สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 451 ไทเฮา
บทที่ 451 ไทเฮา
เรื่องของหนิงอ๋องนั้นร้ายแรงเป็นอย่างมาก นำมาซึ่งความอัปยศของราชวงศ์ ฮ่องเต้พยายามสุดกำลังเพื่อสยบข่าว ถึงขั้นใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งกับหยวนถัง หวังว่าเขาจะปิดปากเงียบเรื่องนี้
หยวนถังรับปากไปอย่างนั้น เพราะเรารู้ดีว่าถึงอย่างไรฮ่องเต้ก็ไม่อาจบังคับเขาได้
เว้นเสียจะแต่ฆ่าหยวนถังทิ้งเสีย กำจัดคนปากเปราะเช่นเขาคือทางออกเดียว ทว่าฮ่องเต้มิใช่คนป่าเถื่อน ต่อให้ลงมือขั้นรุนแรงเพียงใดก็สู้จวงไทเฮากับฮ่องเต้พระองค์ก่อนไม่ได้
ฮ่องเต้ให้คู่ของรุ่ยอ๋องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ทั้งสองนั้นซื่อตรงเหลือเกิน รับปากว่าจะไม่พูดก็ไม่มีทางพูดจริงๆ
หลังจากนั้น ฮ่องเต้ก็ให้องครักษ์หลงอิ่งจับตัวฉีเฟยองครักษ์คู่ใจของหนิงอ๋องมา มอบตัวให้กับเว่ยกงกง ลงโทษสถานหนัก ทรมานทุกวิถีทาง เอาเป็นว่าใช้วิธีใดก็ได้เพื่อเค้นความจริงเมื่อสี่ปีก่อนออกมาให้หมด
เว่ยกงกงง่วงอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน เขากลับมารายงานด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง เขาจัดแจงเสื้อผ้าอยู่หน้าประตู
“พอได้แล้ว เข้ามาเสียที!” ฮ่องเต้เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
เว่ยกงกงเดินเข้ามาในห้อง ปรนนิบัติฮ่องเต้มานานหลายปี สองนายบ่าวรู้ในกันเป็นอย่างดี เขามองฮ่องเต้ด้วยสีหน้าซับซ้อน อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่กล้า
“ว่ามา” ฮ่องเต้ตรัส “เรารับไหว”
เว่ยกงกงทอดถอนใจ “คนร้ายเมื่อสี่ปีก่อนคือหนิงอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
แก้วในมือของฮ่องเต้ร่วงตกลงบนพื้น เสียงเพล้งดังพร้อมกับเศษซากที่แตกกระจาย
…
“แย่แล้ว! แย่แล้วเพคะกุ้ยเฟย! ฝ่าบาทจะปลดหนิงอ๋อง!”
ภายในตำหนักหย่งโซ่ว นางกำนัลนางหนึ่งยกชายกระโปรงวิ่งเข้ามา สีหน้าของจวงกุ้ยเฟยพลันเปลี่ยน นางไม่มีเวลามาเส้นผมที่หวีไปเพียงครึ่ง ก่อนรุดไปยังตำหนักฮว๋าชิง
นางกับหนิงอ๋องคุกเข่าอยู่บนพื้น หนิงอ๋องเหมือนจะถูกโบยจนล้มลงไปแล้ว ร่างทั้งร่างราวกับไร้วิญญาณ จวงกุ้ยเฟยคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ คว้าชายชุดของฮ่องเต้เอาไว้ สะอึกสะอื้นอ้อนวอน “ฝ่าบาท! ท่านอย่าปลดหันเอ๋อร์เลยเพคะ! หันเอ๋อร์เป็นลูกชายของท่านนะเพคะ…ลูกที่ท่านเลี้ยงดูเติบโตมา…ตอนนั้นจวนลิ่วอ๋องมีเพียงหันเอ๋อร์คนเดียว…ฝ่าบาทรักหันเอ๋อร์มากเพียงใด ฝ่าบาทลืมไปแล้วหรือ”
นางร้องไห้สะอึกสะอื้น!
ฮ่องเต้ไม่ปวดใจเลยหรือ
นี่คือลูกชายของเขา ไม่ใช่เด็กที่เก็บมาจากริมถนน!
