สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 426 ลงมือ (1)
บทที่ 426 ลงมือ (1)
“ไหนเจ้าว่ามาให้ชัดเจนทีสิ!” หนิงอ๋องยื่นมือบีบที่ลำคอไท่จื่อเฟย ก่อนดันร่างของนางชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่
ไท่จื่อเฟยรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีทางบีบคอนางจนตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ ก่อนจะแสยะยิ้มให้อย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัวใดๆ พลางเอ่ย “จะให้ข้าพูดอะไรล่ะ ให้บอกว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนฆ่าเซียวเหิง หรือให้บอกว่าเซียวเหิงกลับมายังเมืองหลวงด้วยสภาพไร้วิญญาณดีล่ะ”
ไท่จื่อเฟยก็แกะมือของหนิงอ๋องออก “ชุนอิ๋ง เราไปกันเถอะ!”
ชุนอิ๋งมองดูทั้งสองด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะรีบเดินตามไท่จื่อเฟยออกไป
หนิงอ๋องใช้มือค้ำร่างของตัวเองกับต้นไม้ใหญ่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ฉีเฟย”
เขาตะโกนเรียก
“นายท่าน!” ทหารองครักษ์คนสนิทนามฉีเฟยจึงปรากฏกายขึ้น
หนิงอ๋องหันหน้าไปทางตำหนักหลวง พลางเอ่ย “เจ้าไปตรวจทีว่าภายในครึ่งชั่วยามนี้มีใครเข้าออกที่ตำหนักบ้าง”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ฉีเฟยเป็นคนทำงานเร็ว พอได้รับคำสั่งก็รีบติดต่อคนที่คอยเป็นหูเป็นตาให้ในวัง ไม่นานก็ได้รายชื่อตามที่หนิงอ๋องต้องการมาได้
ในรถม้า ฉีเฟยอ่านรายชื่อให้หนิงอ๋องฟัง
“…ท่านใต้เท้าข่ง ราชบัณฑิตแห่งศาลาองคมนตรี ใต้เท้าสวี่เจ้ากรมกลาโหมม ใต้เท้าจ้าว เจ้ากรมโยธา ราชเลขาหยวน ฮั่วจี้จิ่ว… เซียวซิวจ้วน”
“ฮั่วจี้จิ่วและใครนะ” หนิงอ๋องชะงักขณะที่หัวแม่มือกำลังลูบแหวนหยก
ฉีเฟย “ท่านเซียวซิวจ้วนจากสำนักฮั่นหลินพ่ะย่ะค่ะ ดูเหมือนว่าชื่อจริงของเขาคือ…เซียวลิ่วหลังพ่ะย่ะค่ะ”
“คนที่หน้าคล้ายกับท่านโหวน้อยน่ะหรือ” หนิงอ๋องเอ่ยถาม
“ใช่ ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เรื่องใบหน้าค่าตาของเซียวลิ่วหลังไม่ได้เป็นความลับอะไรแล้วในวัง แม้คนธรรมดาจะไม่เคยได้ยิน แต่คนระดับหนิงอ๋องย่อมต้องรู้มาบ้าง
เขาเป็นเด็กที่เกิดในชนบท ใช้ความสามารถของตนเองผ่านบททดสอบต่างๆ มาได้จนได้เข้าเรียนในกั๋วจื่อเจียน และต่อมาก็ได้ขึ้นเป็นจอหงวนคนปัจจุบัน
บ้างก็พูดกันว่าที่เขามาถึงจุดนี้ได้เป็นเพราะเซวียนผิงโหว เพราะมองว่าเขาเคยสูญเสียลูกชายสุดที่รักไป และบังเอิญไปพบคนที่ซมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับลูกชายของเขามาก ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเอ็นดูขา
ไม่มีใครสงสัยเลยว่าเขาคือเซียวเหิง เพราะเซียวเหิงตายไปแล้ว
นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนปักใจเชื่อ
แต่เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเซียวลิ่วหลังดูเหมือนว่าหนิงอ๋องจะรู้เยอะกว่าใครเพื่อน เช่นเรื่องที่ทุกคนคิดว่าไทเฮาพักฟื้นอยู่ที่ตำหนักตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่จริงๆ แล้วทรงร่อนเร่พเนจรอยู่นอกวัง จากนั้นก็ได้รับความช่วยเหลือจากเซียวลิ่วหลังและกู้เจียว
ไม่ว่าเซียวลิ่วหลังจะใช้ความสามารถของตัวเองหรือว่ามีไทเฮาและฮ่องเต้คอยช่วยเหลืออยู่นั้น ล้วนไม่สำคัญทั้งสิ้น
ถ้าเขาไม่ใช่เซียวเหิงจริงๆ อย่างไรเสียหนิงอ๋องคงไม่เข้าไปยุ่งกับเขา
เซียวเหิงน่ะตายไปแล้ว ต่อให้เซียวลิ่วหลังจะเหมือนเซียวเหิงมากแค่ไหนอย่างไรก็ไม่ใช่คนเดียวกันอยู่ดี
เว้นเสียแต่ว่า เซียวเหิงยังไม่ตาย!
