สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 457 จำกันได้
บทที่ 457 จำกันได้
“เหลวไหลอะไรของเจ้า! ใครเป็นอาเจ้า!” ซูกงกงดุเสียงต่ำ “อย่าคิดว่าหน้าตาเหมือนท่านโหวน้อยนิดหน่อยแล้วจะมีสิทธิ์มานับญาติมั่วซั่วเชียวนะ!”
หากคนในวังมาได้ยินวาจาพรรค์นี้เข้าได้จบเห่แน่
เซียวลิ่วหลังมองเซียวฮองเฮาที่หยุดฝีเท้าลง เซียวฮองเฮาไม่ได้หันกลับมา ลูกกระเดือกเขาขยับไหว ก่อนเอ่ยอย่างยากลำบาก “ต้นกล้าที่อาเหิงปลูกที่ตำหนักบรรทมของท่านอาโตขึ้นหรือยัง”
‘อาเหิง เจ้าทำอะไรน่ะ’
‘ข้ากำลังปลูกต้นไม้ ข้าจะปลูกต้นไม้ใหญ่ๆ มากๆ ให้ท่านอาล่ะ! ใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ต้นไม้จะเริ่มมีดอกไม้เบ่งบานมากมาย! ดอกโบตั๋น ดอกแปะเจียก ดอกลำโพง…ใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ต้นไม้จะออกผลเยอะแยะด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ! ลูกพุทรา ลูกท้อ ลูกหลี แล้วก็ลูกเกาลัดด้วย!’
‘ลูกเกาลัดรึ ใครเขาสอนเจ้าให้พูดเช่นนี้กัน แล้วดอกไม้ผลไม้เยอะแยะมากมายของเจ้าจะมาออกดอกออกผลในต้นนี้ต้นเดียวหรือ’
‘ใช่แล้ว!’
‘เป็นไปไม่ได้หรอกนะ’
‘ต้นกล้าของคนอื่นทำไม่ได้ แต่ต้นไม้ที่อาเหิงปลูกทำได้นะ!’
เจ้าเด็กน้อยตบอกตัวอย่างด้วยความมั่นอกมั่นใจเต็มประดา ก่อนเริ่มปลูกต้นไม้ที่ตำหนักคุนหนิงด้วยเหงื่อท่วมตัว
เซียวลิ่วหลังสะอื้นเอ่ย “…ต้นไม้ที่อาเหิงปลูกให้ท่านอาออกลูกพุทรา ลูกท้อ ลูกหลีแล้วก็ลูกเกาลัดหรือยัง”
อาเหิง!
เป็นอาเหิงของนาง!
เซียวฮองเฮาหันกลับมา ขอบตาแดงก่ำมองเซียวลิ่วหลังอย่างเหลือเชื่อ
เป็นไปได้อย่างไร…
อาเหิงตายไปแล้วมิใช่หรือ
แถมนางก็เห็นศพมาแล้ว…
หากเขาเป็นอาเหิง แล้วเหตุใดจึงไม่เคยได้ยินพี่ใหญ่เอ่ยถึงเลย
เหตุใดเขาเข้าวังมาหลายครั้งหลายคราจึงไม่มาหานางเล่า
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เซียวฮองเฮาเดินมาหาเซียวลิ่วหลังด้วยความตกตะลึง
ซูกงกงสีหน้าซับซ้อนมองนายหญิงตัวเอง ก่อนจะถอยไปด้านข้างอย่างรู้งาน ซ้ำยังไล่พวกนางกำนัลและขันทีที่ไม่เกี่ยวข้องให้ถอยออกไปไกลสามจั้งด้วย
เซียวฮองเฮามาหยุดตรงหน้าเซียวลิ่วหลัง เซียวลิ่วหลังขอบตาแดงก่ำ แต่ฝืนข่มไม่ให้น้ำตาพรั่งพรูออกมา
เซียวฮองเฮายกมือขึ้นลูบแก้มเขาอย่างระมัดระวัง หยาดน้ำตาร่วงรินลงมา “เจ้าคืออาเหิงจริงๆ รึ เจ้า…”
ปลายนิ้วนางแตะลงใต้ตาข้างขวาของเขา “ไฝรองน้ำตาเล่า”
“ไม่มีแล้ว” เซียวลิ่วหลังบอก
เซียวฮองเฮาน้ำตานองสะอื้นเอ่ย “ไม่มีได้อย่างไร ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ บอกอามา!” เซียวลิ่วหลังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี
