สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 471 ชีวิตน้อยๆ
บทที่ 471 ชีวิตน้อยๆ
กู้เจียวถามไถ่สถานการณ์กับหมอหลวงหลัวและแม่นางหลิวที่ห้องโถงเป็นอันดับแรก
แม่นมฝางเองก็อยู่ด้วย นางเอาแต่ปาดน้ำตา “ฮูหยินคลอดก่อนกำหนดอีกแล้วเจ้าค่ะ…”
“ไม่นับว่าก่อนกำหนดหรอก” กู้เจียวเอ่ย
หากไม่ถึงสามสิบเจ็ดสัปดาห์ต่างหากถึงจะเรียกว่าคลอดก่อนกำหนด แม่นางเหยาครบสามสิบแปดสัปดาห์แล้ว ถือว่าเด็กคนนี้ครบอายุครรภ์
อันที่จริงแม่นางหลิวเองก็บอกว่าปวดท้องคลอดช่วงเดือนนี้นับว่าปกติ แต่แม่นมฝางไม่ยอมเชื่อ จนกระทั่งกู้เจียวก็พูดแบบนั้น แม่นมฝางถึงได้วางใจลงบ้าง
เพียงแต่ต่อให้ทารกครบเดือนแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะคลอดออกมาได้อย่างราบรื่น
“ข้าขอเข้าไปดูก่อน” กู้เจียวเดินเข้าไปในห้องคลอด
นางเข้าไปได้ครู่หนึ่งแล้ว ท่านโหวกู้เพิ่งจะได้สติกลับมา “เมื่อครู่คือเด็กนั่นรึ นางตัวป่วนผู้นี้จะมาก่อความวุ่นวายหรืออย่างไร”
เขาเอ่ยพลางเดินเข้าไปในห้องคลอด หมายจะลากตัวกู้เจียวออกมา แต่ถูกแม่นมฝางขวางเอาไว้
แม่นมฝางเอ่ย “ท่านโหว ท่านอย่าได้เข้าไปวุ่นวายเลยเจ้าค่ะ ให้คุณหนูใหญ่ดูอาการฮูหยินเถอะเจ้าค่ะ”
“ข้าน่ะหรือวุ่นวาย” ท่านโหวกู้ชี้มาที่ตัวเอง เขาสงสัยเหลือเกินว่าตัวเองหูฟาดไปหรืออย่างไร คนที่เข้าไปวุ่นวายมิใช่เด็กนั่นหรอกหรือ ต่อให้นางจะไม่รู้จักเวล่ำเวลาแต่ก็ไม่ควรเข้าไปรบกวนแม่ตัวเองยามหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้
แม่ของนางกำลังจะคลอดลูกนะ!
มีแต่กู้จิ่นอวี้เท่านั้นแหละที่พึ่งพาได้!
“ท่านพ่อ!”
