้นสิ
จากนั้น หนิงอ๋องขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ก่อนจะพูดที่ข้างหูกู้เจียว “เจ้ายังเด็กนัก ยังไม่รู้ซึ้งถึงภยันตรายที่แท้จริง เห็นแก่ไทเฮา ข้าจะบอกเอาบุญไว้อย่างนึงนะ เจ้าต้องรู้จักตนเอง อย่าประเมินตัวเองสูงเกินไป และอย่าโลภเกินไป ความลึกของน้ำในสระในเมืองหลวงน่ะมันลึกสุดๆ เลยล่ะ เจ้าเลือกจะว่ายแค่เผินๆ ก็ได้ อย่าเผลอลงลึกล่ะ ข้าเกรงว่าจะเอาตัวไม่รอดน่ะ”
“ท่านหนิงอ๋องสบายใจได้ ข้าชอบน้ำมากเลยน่ะ” กู้เจียวเอ่ยตอบด้วยเสียงเบา
หนิงอ๋องหรี่ตาลงหลังจากเจอความอวดดีของกู้เจียวไป เขายืดตัวขึ้นก่อนจะเอ่ยลา “ท่านหมอกู้ ดูแลตัวเองด้วย”
กู้เจียวเอามือกอดอก “ไม่ออกไปส่งนะ”
หลังจากที่หนิงอ๋องออกไป ผู้ดูแลหวังค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพลางปาดเหงื่อ “มะ มะ มะเมื่อ…เมื่อครู่นี้คือหนิงอ๋องจริงๆ รึ”
“อืม” กู้เจียวเอ่ยตอบ พลางหยิบแท่งทองออกมาวางไว้บนโต๊ะสองอัน
ผู้ดูแลหวังแสดงสีหน้าตะลึง “นี่มันอะไรอีกล่ะเนี่ย”
“ค่าเสียหายจากคนที่วางเพลิงน่ะ” กู้เจียวเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบามองตามหนิงอ๋องที่กำลังเดินออกไปด้วยความโกรธ
ผู้ดูแลหวัง “…”
หลังจากที่หนิงอ๋องออกจากโรงหมอ ก็รีบมุ่งหน้าไปที่พระราชวังในทันที
เมื่อคืนนี้กู้เจียวจะอยู่ที่ตำหนักเหรินโซ่วหรือไม่นั้นเขาต้องสืบความจริงให้ได้ ทว่าพอเขาเข้าไปในวัง ก็เจอกับไท่จื่อเฟยที่กำลังทำหน้าตาตื่น
ข้างกายไท่จื่อเฟยมีเพียงแค่ชุนอิ๋งเท่านั้น
พอชุนอิ๋งเห็นหนิงอ๋องเฟย ก็รีบถอยตัวอออกไป
ไท่จื่อเฟยยังคงอยู่ในสภาพตกใจ โดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้คนที่ยืนข้างๆ นางไม่ใช่ชุนอิ๋งแล้ว
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น…จริงหรือ…เพราะเหตุใด”
ไท่จื่อเฟยหันหน้าไปทางตำหนักหลวง พลางพยายามจะเอามือคว้ามือของชุนอิ๋ง
แต่พอรู้ว่ามือที่นางกำลังจับไม่ใช่ของชุนอิ๋ง จึงรีบหันกลับมาแล้วชักมือกลับ
บังเอิญที่รอบๆ นั้นไม่มีใครเดินผ่านไปมา อีกทั้งจุดที่พวกเขายืนมีต้นไม้ใหญ่บังอยู่
หนิงอ๋องเดินเข้ามาใกล้โดยไม่ละอายใจ แผ่นอกกว้างของเขาเกือบจะกดทับกับแผ่นหลังที่สั่นเล็กน้อยของคนตรงหน้า “เจ้าเห็นอะไรรึ เหตุใดถึงสั่นผวาเช่นนี้”
ไท่จื่อเฟยพยายามเบือนหน้าหนี ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหนึ่งนางมีความเคียดแค้นและกริ้วเล็กน้อย “อาเหิงกลับมาแล้ว”
หนิงอ๋องเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าว่าอย่างไรนะ”
ไท่จื่อเฟยหันกลับมาจ้องเขาด้วยสีหน้าและแววตาเชือดเฉือน “อาเหิงกลับมาแล้ว… เซียวเหิงคนที่เจ้าเคยฆ่าเขา เขากลับมาแล้ว!”