สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 445 แผนร้ายถูกเปิดโปง
บทที่ 445 แผนร้ายถูกเปิดโปง
หนิงอ๋องได้ยินก็ระแวดระวังขึ้นตามสัญชาตญาณ เพียงไม่นานเขาก็กำจัดการคาดเดานี้ไป “เจ้าวางยาข้าจริงๆ รึ แต่เกรงว่าเจ้าคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ ขนมเปี๊ยะของเจ้า ข้าไม่ได้กิน!”
กู้เจียวทอดถถอนใจอย่างช้าๆ “ไม่กินก็ถูกแล้ว อีกเดี๋ยวท่านก็รู้สึกไม่สบายแล้วล่ะ”
หนิงอ๋องขมวดคิ้ว
ไม่รอให้เขาถามนางว่าเหตุใดจึงเอ่ยเช่นนี้ จู่ๆ ร่างเขาก็เกิดความผิดปกติขึ้นมา ใจมันหวิวๆ
เขากดจุดตันเถียนอย่างรวดเร็ว กะจะใช้กำลังภายในข่มความผิดปกตินั้น ใครจะรู้พอออกแรงจึงพบว่ากำลังภายในตัวเองคล้ายจะอ่อนแรงลงไม่น้อย
จากประสบการณ์ของเขา กำลังภายในไม่มีทางลดฮวบลงในพริบตาได้ ส่วนมากจะเริ่มหายไปแต่แรก เพียงแต่ตนไม่ได้ใช้วรยุทธ์ จึงไม่ได้สังเกตเห็น
เขามองนาง สีหน้าเย็นชาขึ้น “เจ้าทำอะไรกับข้า!”
“วางยาน่ะสิ” กู้เจียวเอ่ยอย่างใจกว้าง
หนิงอ๋องเอ่ย “ไม่มีทาง…ของที่เจ้าให้มาข้าไม่ได้กลืนลงไปด้วยซ้ำ!”
เขากลับไม่ได้ถามว่าฮ่องเต้กับไท่จื่อก็เสวยขนมเปี๊ยะของนางลงไปเช่นกัน เหตุใดพวกเขาจึงไม่เป็นไร อย่างไรเสียคงไม่มีทางวางยาใส่ในขนมเปี๊ยะทั้งหมดอยู่แล้ว นางเป็นคนยื่นขนมเปี๊ยะให้ เป็นไปได้มากว่านางอาจจะวางยาไว้ในชิ้นที่ส่งให้เขา หรือไม่ก็วางยาบนอุปกรณ์ทานอาหารที่เขาใช้
กู้เจียวเลิกคิ้ว “เมื่อครู่ข้าพูดว่าอย่างไรล่ะ”
เมื่อครู่เจ้าบอกว่า…
หนิงอ๋องไตร่ตรองถ้อยคำของกู้เจียวอย่างละเอียดรอบหนึ่ง “ไม่ได้กินก็ถูกแล้ว อีกเดี๋ยวท่านก็รู้สึกไม่สบายแล้วล่ะ”
หนิงอ๋องหน้าพลันเปลี่ยน “เจ้า…”
กู้เจียวผินหน้าไปมองเขา “คิดได้แล้ว”
หนิงอ๋องโมโหจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว ตกตะลึงแทบบ้าเพราะนาง เขาไม่คิดไม่ฝันเลยสักนิดว่านางจะเจ้าเล่ห์และใจกล้าบ้าบิ่นเพียงนี้! นึกไม่ถึงว่าจะวางยาพิษให้ทุกคนในตำหนักฮว๋าชิง!
ถูกต้องแล้ว เขาไม่ได้โดนพิษคนเดียว ไท่จื่อกับเสด็จพ่อก็โดนไปด้วยเช่นกัน!
เพียงแต่ว่านางใส่ยาถอนพิษลงไปในขนมเปี๊ยะไว้ล่วงหน้า คนที่กินขนมเปี๊ยะจะปลอดภัยหายห่วง ไท่จื่อกินเอาๆ ไปตั้งหลายจาน คงจะรู้ตัวแล้วว่ายามนี้เขาร่างกายแข็งแรงมีชีวิตชีวา!
และเพราะตนระแวงนาง หรืออีกนัยคือนางล่อลวงให้ตนระแวงนาง แล้วจงใจเอ่ยกระตุ้นตน ทำให้ตนเลี่ยงยาถอนพิษไปสำเร็จ
“ดี… กู้เจียว… เจ้าเก่งมาก!”