ไฝเม็ดนี้เขาก็ไม่รู้ว่ามันหายไปได้อย่างไร เขาฟื้นขึ้นมาก็นอนอยู่ในโรงเตี๊ยมทรุดโทรมแห่งหนึ่ง ข้างกายเป็นพี่ชายของเซียวลิ่วหลังอย่างเซียวเซียว
“ท่านอา ปล่อยหลงอีไปได้หรือไม่”
“อย่าโกรธหลงอีเลย”
“อาเหิงขอรับโทษแทนหลงอีเอง”
เซียวฮองเฮาโมโหจนทุบกำปั้นใส่เซียวลิ่วหลัง น้ำตานองหน้า “เจ้าเด็กคนนี้นี่! หากเจ้าไม่มาร้องขอความเมตตาแทนเขาก็คงจะไม่มายอมรับกับข้าหรอกใช่หรือไม่!”
ทุกคนที่อยู่อีกด้านงุนงงกันหมดว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแต่เซียวลิ่วหลังพูดอะไรไม่รู้กับเซียวฮองเฮา ทำเอาเซียวฮองเฮาน้ำตานองหน้า ซ้ำยังลงมือทุบเขาด้วย
แต่คนตาแหลมก็ยังมองออกว่าไม่ได้ทุบแรงอะไรนัก
ไม่รอให้ทุกคนกระจ่างแจ้งว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเซียวฮองเฮาและเซียวลิ่วหลัง คนสนิทของเซียวฮองเฮาอย่างซูกงกงก็ยกแส้ขนหางจามรีเดินจากไปแล้ว
เขาเอ่ยกับองครักษ์ “ฮองเฮารับสั่งว่าหมดหน้าที่ของพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าไปได้”
องครักษ์ ‘หา!?’
ไท่จื่อเฟยพลันตระหนกขึ้นมา
คนอื่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางจะมองไม่ออกหรือไร
เซียวเหิงไปยอมรับว่าเป็นหลานของเซียวฮองเฮาแล้ว
กลับเมืองหลวงมาตั้งนานไม่ไปยอมรับกับคนในอดีตคนไหนเลย แต่พอเรื่องมาถึงช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานกลับมายอมรับกับเซียวฮองเฮา เพราะเหตุใดกัน
เพื่อสตรีนางนี้กับองครักษ์คนนี้น่ะรึ
เมื่อครู่ตนยังใส่ร้ายป้ายสีกู้เจียวว่าสั่งการหลงอีอยู่เลย มายามนี้กู้เจียวกลายเป็นภรรยาของหลานชายสุดรักที่เซียวฮองเฮาไปแล้ว ต่อไปนี้เซียวฮองเฮาจะลงโทษนางเช่นไร นางไม่อยากจะคิด
ไท่จื่อเฟยเป็นลมล้มพับไป ไม่รู้ว่าเพราะร่างกายอ่อนแอจากการแท้ง หรือตกใจกับผลลัพธ์ต่อมาที่ตนจะต้องได้รับกันแน่
เซียวฮองเฮาพาเซียวลิ่วหลังกับตำหนักคุนหนิง
เดิมทีควรพากู้เจียวไปด้วย แต่จนใจที่กู้เจียวถูกหลงอีหนีบไปด้วยแล้ว
เซียวฮองเฮาไล่ทุกคนออกไป แล้วจูงเซียวลิ่วหลังมานั่งในห้องของนางเพื่อสนทนากัน หน้าต่างเปิดอ้ากว้าง มองจากมุมของทั้งคู่ออกไปจะเห็นต้นไม้น้อยๆ ที่เซียวลิ่วหลัง…ไม่สิ ควรจะเรียกว่าเซียวเหิงวัยเด็กปลูกไว้อย่างชัดเจน
นั่นคือต้นส้ม ไม่ใช่ทั้งต้นพุทรา ต้นท้อ และไม่ได้ออกผลเป็นลูกหลีและลูกเกาลัด ซ้ำผลส้มที่ออกลูกยังไม่อร่อยอีก
เซียวฮองเฮาหลุดหัวเราะทั้งน้ำตา “ส้มที่เจ้าปลูกไม่อร่อยเลยสักนิด!”