พูดไม่ทันจะขาดคำ
กู้จิ่นอวี้กระโดดลงจากรถม้าเร่งรุดเข้ามา นางแทบจะไม่สนใจว่าจะเสียกิริยาคุณหนูตระกูลใหญ่ กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหาท่านโหวกู้
“ท่านพ่อ! แม่นมฝาง!” นางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสอง ก่อนจะทักทายแม่นมฝาง
แม่นมฝางคำนับให้อย่างนอบน้อมแต่แฝงไปด้วยความห่างเหิน “คุณหนูรอง”
ท่านโหวกู้ร้อนรนดั่งไฟเผา ไม่มีเวลามาสนใจท่าทีของแม่นมฝางที่ไม่ได้เคารพกู้จิ่นอวี้เหมือนดั่งยามอยู่ในจวนแล้ว แต่กู้จิ่นอวี้เองก็เหมือนจะไม่ทันสังเกต
นางหันไปพูดกับท่านโหวกู้ “ท่านพ่อ ได้ข่าวว่าท่านแม่จะคลอดแล้ว เหตุใดถึงได้เร็วเช่นนี้”
ท่านโหวกู้เห็นว่าแม่นางเหยาไม่คลอดเสียที จึงสั่งให้หวงจงกลับจวนไปนำโสมและเห็ดหลินจือมาให้ จึงบังเอิญเจอกับกู้จิ่นอวี้เข้า
ยามนี้ท่านโหวไม่มีเวลามาถามว่านางรู้ข่าวได้อย่างไร เขาเอ่ยสีหน้าเคร่งขรึม “แม่เจ้าคลอดยากน่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้ก็อาการดีมาตลอดไม่ใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดจู่ๆ ถึงได้คลอดยากได้” กู้จิ่นอวี้มาเยี่ยมแม่นางเหยาที่ตรอกปี้สุ่ยหลายหน รับรู้อาการของแม่นางเหยาพอสมควร
ท่านโหวกู้ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ข้ากะแล้วเชียว! เด็กนั่นเติบโตในบ้านนอกคอกนา จะไปรู้จักดูแลคนได้อย่างไร”
กู้จิ่นอวี้อ้าปากพะงาบ “ท่านพ่อ ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น ท่านอย่าเพิ่งโทษท่านพี่…”
แม่นมฝางเอ่ยเสียงเรียบ “หากคุณหนูรองดูแลคนเก่งนัก เหตุใดถึงไม่มาดูแลข้าวปลาอาหารให้ฮูหยินทุกวันเลยเล่าเจ้าคะ”
กู้จิ่นอวี้เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ข้าเองก็อยากมา แต่ข้ากลัวว่าท่านพี่จะไม่สบายใจที่เจอข้า”
แม่นมฝางยิ้มบาง “สิบวันคุณหนูใหญ่อยู่ข้างนอกไปแล้วเก้าวัน อยากพบก็ไม่ได้พบหรอกเจ้าค่ะ”
กู้จิ่นอวี้มองไปทางแม่นมฝางอย่างตัดพ้อ “แม่นมฝาง จิ่นอวี้ทำอะไรผิดหรือ แม่นมถึงได้ไม่พอใจ เหมือนกับว่าแม่นม…เอ็นดูท่านพี่ แต่ไม่เอ็นดูข้า”
“ข้าไม่กล้าหรอกเจ้าค่ะ” แม่นมฝางย่อเข่าคำนับให้
ท่านโหวกู้เหลียวไปมองแม่นมฝางอย่างเหลืออด “พอได้แล้ว เจ้าจะมายืนนิ่งอยู่ตรงนี้อีกนานไหม รีบเข้าไปลากตัวเด็กนั่นออกมา!”
ไม่รอให้แม่นมฝางเอ่ยปาก กู้จิ่นอวี้ก็เอ่ยเสียงอ่อน “ท่านพ่อ ให้ข้าเข้าไปดูท่านแม่เถิดเจ้าค่ะ”