หนิงอ๋องไม่เคยคิดเลยว่าตนจะสามารถตกอยู่ในเงื้อมมือคนคนเดียวกันถึงสองครั้งสองครา ซ้ำเมื่อเทียบกับการถูกซ้อมแล้ว การพ่ายแพ้ทางปัญญาให้แก่นางต่างหากที่น่าอัปยศยิ่งกว่า!
“ฉีเฟย!” เขาตวาดขึ้น
ไร้ปฏิกิริยา
“ไม่ต้องเรียกแล้ว ลูกน้องท่านถูกฟาดสลบไปหมดแล้ว” กู้เจียวชี้ม่านหน้าต่างรถที่ปิดสนิท “แต่ว่านะ คนขับรถเป็นคนของท่าน ท่านให้เขาหยุดรถได้นะ”
หยุดแล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไร
เขาที่โดนวางยาจะไปสู้กู้เจียวได้รึ หรือคนขับรถของเขาจะไปสู้กู้เจียวได้รึ
หนิงอ๋องเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าวางยาอะไรข้า”
“ยาเหมิงฮั่น ยาสลบน่ะ” กู้เจียวบอก
พูดตรงๆ ว่าหนิงอ๋องสามารยืนหยัดมาถึงตอนนี้เพิ่งจะเกิดอาการ เทียบกับเวลาที่นางคาดคิดไว้แล้วยาวนานกว่ามาก เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังภายในเขาล้ำลึกมาก
อ๋อ นางก็อยากมีกำลังภายในเช่นกัน
หนิงอ๋องหรี่ตามองนาง “เจ้าคิดจะทำอะไรข้า”
กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ “เดาสิ”
หนิงอ๋องมองนางอย่างลุ่มลึก ครู่เดียวเขาก็หัวเราะขึ้นมาเสียงเย็น โทสะและความร้อนรนเมื่อครู่พลันหายเข้ากลีบเมฆไปหมด เขาลำพองและไม่ยี่หระขึ้นมาแทน
หนิงอ๋อง “กู้เจียว เจ้าคงไม่ได้คิดจริงๆ หรอกนะว่าข้าจะมองลูกไม้ตื้นๆ ของเจ้าไม่ออก เจ้าคิดว่าหมู่นี้ข้าเอาแต่พักรักษาตัวอยู่ที่จวนอย่างเดียวจริงๆ รึ”
กู้เจียว “อ๋อ ท่านสืบเรื่องข้ารึข้า สืบไปถึงไหนแล้วล่ะ”
“เจ้ากังวลอะไรที่สุด ข้าก็สืบอันนั้นแหละ” มุมปากหนิงอ๋องหยักยกขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ เจ้าอยากวางยาข้า ให้ข้าทำเรื่องไม่น่าอภัยต่อไท่จื่อเฟย จากนั้นก็ถูกไท่จื่อจับได้คาหนังคาเขาล่ะสิ”
“เฮอะ” เขาหัวเราะเสียงเย็น “ไร้เดียงสาจริงๆ หมอกู้ เจ้าคิดจริงๆ รึว่าลูกน้องข้าจะถูกพวกเจ้าฟาดสลบได้ง่ายๆ”
กู้เจียวเหลือบตามองเขา
หนิงอ๋องชี้ตัวเอง “ข้าเป็นองค์ชายใหญ่ อยู่ในวังหลวงโอ่อ่ามาตั้งแต่เด็ก เจ้าคิดว่าข้าใช้อะไรถึงโตมาได้ขนาดนี้ล่ะ แล้วใช้อะไรถึงได้กลายเป็นโอรสที่เสด็จพ่อรักและให้ความสำคัญที่สุดกันล่ะ ใช้ฐานะโอรสคนโตรึ หมอกู้ ข้าเคยบอกแล้วว่าเจ้ายังเด็ก สิ่งที่เจ้ายังไม่เข้าใจยังมีอีกมาก จะสู้กับข้า ยังอ่อนหัดเกินไป”
กู้เจียวขมวดคิ้ว
วาจาหมาๆ ฟังจนหูนางจะบวมอยู่แล้ว สรุปได้ไม่กี่คำคือ ข้าวางแผนซ้อนแผนใส่เจ้าแล้ว
พูดภาษาคนมันยากนักหรือไร
กู้เจียวปรายตามองเขาอย่างรังเกียจ ก่อนล้วงเข็มฉีดยาที่ตัวเองเตรียมไว้ออกจากแขนเสื้อกว้าง ถอดปลอกมันออกต่อหน้าเขา แล้วดันเข็มฉีดยาไล่อากาศออก
หนิงอ๋องเห็นของสิ่งนี้เข้า จิตใต้สำนึกก็เกิดความหวาดหวั่นที่จะโดนเข็มจิ้มขึ้นมา!