“นายท่าน ยังมีรายชื่ออีกพ่ะย่ะค่ะ ทรงฟังต่อหรือไม่” ฉีเฟยเอ่ยถาม
“ไม่ต้องแล้ว” หนิงอ๋องถูแหวนหยกในมือไปมา “ไปสืบเบาะแสของฮั่วจี้จิ่วกับเซียวลิ่วหลัง”
เขาไม่อาจด่วนตัดสินได้ว่าคำพูดของเวินหลินหลังเป็นความจริง
การสืบเรื่องนี้ไม่ยากเกินสำหรับเขา
หากเป็นตอนก่อนที่จี้จิ่วจะกลับมาทำงานที่กั๋วจื่อเจียนยังพอจะปกปิดร่องรอยที่อยู่ได้บ้าง แต่บัดนี้เขาได้เข้าทำงานในสำนักแล้ว ไม่ว่าจะเดินเหินไปไหนก็เต็มไปด้วยสายตาของผู้คน
นอกจากนี้ ผู้คนในกั๋วจื่อเจียนคิดว่าที่จี้จิ่วอาวุโสติดต่อกับเซียวลิ่วหลังอยู่บ่อยๆ เพราะเขาคิดถึงศิษย์อันเป็นที่รักที่ตายจากไป จึงไม่มีใครสงสัย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลที่จะปกปิดมัน
ฉีเฟยใช้เวลาเพียงแค่สองวันก็สามารถสืบเรื่องที่จี้จิ่วอาวุโสและเซียวลิ่วหลังเป็นเพื่อนบ้านกันได้แล้ว
“เขาเรียกจี้จิ่วอาวุโสว่าท่านปู่พ่ะย่ะค่ะ” ฉีเฟยเอ่ย
หนิงอ๋องขมวดคิ้ว
ถ้าจำไม่ผิด เซียวลิ่วหลังและกู้เจียวเรียกไทเฮาว่าท่านย่านี่นา
ไทเฮากับจี้จิ่วอาวุโสอย่างนั้นรึ….
หนิงอ๋องขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกตงิดใจ “พูดต่อสิ!”
“พ่ะย่ะค่ะ” ฉีเฟยจึงพูดต่อ “เซียวลิ่วหลังและครอบครัวย้ายมาอาศัยที่ตรอกปี้สุ่ย จากนั้นฮั่วจี้จิ่วจึงย้ายตามมาพ่ะย่ะค่ะ”
หนิงอ๋องเอ่ยถาม “เขาย้ายไปตอนช่วงก่อนหรือหลังเข้าทำงานที่กั๋วจื่อเจียนล่ะ”
“ก่อนพ่ะย่ะค่ะ” ฉีเฟยตอบ
จู่ๆ นึกอ๋องเกิดฉุกคิดอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นขึ้นมาได้
หลังจากที่เซียวเหิงตายในกองเพลิง ฮั่วเสียนรู้สึกละอายใจและลาออกจากตำแหน่งรวมถึงเมืองหลวง
ตอนแรกหนิงอ๋องคิดว่าที่ฮั่วเสียนกลับมารับราชการที่เมืองหลวงอีกครั้งเป็นเพราะฝ่าบาททรงเรียกเขากลับมา แต่พอมารู้เรื่องนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช้แบบนั้นเสียแล้ว
ที่เขากลับมายังกั๋วจื่อเจียนที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันโหดร้ายก็เพราะเซียวลิ่วหลังสินะ
สถานที่ที่ศิษย์อันเป็นที่รักถูกไฟคลอกตาย คนอย่างเขาจะมีใจกลับไปทำงานในที่แบบนั้นทุกวันได้อย่างไร
ดูอย่างองค์หญิงซิ่นหยางก็น่าจะพอเข้าใจได้แล้ว ที่นางไม่กล้ากลับมาจวนองค์หญิง ก็เพราะไม่อยากเห็นภาพสะเทือนใจอย่างไรเล่า
เมื่อก่อนนี้ หนิงอ๋องมองข้ามรายละเอียดพวกนี้มาโดยตลอด เพราะเขาคิดว่าเซียวเหิงตายไปแล้วจริงๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ระแคะระคายใจอะไร
แต่พอวันนี้ มาคิดดูดีๆ แล้ว ดูเหมือนทุกอย่างเริ่มจะเข้าเค้ามากขึ้น
หากเซียวเหิงยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ท่าทีของฮั่วจี้จิ่วดูจะเป็นการส่งเสริมคำตอบมากที่สุด
“เซียวเหิง จี้จิ่วน้อย ท่านโหวน้อย!”