ท่านโหวกู้รับคำ “อืม เจ้าเข้าไปสิ ดูแลแม่เจ้าให้ดี”
จิ่นอวี้เป็นคนละเอียดอ่อนกว่าเด็กนั่น เด็กนั่นไม่รู้หนังสือ สักแต่ว่าทำ ไม่เหมือนจิ่นอวี้ที่อ่อนโยนเอาใจใส่
อวี้หย่าร์เรียกแม่นมฝางพอดี นางจึงไม่ทันได้เหลียวมอง กู้จิ่นอวี้ก็เข้าไปในห้องแล้ว
ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นใบอ้ายเย่ ยาที่แม่นางหลิวใช้รมควันท้องให้กับแม่นางเหยาเพื่อเร่งคลอด แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ผล
กู้จิ่นอวี้สำลักกลิ่นยาจนเกือบทนไม่ไหว นางขมวดคิ้วเดินมาหยุดอยู่ริมเตียง
หมอหลวงหลัวออกไปแล้ว มีเพียงแม่นางหลิวและกู้เจียวที่เฝ้าอยู่ข้างเตียง
กู้เจียวตรวจร่างกายแม่นางเหยา ปัญหาหลักของแม่นางเหยาคือเชิงกรานไม่มีแรง ช่องคลอดจะไม่เปิด ทำให้เด็กไม่สามารถเข้ามาอยู่ในช่องทางได้
ต่อให้แม่นางหลิวปลอบนางอย่างไร แต่แม่นางเหยาก็ยังคงหวาดกลัวเหลือเกิน
นางทั้งกลัวทั้งยังทรมานจากความเจ็บปวด ใบหน้าจึงซีดเผือด เหงื่อแตกพล่านไปทั่วทั้งร่าง
กู้จิ่นอวี้เพิ่งจะเคยเห็นแม่นางเหยาในสภาพแสนอ่อนแอเช่นนี้เป็นครั้งแรก จึงตกใจจนฝีเท้าสะดุด
กู้เจียวกำลังใช้หูฟังฟังเสียงหัวใจของทารก ไม่ทันได้สังเกตว่ากู้จิ่นอวี้เขามาในห้อง นางเอ่ยกับแม่นางเหยา “ไม่ต้องกังวล ข้าจะฉีดยาเร่งคลอดให้ท่านเข็มหนึ่ง หากยังไม่ได้ผลข้าจะผ่าคลอดให้ท่านเอง”
“เจ้าคือ…” แม่นางหลิวหยิบผ้าสะอาดขึ้นมา พอหันมาก็เห็นกู้จิ่นอวี้ นางไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมาก่อน จึงรู้สึกงุ่นง่านขึ้นมา
กู้จิ่นอวี้เพิ่งได้สติกลับมา ในเก็บความกลัวไว้ในใจ ก่อนจะเอ่ยกับแม่นางหลิว “ข้ามาดูแม่ข้า”
นางเอ่ยพลางก้าวไปข้างเตียง ทว่ายังไม่ทันได้เรียกแม่ แม่นางเหยาก็ถูกความเจ็บปวดทรมานจนต้องร้องโหยหวนออกมา
เสียงนั้นช่างน่าสงสารเหลือเกิน บวกกับใบหน้าของแม่นางเหยาที่เหยเกเพราะความเจ็บปวด ยิ่งทำให้น่าตกใจกว่าเดิม
กู้จิ่นอวี้หน้าถอดสีจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ชนเข้ากับแม่นมฝางที่ยกอ่างน้ำร้อนเข้ามาพอดี อ่างน้ำร้อนคว่ำกระจัดกระจาย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่แม่นมฝางโดนน้ำร้อนลวกทั้งตัว เสียงอ่างทองแดงกระแทกพื้นนั้นดังลั่นโครมคราม ทำเอาเด็กน้อยในท้องแม่นามเหยาตกใจจนมุดกลับเข้าไปแล้ว!
