สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 476 เด็กน้อยเจ้าบทบาท (1)
บทที่ 476 เด็กน้อยเจ้าบทบาท (1)
เสียงร้องกะทันหันนี้ทำเอากู้จิ่นอวี๋ทำอะไรไม่ถูก
แม่นมฝางก็ตกใจกับเสียงร้องนี้เช่นกัน
คนไม่รู้คงนึกว่ากู้จิ่นอวี๋ทำไม่ดีกับเด็กคนนี้แน่ จึงได้ร้องไห้เหมือนใจจะขาดปอดจะฉีกเช่นนี้
แม่นมฝางกำลังจะขยี้ผ้าอ้อม สองมือเปียกโชก ไม่สะดวกไปรับตัวเด็กน้อยมา จึงเอ่ยกับกู้จิ่นอวี๋ “คุณหนูวางท่านชายน้อยไว้ในเปลไกวก่อน”
กู้จิ่นอวี๋รีบไปวางเด็กน้อยลง เด็กคนนี้ร้องดังมากจริงๆ ทุกเสียงที่เปล่งออกมาราวกับมีใครถือเข็มทิ่มเขาอยู่ กู้จิ่นอวี๋ลนลานหนัก จึงยืนไม่มั่น เท้าเหยียบฐานเปลเข้า เท้าพลันพลิก พุ่งตัวล้มไปข้างหน้า เด็กในมือนางจึงร่วงออกไป…
“อ๊ะ…” นางหน้าถอดสี!
นางหมายจะคว้าตัวเด็กไว้ น่าเสียดายที่สายไปเสียแล้ว นางล้มลงกับพื้นอย่างจัง
นางล้มจนเจ็บระบมไปทั้งตัว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเด็กทารกแรกเกิดล้มกับพื้นแล้วจะมีผลที่ตามมาน่ากลัวเพียงใด
ในขณะนั้นเอง เงาร่างสีน้ำเงินก็เร้นกายเข้ามารับตัวเด็กทารกที่ใกล้จะร่วงลงพื้นไว้อย่างรวดเร็ว
เด็กน้อยตกลงสู่อ้อมกอดอุ่น เสียงร้องพลันเงียบลง
เด็กหนุ่มดวงตากลมโตดำสนิท จ้องผู้บุรุกแปลกหน้าตาไม่กะพริบ
แม่นมฝางพรูลมหายใจโล่งออก “ท่านชายรอง!”
กู้จิ่นอวี๋ฝืนความเจ็บจับเปลไกวพยุงตัวลุกขึ้นยืน ก่อนเอ่ยเรียกเสียงเบา “พี่รอง”
กู้เฉิงเฟิงบีบแก้มรูปไข่ของเด็กน้อย แล้วพยักหน้าให้แม่นมฝาง ก่อนจะมองไปยังกู้จิ่นอวี๋ แล้วขมวดคิ้วเอ่ย “อุ้มเด็กเป็นหรือไม่น่ะ”
กู้จิ่นอวี๋ขอบตาแดงเอ่ยอย่างน้อยใจ “ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้ายืนไม่มั่น…”
กู้เฉิงเฟิงเดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับกู้จิ่นอวี๋อยู่แล้ว ไม่ได้เรียกว่าชอบ และไม่ได้เรียกว่าเกลียด โดยมากจะเป็นเมินเฉยเสียงมากกว่า ทว่าวันนี้มาเห็นนางอีกครั้ง ไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักจะเปรียบเทียบนางกับกู้เจียวตลอด รู้สึกว่ากู้จิ่นอวี๋ด้อยกว่าเยอะมาก
หากวันนี้กู้เจียวอยู่ในห้องด้วย ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางทำเด็กคนนี้ล้มได้
กู้เฉิงเฟิงไม่สนใจกู้จิ่นอวี๋ เขาวางเด็กน้อยลงในเปลไกว เปิดผ้าอ้อมดูพบว่าฉี่เปียกหมดแล้ว เขาจึงเอื้อมไปหยิบผ้าอ้อมผืนสะอาดมาจากบนโต๊ะ แล้วเปลี่ยนให้เด็กน้อยอย่างคล่องแคล่ว
ความเร็วในการเปลี่ยนผ้าอ้อมทำเอาแม่นมฝางทอดถอนใจที่สู้ไม่ได้