….
ณ สำนักฮั่นหลิน
“ลิ่วหลัง ลิ่วหลัง ลิ่วหลัง!”
ทันใดนั้นเซียวลิ่วหลังก็ตื่นขึ้นจากการหลับใหล ลืมตาขึ้นและเงยหน้าขึ้น และเห็นหนิงจื้อหย่วนยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขาด้วยท่าทางประหลาดใจ
“เจ้า ไม่เป็นไรใช่ไหม” หนิงจื้อหย่วนมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด “เหงื่อออกเต็มเลย ไม่สบายรึ เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือ”
เซียวลิ่วหลังตอบด้วยเสียงงัวเงีย “เมื่อคืนนอนดึก”
หนิงจื้อหย่วนร้องอ๋อ “ไม่แปลกใจเลย ก็ว่าแล้วว่าทำไมข้าไม่เห็นเจ้าออกมาสักที เลยเวลาเลิกงานมาตั้งนานแล้ว ต่อไปเจ้าอย่าเป็นแบบนี้อีกล่ะ ไม่งั้นบัณฑิตหานไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ”
เซียวลิ่วหลังไม่ได้งีบหลับในช่วงเวลาปฏิบัติหน้าที่ แต่นอนลงบนโต๊ะสักพักเมื่อถึงเวลาเลิกงาน
เพียงแต่เขาคาดไม่ถึงว่าจะฝันถึงเหตุการณ์เพลิงช่วงปีใหม่ครั้งนั้น
เขาไม่ได้ฝันถึงมันมานานแล้ว อีกทั้งคิดว่าคงลืมไปแล้วด้วย แต่ภาพในฝันที่เกิดขึ้น ทั้งเพลิง และความรู้สึกสิ้นหวัง มันทำให้เขาแทบอยากหยุดหายใจ
“ที่เจ้ามาหาข้า มีธุระอันใดรึ” เซียวลิ่วหลังถาม
“ไม่มีธุระแล้วมาหาเจ้าไม่ได้หรืออย่างไร” หนิงจื้อหย่วนเลิกคิ้วพลางหัวเราะ “คืนนี้มีเลี้ยงฉลอง เจ้าไปหรือไม่”
“ไม่ไป” เซียวลิ่วหลังตอบอย่างไม่ต้องคิด
“เฮ้อ เจ้าหมอนี่! นี่ข้าทำเพื่อเจ้านะ ใต้เท้าหานก็ไปด้วย เป็นที่ปลอดภัยน่า ไหนเจ้าอยากได้ตำแหน่งซื่อตู๋มิใช่หรือ อย่างน้อยก็ต้องไปสร้างสัมพันธ์กับใต้เท้าหานหน่อยสิ”
“ไม่ไป” เซียวลิ่วหลังยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง
“เอาละ เอาละ ไม่ไปก็คือไม่ไป ยังหนุ่มยังแน่น ไฉนถึงได้กลัวเมียยิ่งกว่าข้าอีก” หนิงจื้อหย่วนบ่นอุบอิบก่อนจะเดินออกไป
ขณะเดียวกันที่โรงหมอ กู้เจียวเองก็ฝันเช่นกัน
ในความเป็นจริง กู้เจียวไม่ได้ฝันมานานแล้ว แต่คราวนี้กู้เจียวกลับฝันถึงเซียวลิ่วหลังอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในฝันเป็นภาพเซียวลิ่วหลังกำลังเดินออกจากสำนักฮั่นหลิน และท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยหิมะตกหนัก
ขณะที่เซียวลิ่วหลังไปซื้อขนมเปี๊ยะไส้ผัก พอเดินออกมาจากร้านก็ถูกกลุ่มโจรบุกโจมตี
ด้วยความที่เซียวลิ่วหลังไม่ใช่คนที่มีวรยุทธ ครั้นจะให้สู้คงสู้ไม่ไหว จึงใช้สมองอันปราดเปรื่องของเขาหาวิธีหลบหนีออกมาได้ แต่น่าเสียดาย ขณะที่กำลังหลบเขาดันเกิดสะดุดล้มจนหมดสติ แถมมือของเขายังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
กว่าร่างของเขาจะถูกนำส่งไปโรงหมอ มือขวาของเขาก็ใช้การไม่ได้เสียแล้ว
หลังตื่นจากฝัน กู้เจียวถึงกับพูดหน้านิ่ง “สมกับเป็นสามีของข้า ศัตรูทำอะไรเจ้าไม่ได้ มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่ทำตัวเอง”
หิมะตกอย่างนั้นรึ
ยังอีกตั้งนานสินะ
นี่เพิ่งจะเดือนแปดเอง