กู้เจียวมองกู้จิ่นอวี้ด้วยสายตาเย็นชา “ออกไป”
แม่นางเหยาเองก็เห็นกู้จิ่นอวี้แล้ว เพียงแต่ไร้เรี่ยวแรงจะพูด
“ท่านแม่ ข้า…”
กู้จิ่นอวี้ยังไม่ทันพูดจบ กู้เจียวเดินตรงเข้าไปหานาง คว้าคอเสื้อของกู้จิ่นอวี้แล้วโยนนางออกไปนอกห้อง
กู้เจียวจงใจทำเช่นนี้กับนางอย่างนั้นหรือ
ใช่แล้ว
ประการแรกเป็นเพราะยามกู้เจียวรักษา นางไม่ชอบให้ใครมามุงดู ประการที่สองกู้จิ่นอวี้มักจะชอบพูดพล่าม ด้วยเหตุนี้นางถึงได้บอกให้แม่นางฝางเชิญคนออกไป
นางรำคาญเหลือเกิน
กู้จิ่นอวี้ถูกโยนออกมาข้างนอก ท่านโหวกู้มือไวรับไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงล้มหน้าคว่ำไปกับพื้นแล้ว
ท่านโหวกู้โกรธดังไฟสุมทรวง จ้องกู้เจียวตาถลึงพลางเอ่ย “นางเด็กนี่! เจ้ากล้าดีนักหรืออย่างไร! เหตุใดถึงได้ลงไม่ลงมือไม่เลือกหน้าเช่นนี้”
กู้จิ่นอวี้ยื้อท่านโหวกู้เอาไว้ เอ่ยด้วยเสียงกลัดกลุ้ม “ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ แต่ท่านรีบเข้าไปห้ามท่านพี่เถิดเจ้าค่ะ เมื่อครู่ข้าได้ยินว่านางจะผ่าท้องท่านแม่…แล้วเอาเด็กออกมา”
“ว่าอย่างไรนะ!” ท่านโหวกู้หน้าเปลี่ยนสีในทันใด “เด็กนั่นอกตัญญูต่อแม่ยังไม่ว่า แต่ถึงขั้นผ่าท้องแม่ตัวเองเชียวหรือ! นี่นางยังมีหัวใจอยู่หรือไม่! ข้าไม่มีทางยอมให้นางทำร้ายแม่เจ้าแน่นอน!”
ท่านโหวกู้พุ่งตัวเข้าไปด้วยความเดือดดาล
คิดไม่ถึงเลยว่าวินาทีที่ย่ำเท้าเข้าไป องครักษ์ลับหมายเลขหนึ่งและหมายเลขสองก็โรยตัวลงมาจากด้านบน องครักษ์หมายเลขหนึ่งกดจุดชีพจรเขา หลังจากนั้นองครักษ์ลับคนที่สองก็หิ้วแขนเขาเอาไว้ก่อนจะลากเขาออกไปที่ลานท้ายเรือน
เซียวเหิงมองดูอยู่ที่ห้องโถงอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
วินาทีที่เคลื่อนผ่านเซียวเหิง ท่านโหวกู้ก็พลันเข้าใจทุกอย่าง
เจ้าหนุ่มนี่เป็นคนสั่งให้เจ้าพวกนี้ลงมือสินะ!
เจ้าหมอนี่… เจ้าหมอนี่!
“ปล่อยข้านะ”
ฉึก
เขาถูกองครักษ์ลับหมายเลขหนึ่งกดจุดให้เป็นใบ้
ท่านโหวกู้ “…!!”
นี่พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือไรว่าตัวเองเป็นองครักษ์ลับของจวนโหวน่ะ!
องครักษ์ลับทั้งสองคนลากตัวท่านโหวกู้ออกไปจากลานบ้าน หวงจงรับตัวท่านโหวจะทั้งสองคนอย่างรู้งาน ก่อนจะแบกเขาขึ้นรถม้าไป
ท่านโหวกู้ ‘หวงจง เจ้าจะไม่เอาคืนให้ข้าสักยกเชียวหรือ!’
หวงจงถูมือไปมาพลางเอ่ย “ท้องร้องหิวขึ้นมาหน่อยแล้วสิ ท่านโหวข้าขอตัวไปกินบะหมี่สักชามก่อนนะ”
เจ้ายังมีกะใจไปกินบะหมี่อยู่อีกหรือ! ไม่เห็นหรือไรว่าข้าโดนกดจุดน่ะ!
…อย่าน้อยเจ้าก็พาข้าไปด้วยสิ!