เหมือนว่าคราวก่อนจะใช้อาวุธลับพรรค์นี้ไปแล้ว จึงทำให้ร่างกายเขาชาดิกโดยพลัน อาวุธลับพรรค์นี้ก็ไม่รู้ว่าใช้ยาพิษอะไร ผลลัพธ์จึงได้รวดเร็วและรุนแรงกว่ายาเบื่อกับน้ำแกงม๋าเฟ่ยอีก!
“วางใจได้ ไม่ใช่ยาชาหรอก” กู้เจียวเอ่ยอย่างสบายๆ จบก็หยักยกมุมปากขึ้น “ยาหลอนประสาทน่ะ”
ยาหลอนประสาทอยู่ในประเภทเดียวกับยาสลบ ในชาติก่อนจะใช้ฝึกนักฆ่าหรือไม่ก็บีบคั้นคำรับสารภาพจากสมาชิกองค์กรที่เป็นฝ่ายศัตรูเป็นหลัก คนที่โดนฉีดยาหลอนประสาทเข้าไปจะฟุ้งซ่านและจิตใจอ่อนแอ…บางคนจมดิ่งในภาพมายา ไม่ได้ยินเสียงโลกภายนอก และไม่เห็นภาพโลกภายนอก บ้างก็สามารถมีปฏิกิริยากับโลกภายนอกได้ ตอนนี้จึงค่อนข้างเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริงได้ง่ายแล้ว
ไม่รู้ว่าหลังจากหนิงอ๋องโดนฉีดเข้าไปแล้วจะเป็นประเภทไหน
กู้เจียวหยักยกมุมปากอย่างมาดร้าย
หนิงอ๋องสั่นไปทั้งร่าง!
ฮ่องเต้กลัวเข็ม
บังเอิญ หนิงอ๋องก็กลัวเช่นกัน
สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ
หนิงอ๋องหน้าซีดเผือดไปทั้งดวง “กู้เจียว! ทางที่ดีเจ้าอย่าได้บุ่มบ่ามดีกว่า! มิฉะนั้นเจ้าคงรับผลที่ตามมาไม่ไหวแน่!”
กู้เจียวเอ่ยอย่างไม่แยแส “งั้นรึ ผลอะไรล่ะ”
หนิงอ๋องยิ้มเย็น “อย่างเช่น เจ้าก็ลองกลับไปดูสิ เซียวลิ่วหลังยังอยู่หรือไม่”
มือที่ฉีดยาของกู้เจียวพลันชะงัก
ณ ตำหนักบูรพา
ไท่จื่อเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ทหารรักษาพระองค์ยังรอเขาอยู่ด้านนอก เสื้อผ้าอาภรณ์เขาขาดวิ่นไปแล้ว เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงออกไป
เพิ่งจะเหยียบเข้าห้องบรรทมมาไม่ถึงสองก้าว ชุนอิ๋งก็โซเซโผมาหา สีหน้านางซีดเผือด “ฝ่าบาท! ฝ่าบาทแย่แล้วเพคะ…ไท่จื่อเฟยหายตัวไป!”
ไท่จื่อขมวดคิ้ว “เจ้าพูดมาให้ชัด! หลินหลังหายไปได้อย่างไร!”
ชุนอิ๋งสะอึกสะอื้นเอ่ย “บ่าว…บ่าวตามไท่จื่อเฟยไปเยี่ยมองค์หญิงซิ่นหยางที่ถนนจูเชวี่ย ระหว่างทางกลับไท่จื่อเฟยบอกว่าจะไปซื้อชากับขนมให้ฝ่าบาท บ่าวจึงไปซื้อให้ แต่พอบ่าวออกมาจากโรงน้ำชา บนรถม้าก็ไร้เงาไท่จื่อเฟยแล้ว! องครักษ์กับคนขับรถต่างถูกฟาดสลบหมด!”