ท่ามกลางบรรดาลูกทั้งหลาย มีเพียงหนิงอ๋องคนเดียวที่เติบโตข้างกายเขามาทั้งแต่เล็ก คนที่เขาฟูมฟักด้วยตัวเอง เลี้ยงดูอย่างองค์ชายแห่งแคว้น เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ อาบน้ำให้ ป้อนข้าวให้ สอนการบ้านให้
รอยยิ้มแรกของหนิงอ๋องนั้นมอบให้เขา ก้าวแรกของหนิงอ๋องนั้นก็เดินมาหาเขาเช่นกัน
ตอนนั้นเพราะตัวเขาเป็นเพียงองค์ชายที่ว่างงาน ไม่มีภาระหน้าที่ใหญ่หลวงอะไรในมือ การอยู่เคียงข้างการเติบโตของลูกชายราวกับกลายเป็นสิ่งที่มีความหมายที่สุดในชีวิตของเขา
หลังจากนั้นเขาก็ได้เป็นฮ่องเต้
หลังจากนั้นเขาก็มีเซียวฮองเฮาและลูกอีกมากมาย
ลูกชายคนโตยังคงพิเศษที่สุดในใจของเขา เพียงแต่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่เขาใส่ใจอีกต่อไป
เขามีเรื่องมากมายที่ต้องใส่ใจ อย่างแรกนั้นพวกเขาคือจักรพรรดิและองค์ชาย จากนั้นพวกเขาถึงจะเป็นพ่อลูก ว่ากันว่าราชวงศ์นั้นไร้หัวใจ แต่เหตุใดหัวใจของเขาถึงได้เจ็บปวดเพียงนี้
เมื่อเห็นฮ่องเต้ไม่ตอบโต้ แววตาของจวงกุ้ยเฟยก็เย็นยะเยือกยิ่งขึ้นเรื่อยๆ นางคลายมือที่กำชายผ้าของฮ่องเต้ ก่อนจะคุกเข่าลงนั่งที่เดิมบนพื้นเย็นเฉียบ สองตาแดงก่ำช้อนมองฮ่องเต้
“ฝ่าบาทสั่งประหารพวกเราแม่ลูกเถิดเพคะ” นางเอ่ย
ฮ่องเต้คิ้วขมวด
เว่ยกงกงเองก็หน้าถอดสี คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจวงกุ้ยเฟยจะพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมา
ให้ฮ่องเต้ประหารสนมและลูกชายตัวเองอย่างนั้นหรือ กลัวว่าเรื่องจะใหญ่ไม่พอกระมัง
จวงกุ้ยเฟยยกมือขึ้นปาดน้ำตา ทว่าเพิ่งจะเช็ดไป น้ำตาก็ไม่หยุดไหลเสียที
นางยิ้มเย็น “ฝ่าบาทรอวันนี้มาแล้วไม่ใช่หรือเพคะ พวงเราสองแม่ลูกขวางหูขวางตาพระองค์ ขวางทางพระองค์”
ฮ่องเต้เอ่ยเสียงเย็นชา “กุ้ยเฟยเจ้าพูดจาเพ้อเจ้ออะไร!”
จวงกุ้ยเฟยตัดพ้อ “หม่อมฉันไม่ได้พูดเพ้อเจ้อ หม่อมฉันเป็นเอกของฝ่าบาท แต่พอฝ่าบาทขึ้นครองบัลลังก์กลับไม่แต่งตั้งหม่อมฉันเป็นฮองเฮา โบราณว่าละทิ้งภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่ฝ่าบาทกลับยกอนุขึ้นเป็นเอก ต่างอะไรกับการละทิ้งหม่อมฉัน ฝ่าบาทเห็นพวกเราสองแม่ลูก คงนึกถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตนเองสินะเพคะ พวกข้าคือหนามตำใจฝ่าบาท เจ็บสั้นดีกว่าเจ็บนาน กำจัดหนามตำใจนี้ออกไปเสีย!”
จวงกุ้ยเฟยทำฮ่องเต้รำคาญจนคร้านจะสนใจนาง
“เราพอมองออกแล้วล่ะ ว่าเหตุใดหันเอ๋อร์ถึงได้กลายเป็นอย่างทุกวันนี้ ที่เขาเสียคนก็เพราะเจ้า!”