หวงจงไม่แยแส เขาเดินตามหาบะหมี่เนื้อเพะรสเผ็ดเปรี้ยวสักชาม ชดให้หนำใจไปเลย
กู้เจียวให้น้ำเกลือแม่นางเหยา ผสมยาเร่งคลอดผ่าเส้นเลือดดำ
กู้เจียวเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องผ่าคลอดให้กับแม่นางเหยา แต่ในกระเป๋ายาใบน้อยกลับไม่มียาชากับมีดผ่าตัดโผล่ออกมาให้เห็นสักที
ครึ่งชั่วยามผ่านไป อาการของแม่นางเหยาเริ่มดีขึ้น เชิงกรายกลับมามีแรกอีกครั้ง เริ่มกินอาหารได้แล้วเช่นกัน
ดูท่าทางแล้วน่าจะคลอดธรรมชาติได้
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อช่องคลอดของมแม่นางเหยาเปิดได้สองนิ้ว กู้เจียวก็ฉีดยาชาให้กับแม่นางเหยา
ยามจื่อ แม่นางเหยากินไข่เชื่อมน้ำตาลแดงไปถ้วยหนึ่ง
ยามโฉ่ว แม่นางเหยาดื่มน้าแกงโสมไปครึ่งถ้วย
ยามหยิน แม่นางเหยากินอะไรไม่ลงแล้ว นางกำมือกู้เจียวไว้แน่น ราวกับคนตกน้ำที่คว้าขอนไม้สุดท้ายที่ลอยมา
“เจียวเจียว หากข้าเป็นอะไรไป…”
“ท่านไม่เป็นอะไรแน่นอน”
เพราะอย่างนั้นอย่าให้ข้าเลือกรักษาชีวิตเด็กเอาไว้เลย
ยามเหม่า หลังจากต่อสู้มาข้ามคืนในที่สุดเสียงเด็กร้องไห้ก็แผดลั่นห้องคลอด
แม่นางเหยาหมดเรี่ยวหมดแรง ราวกับถูกฉุดขึ้นมาจากน้ำอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีส่วนไหนบนร่างกายที่ไม่มีเหงื่อเลย
นางได้ยินเสียงร้องไห้ ก็ตื้นตันใจจนน้ำตาไหล
“อย่าเพิ่งตื่นเต้น ยังมีสายรกอีก” กู้เจียวเอ่ย
แม่นางเหยาพยักใบหน้าอาบน้ำตา ให้ความร่วมมือตลอดกระบวนการทำคลอดจนเสร็จสิ้น
กู้เจียวเย็บเข็มสุดท้ายเสร็จก็ถอดถุงมือออก แล้วใช้น้ำยาฆ่าเชื้อล้างมือ ก่อนจะลูบหัวแม่นางเหยาราวกับหมอ “ท่านกล้าหาญยิ่งนัก”
นี่คือความเคยชินของนางเมื่อชาติก่อน
นางมักจะเอ่ยชมคนไข้ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
น้ำเสียงของนางไม่ได้อ่อนโยน สีหน้าก็นิ่งเฉยเสียเหลือเกิน แต่ผู้ป่วยทุกคนที่ถูกนางลูบหัวล้วนแต่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความดีใจของนาง
แม่นางเหยาเองก็เช่นเดียวกัน
เพียงแต่ขณะที่แม่นางเหยากำลังดีใจ จู่ๆ ก็พลันรู้สึกว่าลูกสาวคนนี้ช่างดูแปลกหน้าเหลือเกิน
แปลกหน้าราวกับเป็นอีกคนหนึ่ง คนที่เพียงแค่มองเห็นก็รู้สึกหวาดกลัว
อันที่จริงแล้วนั่นเป็นเพราะแม่นางเหยาไม่เคยเห็นกู้เจียวตอนผ่าตัดมาก่อน ยามกู้เจียววางมีดผ่าตัดลงก็คือเจียวเจียวผู้แสนว่าง่าย แต่พอคว้ามีดขึ้นมาแล้วก็จะกลายเป็นพญายมผู้บำเพ็ญจิต
พญายมอุ้มเจ้าหนูตัวน้อยที่ร้องไห้งอแง แววตาสงบนิ่งจ้องมองชีวิตน้อยที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ด้วยฝีมือของพญายม
สวัสดี น้องชาย
ยินดีต้อนรับสู่โลกมนุษย์