เซียวฮองเฮาอยากรู้เหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จนใจที่เซียวเหิงไม่อาจบอกได้
สายตาเซียวฮองเฮาตกลงบนไม้เท้าข้างเก้าอี้ “เกิดอะไรขึ้นกับขาเจ้ารึ อาการบาดเจ็บเรื้อรังจากเมื่อสี่ปีก่อนหรือ”
“ไม่ใช่ขอรับ” เซียวลิ่วหลังส่ายหน้า
บาดเจ็บเพราะช่วยเฝิงหลินต่างหาก
เพลิงไหม้นั้นมีคนตายเพราะเขา เพลิงไหม้นี้มีคนเกิดเพราะเขา
เขาขาเป๋ไปแล้ว และเหมือนว่าบาปในตัวเขาจะได้รับการไถ่บาปไปเล็กน้อยแล้ว
แม้ว่าจะยังล้างมลทินไปได้ไม่หมด แต่ชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาสามารถค่อยๆ ชดใช้อย่างช้าๆ ไปอย่างทุกข์ทรมานได้
เซียวลิ่วหลัง “ท่านอา เรื่องนี้…”
เซียวฮองเฮาเอ่ย “ข้ารู้ แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้ แต่อาคิดว่าเจ้าเองก็คงลำบากเช่นกัน รอให้เจ้ายอมบอกอาทุกอย่างแล้วค่อยมาหาอาใหม่ก็ได้”
ทั้งสองไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องเวินหลินหลังเลย
สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปดีกว่า ที่เซียวฮองเฮายอมรับปากตกลงเรื่องการแต่งงานนี้ก็เพราะคิดจริงๆ ว่าเซียวเหิงตายไปแล้ว มิฉะนั้นต่อให้นางต้องตัดขาไท่จื่อก็ไม่ยอมให้เขาแย่งว่าที่เจ้าสาวของน้องชายเช่นนี้หรอก
เซียวฮองเฮาตบหลังมือเขา “อาไม่มีทางบอกเรื่องของเจ้ากับผู้ใด เจ้าวางใจได้”
“ขอบคุณท่านอายิ่งนัก”
เซียวลิ่วหลังลุกขึ้นกลับไป
เขาเพิ่งจะออกจากตำหนักคุนหนิง เซียวฮองเฮาก็เรียกองครักษ์ลับคนสนิทมาหา “รีบไปแจ้งพี่ชายข้า บอกว่าอาเหิงยังไม่ตาย!”