เด็กน้อยถูกเปลี่ยนผ้าอ้อมแล้วสบายตัวขึ้นมา ดวงตาเล็กๆ หรี่ลงอย่างอารมณ์ดี
กู้เฉิงเฟิงห่อผ้าอ้อมให้ดีกว่าแม่นมฝางเสียอีก
ใครให้เขามีสองมือจอมขโมยกันเล่า ความคล่องแคล่วว่องไวของสองมือนี้ไม่ด้อยไปกว่ามือของหมอตำแยที่เก่งกาจเลย
แน่นอนว่าเป็นเพราะตอนเด็กๆ มักจะดูแลกู้เฉิงหลินอยู่บ่อยๆ ดูแลจนมีประสบการณ์ขึ้นมาบ้าง
แม่นมฝางเห็นท่านชายรองดูแลคนเก่งเพียงนี้ จึงได้ไปขยี้ผ้าอ้อมอย่างวางใจ นางซักเสร็จก็หอบผ้าอ้อมและผ้าผ่อนทั้งหมดไปซักน้ำเปล่าที่เรือนท้าย
กู้จิ่นอวี๋มองกู้เฉิงเฟิงที่กำลังหยอกเด็กน้อยเล่น แล้วหันไปมองแม่นมฝางที่ออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ
แม่นมฝางกับกู้เฉิงเฟิงไม่ค่อยพูด ดูเหมือนจะละเลย หากมองอย่างละเอียดแล้วก็ยิ่งเหมือนว่านางเคยชินแล้วที่กู้เฉิงเฟิงมาหา
“พี่รองมาที่นี่บ่อยๆ หรือ” กู้จิ่นอวี๋เอ่ยถามเบาๆ
นิ้วของกู้เฉิงเฟิงถูกเจ้าเด็กน้อยจับไว้แน่น เขาไม่กล้าดึงออกแรงๆ กลัวว่าเจ้าเด็กน้อยจะเจ็บ ได้ยินกู้จิ่นอวี๋เอ่ยขึ้น จึงตอบไปงั้นๆ “เคยมาสองสามครั้งกระมัง”
หลักๆ คือมาซื้อยาปลูกผม
แต่ก็เคยกินข้าวด้วยหลายมื้อเช่นกัน เคยเล่นไพ่อีกหลายหน แพ้ให้หญิงชราไปบ้างนิดหน่อย
กู้จิ่นอวี๋มองกู้เฉิงเฟิงถูกเจ้าเด็กน้อยทำเอาจนปัญญา ดวงตานางขยับไหวเอ่ย “พี่รองก็มาเยี่ยมท่านแม่หรือ”
อันที่จริงกู้เฉิงเฟิงมาซื้อยาปลูกผมให้กู้เฉิงหลิน
เขาเห็นรถม้าของหวงจงกับท่านโหวกู้อยู่หน้าประตู จึงรู้ว่าแม่นางเหยาคลอดลูกเมื่อเช้าแล้ว
หากว่ากันตามสายเลือดแล้ว เด็กน้อยคนนี้เป็นน้องชายคนละแม่ของเขา
ก็…แปลกๆ ดี
เหี่ยวๆ ย่นๆ เหมือนลิงน้อยอย่างไรอย่างนั้น
“อัปลักษณ์เสียจริง” เขาเอ่ยอย่างมันเขี้ยว ซ้ำไม่ลืมใช้ปลายนิ้วบีบแก้มเจ้าหนูน้อยด้วย
ไม่รู้ว่าสัมผัสได้ถึงความมันเขี้ยวจากกู้เฉิงเฟิงหรือว่าถูกนิ้วกู้เฉิงเฟิงบีบจนเจ็บกันแน่ จู่ๆ ปากน้อยๆ ของเจ้าหนูน้อยก็เบะออก แล้วร้องไห้แงๆ ขึ้นมา!
กู้เฉิงเฟิงตัวสั่นสะท้าน “ไม่อัปลักษณ์! เจ้ารูปงามนัก!”
เจ้าหนูน้อยเบะปากสะอึกสะอื้น
“พี่รอง น้องชอบพี่มากเลย” กู้จิ่นอวี๋เอ่ยอย่างอิจฉา “ข้าอุ้มเขาเขาก็ร้อง ปลอบไปก็ไม่หาย”
“เด็กแรกเกิดไหนเลยจะรู้จักชอบไม่ชอบ” ปากพูดเช่นนี้ แต่กู้เฉิงเฟิงกลับเลิกคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัว เจ้าหนูน้อยค่อนข้างชอบเขาอย่างนั้นหรือ เจ้าเด็กน้อยชอบเขา ชอบเขาจริงๆ น่ะรึ
“อะแฮ่ม” กู้เฉิงเฟิงเอ่ยอย่างจริงจัง “คงเพราะเจ้าอุ้มไม่เป็นแน่ๆ เขาถึงไม่สบายตัว”
เจ้าหนูน้อยชอบเขาแล้วมันมีอะไรน่าอัศจรรย์กัน
ไม่ใช่น้องชายแม่เดียวกันกับเขาเสียหน่อย!