…
ภายในห้องปีกข้างอันมืดสลัว ประตูหน้าต่างปิดสนิท กลิ่นกำยานลอยอวล
ไท่จื่อเฟยค่อยๆ ลืมตาขึ้น นางมองรอบด้านอย่างฉงน จู่ๆ ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงอ่อนนุ่ม
เนิ่นนานทีเดียวนางจึงปรับกับแสงสลัวภายในห้องได้ จากนั้นก็พบว่าข้างกายมีคนนอนอยู่คนหนึ่ง
เป็นบุรุษ
บุรุษคนนั้นปิดเปลือกตาน้อยๆ คล้ายจจะหลับลึก
หลังจากที่นางเห็นใบหน้าเขาแล้ว นัยน์ตาพลันมีประกายวาบผ่าน!
นางลุกขึ้น จ้องมองเซียวลิ่วหลังที่หลับสนิทตรงหน้า “อาเหิง ใช่เจ้าหรือไม่”
เซียวลิ่วหลังไร้ปฏิกิริยาตอบสนองนาง
“เป็นเจ้าใช่หรือไม่ เจ้ากลับมาจริงๆ ด้วย…เจ้ากลับมาหาข้าแล้ว”
“เหตุใดเจ้าจึงไม่พูด เจ้าโกรธข้าใช่หรือไม่”
“ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้อยากทำร้ายเจ้า หลังจากเจ้าไปข้าก็เสียใจมาก…”
“ได้มาเจอเจ้าอีกครา ข้าเพิ่งจะรู้ว่าคนในใจข้าเป็นเจ้ามาตลอด ข้าเสียใจยิ่งนักที่ไม่ได้แต่งกับเจ้า”
“เจ้าอย่าได้ชอบใครนะ อย่าชอบนางนะ นางไม่คู่ควรกับเจ้าหรอก”
ไท่จื่อเฟยเอ่ยเสียงเบา ลูบไล้ข้างแก้มเซียวลิ่วหลังอย่างรักใคร่ “ได้มองเจ้าเช่นนี้ช่างดียิ่งนัก ต่อไปนี้อย่าได้จากข้าไปอีกนะ”
ดวงตาเซียวลิ่วหลังลืมขึ้นนานแล้ว น่าเสียดายที่สติเขาเลื่อนลอย คล้ายจะไม่ได้ยินเสียงที่ไท่จื่อเฟยพูด
ไท่จื่อเฟยยิ้มอ่อนโยน แฝงความเขินอายของเด็กสาวออกมา นางดึงแขนเขาออก ก่อนนอนลงในอ้อมกอดเขาเบาๆ
มือนางโอบเอวแกร่งของเขาไว้ เอ่ยเรียกเสียงหวาน “เราไม่แยกจากกันอีกแล้วได้หรือไม่ ต่อไปก็ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข ดีหรือไม่”
ในที่สุดเซียวลิ่วหลังก็มีปฏิกิริยา โอบนางไว้ในอ้อมกอดแน่น ขานรับเลื่อนลอยว่า “ดี”
ไท่จื่อเฟยยิ้มหวานเหลือใดเปรียบ
เซียวลิ่วหลังเรียกชื่อคนผู้หนึ่งขึ้นมา นางได้ยินไม่ชัดว่าอะไร แต่ยามนี้นางคล้ายไม่ใส่ใจแล้ว
ขอแค่อาเหิงอยู่กับนาง อยู่กับนางตั้งแต่นี้ไป นางก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
อาเหิงเป็นของนาง
อาเหิงกดนางไว้ใต้ร่าง
ทว่าชั่วขณะนั้นเอง ประตูห้องก็ส่งเสียงโครมครามถูกคนถีบเปิด!
ไท่จื่อรีบเข้ามาด้วยสีหน้าทะมึน!
การเคลื่อนไหวเสียงดังทำให้ไท่จื่อเฟยได้สติ ฟื้นคืนจากภาพมายาของตัวเอง นางมองไท่จื่อที่ยืนควันออกหูอยู่ตรงประตู แล้วมองไปยังเซียวลิ่วหลังที่กอดตนแน่น…
ช้าก่อน
นี่ไม่ใช่เซียวลิ่วหลัง!
นี่มันหนิงอ๋อง!