องครักษ์คนสนิทร้องตกใจ “นายหญิง ท่านรับปากเขาแล้วว่าจะไม่บอกใครมิใช่หรือ”
เซียวฮองเฮาเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “พี่ชายข้าเป็นคนตั้งแต่เมื่อใดกัน”
องครักษ์คนสนิท “…”
นี่เป็นครั้งแรกที่เซวียนผิงโหวโดนใส่ร้ายได้อนาถที่สุด…
…
หนิงอ๋องต้องถูกลงโทษ แต่จะเป็นโทษใดก็คงต้องดูการตัดสินพระทัยของฮ่องเต้อีกที
เรื่องฉาวในบ้านจะบอกคนนอกไม่ได้ เรื่องที่หนิงอ๋องลอบคบหากับไท่จื่อเฟยยังไม่ถูกเปิดโปง แต่ความจริงที่ว่าเวินหยางกับเซียวเหิงต่างถูกหนิงอ๋องลงมือสังหารอย่างโหดเหี้ยมนั้นถูกป่าวประกาศให้โลกรับรู้แล้ว
แรงจูงใจที่ป่าวประกาศสู่ภายนอกเพราะจะโจมตีไท่จื่อให้สะเทือนใจ คนหนึ่งคือพี่ชายภรรยาของไท่จื่อ อีกคนเป็นลูกพี่ลูกน้องของไท่จื่อ ไม่ว่าจะมองอย่างไรหนิงอ๋องก็เป็นคนที่แตะต้องคนรอบตัวไท่จื่อทั้งสิ้น
เวินหยางผู้นี้ชื่อเสียงไม่ค่อยดี แต่ท่านโหวน้อยตอนนั้นมีตำแหน่งเจาตู ชื่อเสียงระบือไกล เป็นแสงสว่างในใจของใครต่อใครอยู่ไม่น้อย
ได้ยินว่าเขาตายด้วยเงื้อมมือของหนิงอ๋อง ชาวบ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย
แน่นอนว่ามีพวกที่แก้ต่างให้หนิงอ๋องด้วยเช่นกัน พวกเขาคิดว่าฝ่าบาทองค์ปัจจุบันถูกใครบางคนหลอกลวง
“หนิงอ๋องที่เข้มแข็งมีเกียรติและหยิ่งในศักดิ์ศรีเพียงนั้น จะทำเรื่องชั่วช้าสามานย์เช่นนี้ได้อย่างไร เกรงว่าคงมีคนพุ่งเป้าไปที่หนิงอ๋องเสียมากกว่ากระมัง”
“หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ฟังคำยุแหย่ แล้วมอบความไม่ธรรมแก่หนิงอ๋องนะ”
“ไท่จื่อจะเป็นคนทำหรือไม่ พวกเจ้าคิดดูนะ ไท่จื่อแต่งกับว่าที่เจ้าสาวของท่านโหวน้อย หากท่านโหวน้อยไม่ตาย เขาจะได้แต่งกับคุณหนูตระกูลเวินรึ ส่วนเวินหยางผู้นั้น ภายนอกเป็นพี่ชายของไท่จื่อเฟย แต่ไม่ใช่คนดีเด่อะไรเลยสักนิด ฆ่าเขาไปก็เพื่อระบายความแค้นแทนไท่จื่อเฟยต่างหาก”
ตรอกซอกซอยมีคนที่ร้องทุกข์ให้หนิงอ๋องมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มาจากใจปวงชนจริงๆ หรือมีคนจงใจปลุกปั่นก็ไม่อาจทราบได้
แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือไม่ว่าชาวบ้านจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร ฮ่องเต้ก็ไม่ได้คิดจะอภัยโทษให้หนิงอ๋อง
ราชครูจวงขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ แต่ก็ถูกฮ่องเต้ปฏิเสธทันที
ราชครูจวงจึงไปตำหนักเหรินโซ่ว หวังจะให้จวงไทเฮาสั่งฮ่องเต้ให้อภัยโทษแก่หนิงอ๋อง
“สั่งอย่างนั้นรึ” จวงไทเฮาโมโหขึ้นมา “ถ้อยคำของข้าสามารถออกคำสั่งฮ่องเต้ได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
ราชครูจวงแค่นเสียงเย็นเอ่ย “ไทเฮาทำเช่นนั้นมาตลอดเลยมิใช่หรือ หลายปีมานี้ไทเฮาทำอะไรฮ่องเต้น้อยๆ เสียที่ไหน เหตุใดพอมาเรื่องหนิงอ๋องไทเฮาจึงไม่ยอมทำแล้วเล่า”
สายตาจวงไทเฮามองเขาดุจเปลวเพลิง “หนิงอ๋องตกต่ำมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร เจ้ารู้ดีแก่ใจเสียยิ่งกว่าข้าอีก”
ราชครูจวงแค่นเสียงเย็น “หนิงอ๋องมีความทะเยอทะยานที่จะเป็นกษัตริย์ และมีกำลังของกษัตริย์ เหตุใดกระหม่อมจะสนับสนุนเขาไม่ได้!”
จวงไทเฮามองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “กำลังของกษัตริย์ที่เจ้าหมายถึงก็คือเหิมเกริมครอบครองภรรยาน้องชายและฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาน่ะรึ”
อย่างไรเสียราชครูจวงก็เป็นตาแท้ๆ ของหนิงอ๋อง เรื่องบางเรื่องที่ชาวบ้านไม่รู้ เขาจะไม่รู้ได้หรือ
เขาไม่ได้แก้ต่างแทนหนิงอ๋อง แต่กำหมัดแน่นพลางเอ่ย “ผู้ที่คิดทำการใหญ่ต้องไม่คิดเล็กคิดน้อย ไทเฮา ไทเฮาเป็นคนเอ่ยประโยคนี้กับกระหม่อมเอง ยามนี้ไทเฮาคิดจะกลืนน้ำลายตัวเองหรือ”
จวงไทเฮาเอ่ยอย่างไม่แย่แสแม้แต่นิด “แล้วอย่างไรเล่า”
ราชครูจวงสะอึกไป
จากนั้นแววตาเขาก็เปลี่ยนเป็นผิดหวัง “ไทเฮา ไทเฮาเปลี่ยนไป ตั้งแต่ใกล้ชิดกับเซียวลิ่วหลัง ใจท่านก็ไม่เห็นความสำคัญของตระกูลจวงอีกเลย”
วิธียั่วยุพรรค์นี้ใช้ไม่ได้ผลกับจวงไทเฮา จวงไทเฮาเอ่ยเสียงดุดัน “อยู่ดีไม่ว่าดีอย่ามาลากเอาเซียวลิ่วหลังมาพูดกับข้า! เจ้าหวังจะให้ข้ารู้สึกผิดหรือว่าอย่างไร! ไม้นี้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก! ข้าจะเอ็นดูใครก็เป็นเรื่องของข้า! ข้าอยากจะเมินใครก็เป็นเรื่องของข้าเช่นกัน! อย่าคิดว่าตำหนิติโทษข้าสองสามคำแล้วข้าจะรู้สึกผิดบาปต่อตระกูลจวงเชียว! หลายปีมานี้ข้าทำเพื่อตระกูลจวงมามากพอแล้ว! และข้าก็เคยเตือนเจ้ามานานแล้ว แม้นยิ่งใหญ่เทียมฟ้าก็ย่อมมีวันพังทลาย รีบถอยมาอย่างกล้าหาญจะเป็นการดี แต่เจ้ากลับดันทุรังไม่สนใจความเห็นของผู้ใด! ใครเป็นคนสร้างความกล้าให้หนิงอ๋อง ใครเป็นคนเพิ่มอำนาจให้หนิงอ๋อง แล้วใครมันมุ่งมั่นจะผลักหนิงอ๋องเข้าสู่วังวนแห่งการแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท! ยามนี้ใครเป็นคนปกป้องเขาไว้ ตอนเจ้าผลักดันเขาให้ไปแย่งชิงบัลลังก์ไม่คิดบ้างหรือไรว่าจะเป็นการทำร้ายเขาจนตายได้!”
“พูดให้ชัดๆ ก็คือไทเฮาไม่อยากสนใจหนิงอ๋องแล้ว!” ราชครูยิ้มเย็น “ข้าอยากจะรู้นักว่าหากคนที่ถูกปลดฐานันดรในยามนี้เป็นเซียวลิ่วหลัง ไทเฮาจะยืนดูอยู่เฉยๆ เช่นนี้ด้วยหรือไม่”
จวงไทเฮาเอ่ยอย่างทรงอำนาจและหยิ่งผยอง “บังเอิญนัก ข้าก็อยากจะรู้เช่นกัน”
ราชครูจวง “…”
จวงไทเฮาไม่มีทางรับคำตำหนิไว้อยู่แล้ว
ก่อนที่ราชครูจวงจะกลับ เขามองจวงไทเฮาอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง “หวังว่าวันหน้าไทเฮาจะไม่เสียใจกับทุกสิ่งที่เคยทำลงไป”
จวงไทเฮาแววตาพลันแข็งกร้าวขึ้นมา “ข้าก็ขอมอบประโยคนี้ให้เจ้าเช่นกัน”