ในใจของเขาคิดว่าที่หันเอ๋อร์ทำเรื่องเช่นนี้ลงไป ก็เพราะนางยัดเยียดความคิดเรื่องสองแม่ลูกใส่หัวหันเอ๋อร์ จนทำให้หันเอ๋อร์จิตใจไขว้เขว ก้าวเดินไปบนเส้นทางที่ไม่อาจย้อนกลับ
เหตุใดตอนนั้นเขาถึงไม่แต่งตั้งหมิงจูเป็นฮองเฮา เหตุผลก็ชัดแจ้งอยู่แล้วมิใช่หรือ
มีเซียวฮองเฮาและเซวียนผิงโหวกุมบังเหียนอยู่ ตระกูลจวงจึงเป็นรองอยู่ร่ำไป ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหากยามนั้นฉินฉู่หันกลายเป็นลูกชายคนโตของฮองเฮา สิ่งที่ตระกูลจวงจะลงมือทำเป็นอย่างแรกคือฆ่าเขาผู้เป็นฮ่องเต้ แล้วหนุนหลังให้ฉินฉู่หันสืบทอดบัลลังก์ต่อ
แน่อยู่แล้วว่าตอนนั้นเขาตัดสินบนพื้นฐานที่ต้องการทัดทานอำนาจจวงไทเฮาและตระกูลจวงไปพร้อมๆ กัน
จนกระทั่งตอนนี้ เขารู้แล้วว่าเสด็จแม่มิได้คิดร้ายต่อเขา แต่เขาก็ไม่เคยคิดเสียใจกับการตัดสินใจในตอนนั้น
หากจวงหมิงจูได้เป็นไทเฮา ก็ยากจะรับประกันว่าตระกูลจวงจะไม่เล่นงานเขา ไม่ว่าตระกูลจวงจะวางแผนขัดขาเขาลับหลังอย่างไร หรือว่าจวงไทเฮาจะพยายามมิให้เขาและตระกูลจวงบาดหมางกันไปมากกว่านี้ แต่สุดท้ายก็ย่อมเกิดเหตุนองเลือดในราชสำนักเข้าสักวันอยู่ดี
ทว่าตอนนั้นเขาถูกจิ้งไท่เฟยวางยา เกลียดชังจวงไทเฮาเสียยิ่งกว่าอะไร แทบไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของจวงไทเฮา เพราะอย่างนั้นจุดจบที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นก็คือทุกฝ่ายต่างเจ็บปวด
ศึกในศึกนอกรุมเร้า
เมื่อจวงกุ้ยเฟยอ้อนวอนร้องขอชีวิตกับฮ่องเต้ไม่เป็นผล จึงล้มลุกคุกคลานมายังตำหนักเหรินโซ่ว
เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ขึ้น ไม่มีทางที่จวงไทเฮาจะไม่รู้ข่าว นางเดาไว้อยู่แล้วว่าจวงกุ้ยเฟยจะต้องมาหานาง แต่กระนั้นนางก็ไม่หลบเลี่ยง ให้ฉินกงกงพานางเข้ามา
จวงกุ้ยเฟยเข้ามาในตำหนักบรรทมก็พลันถลาเข้าไปหมอบแทบเท้านางกับคนเสียสติ กอดขานางไว้แน่น ร้องไห้คร่ำครวญ “ท่านอา…ท่านช่วยหันเอ๋อร์ด้วยเถิดเพคะ…ช่วยเขาเถิด…หันเอ๋อร์เป็นหลานชายท่านนะเพคะ…เป็นหลานชานคนโตของท่าน…เขามือสายเลือดตระกูลไหลเวียนอยู่ในร่างเช่นเดียวกับท่าน…ช่วยเขาด้วยเถิด…ท่านอา…ได้โปรดช่วยเขา…”
จวงไทเฮาปิดตาหลับตาลงพลางเอ่ย “เจ้าให้ข้าช่วยเขา แล้วใครช่วยเซียวเหิง ใครช่วยเวินหยาง“
จวงกุ้ยเฟยแก้ตัว “เวินหยางตายก็สวมควรแล้วนี่เพคะ! เขาประพฤติตนไม่เหมาะสม จิตวิปริต…”
จวงไทเฮามองนางด้วยแววตาเยือกเย็น “เวินหยางประพฤติมิชอบ แต่ลูกชายเจ้าทำเรื่องเช่นนั้นลงไป เจ้ายังมีหน้ามาตำหนิว่าเวินหยางประพฤติมิชอบ จิตวิปริตอีกหรือ”
จวงกุ้ยเฟยเอ่ยเสียงร้อนรน “ที่ข้าพูดล้วนแต่เป็นความจริง”
จวงไทเฮาตวาดลั่น “แต่ก็มิได้มีโทษถึงขั้นต้องตาย!”
“ท่านอา!” จวงกุ้ยเฟยเงยหน้าขึ้น มองจวงไทเฮาด้วยแววตาตัดพ้อ
จวงไทเฮาเองก้มหน้าลงมามองนาง “เอาละ ในเมื่อเจ้าบอกว่าเวินหยางสมควรตายอยู่แล้ว เช่นนั้นเซียวเหิงเล่า คนฉลาปราดเปรื่องประพฤติชอบเช่นนั้นทำอะไรให้ใครขุ่นข้องหมองใจหรือ”
แววตาของกู้เจียวพลันเปลี่ยน “เขา เขา เขาเป็นหลานคนโปรดของเซียวไทเฮา! เป็นลูกคนโตของเซวียนผิงโหว! ท่านอา ตระกูลเซียวทำร้ายพวกข้าสองแม่ลูกถึงเพียงนี้ เซียวฮองเฮากับไท่จื่อแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรเป็นของพวกข้าสองแม่ลูก หันเอ๋อร์จะแก้แค้นให้ตัวเองไม่ได้หรือเพคะ”
จวงไทเฮากำหมัดแน่น ตัวสั่นไปร่าง “เจ้าคิดเช่นนี้เองหรอกรึ!”
จวงกุ้ยเฟยรู้ตัวแล้วว่าตัวเองพลั้งปากออกไป จึงรีบแก้ตัว “ข้า ข้า ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ท่านอา เมื่อครู่ข้าพูดออกไปเพราะความโกรธ! ท่านอย่าได้เก็บไปใส่ใจ หันเอ๋อร์ไม่ได้ทำร้ายเซียวเหิงแน่นอน! พวกเขาใส่ร้ายหันเอ๋อร์! พวกเขาปรักปรำหันเอ๋อร์”
จวงไทเฮาเอ่ยเสียงเรียบ “เช่นนั้นรึ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ใส่ร้ายลูกชายของตนเองอย่างนั้นหรือ”
จวงกุ้ยเฟยชะงักไป ก่อนจะกัดฟันกรอด เอ่ยด้วยเสียงคับข้องใจ “ท่านอา อันที่จริงท่านไม่อยากช่วยหันเอ๋อร์ใช่หรือไม่เพคะ เพราะหันเอ๋อร์ส่งคนไปจับตัวจอหงวนคนใหม่ที่หน้าตาเหมือนเซียวเหิงผู้นั้น ท่านอาเอ็นดูจอหงวนผู้นั้นมากกว่าหันเอ๋อร์อยู่แล้วนี่เพคะ! ท่านอาลำเอียง! ท่านอาไม่คิดสักหน่อยหรือว่ายศถาบรรดาศักดิ์ที่ได้มายามนี้ต้องแลกมาด้วยอะไร! หากไม่มีตระกูลจวง ท่าอาจะมีทุกวันนี้หรือเพคะ ตอนนั้นฝ่าบาทระแวงท่านอา พวกข้าสองแม่ลูกก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย ยามนี้ท่านอากับฝ่าบาทญาติดีกันแล้ว ข้ากับหันเอ๋อร์ช่างน่าสมเพชนักที่กลายเป็นหินรองเท้าให้ทุกคนเหยียบย่ำขึ้นที่สูง!”
จวงกุ้ยเฟยถูกลากตัวออกไปแล้ว
ทว่าจวงไทเฮายังคนนั่นอยู่ที่เก้าอี้ดังเดิม พิงกับพนักอย่างไร้เรี่ยวแรง
เกิดเรื่องขึ้นกับหนิงอ๋อง จวงไทเฮาย่อมนิ่งดูดายไม่ได้แน่นอน อย่างไรเสียนางก็เคยรักใคร่เอ็นดูมาก่อนทั้งนั้น อันจวิ้นอ๋องก็ดี หนิงอ๋องก็ดี ล้วนแต่เป็นเด็กที่นางถูกชะตา
แต่หากเทียบหนิงอ๋องกับเซียวลิ่วหลังแล้ว อันที่จริงไม่มีอะไรจะเทียบกันได้ เพราะทั้งสองความรู้สึกนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ในเรื่องนี้ จวงไทเฮามิได้เข้าช้างเซียวลิ่วหลังแต่อย่างใด
เพราะหนิงอ๋องทำผิดจริงๆ
“ไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ฉินกงกงยกน้ำแกงโสมเข้ามาถ้วยหนึ่ง “สองวันมาแล้วที่ท่านไม่เสวยอาหารเลย สีหน้าย่ำแย่นัก ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายสักหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ไม่เช่นนั้นแม่นางกู้กับเซียวซิวจ้วนจะเป็นห่วงเอานะพ่ะย่ะค่ะ”
จวงไทเฮาทอดถอนใจ “ข้าดื่มไม่ลง”
ฉิงกงกงเกลี้ยกล่อม “ท่านอย่าได้เอาคำพูดของกุ้ยเฟยมาใส่ใจเลยพ่ะย่ะค่ะ”
จวงไทเฮาเอ่ยเสียงเหนื่อยล้า “ขนาดนางอยู่ต่อหน้าข้ายังทำตัวขนาดนี้ ไม่รู้จริงว่าลับหลังนางสอนลูกตัวเองอย่างไร ข้าเองก็มีส่วนผิด ข้าสร้างภาพลวงตาที่ไม่ควรจะมี”
ภาพที่ว่าคือนางนั้นอำนาจสูงส่ง แต่บาดหมาดกับฮ่องเต้ ห้ามไม่ได้ที่จะมีคนคิดว่าสักวันนางต้องแตกหักกับฮ่องเต้เป็นแน่