เขาไม่อยากได้ความชอบของน้องหรอกนะ!
กู้จิ่นอวี๋ชะงักไป “เช่นนั้นต้องอุ้มอย่างไรหรือ”
“แบบนี้” กู้เฉิงเฟิงอุ้มเจ้าหนูน้อยขึ้นมาเบาๆ สาธิตให้กู้จิ่นอวี๋ดูรอบหนึ่ง
กู้จิ่นอวี๋คิดในใจว่า ‘เมื่อครู่ข้าก็อุ้มเช่นนี้เหมือนกันนี่นา’
กู้จิ่นอวี๋ไม่เชื่อ ตัดสินใจจะอุ้มอีกครา
ผลสุดท้ายพอเจ้าหนูน้อยอยู่ในมือนางก็ร้องลั่น พอกู้เฉิงเฟิงรับตัวมากลับเงียบ ทำเอากู้จิ่นอวี๋กระอักกระอ่วนยิ่ง
สิ่งที่น่ากระอักกระอ่วนยิ่งกว่าอยู่ต่อจากนี้
พอกู้จิ่นอวี๋อุ้มเขา เขาก็ฉี่ราดทันที
กู้จิ่นอวี๋อุ้มเขาอีกหน เขาก็อึราดใส่
แต่นางดันเปลี่ยนผ้าอ้อมไม่เป็น ล้างฉี่ให้เขาก็ล้างไม่สะอาด ทำเอาเจ้าหนูน้อยร้องไห้แงๆ เสียงดังจ้าละหวั่น
สุดท้ายกู้เฉิงเฟิงทนดูไม่ได้ จึงรับตัวเด็กน้อยมา “เอาละ เจ้าออกไปเถิด ที่นี่ไม่มีอะไรให้เจ้าทำแล้ว”
กู้จิ่นอวี๋ไม่ใช่คุณหนูที่ชีวิตอยู่ดีกินดีเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว นางเคยไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาก่อน นางเคยทำงานหนักอย่างยากลำบากมาก่อน แต่นางไม่เคยดูแลเด็กที่เล็กเพียงนี้เลย นางทำอะไรไม่ถูกจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองรู้สึกไปเองหรือไม่ เหมือนว่าเจ้าหนูคนนี้จะไม่ชอบนาง!
ความรู้สึกไม่ชอบนี้ได้รับการยืนยันโดยสมบูรณ์หลังจากเจ้าเด็กน้อยทั้งสามกลับมาถึงบ้าน กู้เฉิงเฟิงอุ้มเด็กไปห้องตะวันตก เจ้าเด็กน้อยทั้งสามเรียงกันมาหยอกเขา เจ้าหนูน้อยเกียจคร้านยิ่ง ไม่สนใจใครทั้งนั้น
แต่ก็ไม่ได้ร้องเช่นกัน
ใครอุ้มก็ไม่ร้อง ยกเว้นกู้จิ่นอวี๋
เมื่อแม่นางเหยาตื่นขึ้นมาท่านโหวกู้ก็ถูกเรียกไปศาลาว่าการแล้ว กู้จิ่นอวี๋ตาบวมแดงนั่งลงข้างเตียงนาง
นางมองท่าทางน้อยอกน้อยใจของกู้จิ่นอวี๋ ก่อนอดถามไม่ได้ “เป็นอะไรไปรึ”
กู้จิ่นอวี๋ตาแดงก่ำ เอ่ย “น้องชายไม่ชอบข้า”
แม่นางเหยาเอ่ย “เขาจะไม่ชอบได้อย่างไรเล่า”
เด็กเล็กแค่นี้จะไปรู้จักชอบไม่ชอบได้อย่างไร
กู้จิ่นอวี๋เอ่ยอย่างน้อยใจ “จริงๆ นะ พอข้าอุ้มเขาก็ร้อง คนอื่นอุ้มไม่เห็นเป็นไรเลย”
“นั่นคงเพราะเจ้าอุ้มไม่เป็นแน่ๆ” แม่นางเหยาพูดเหมือนกับกู้เฉิงเฟิง
แม่นางเหยาให้แม่นมฝางอุ้มลูกชายมาจากห้องตะวันตก หลังจากป้อนนมลูกแล้วก็ส่งมาตรงหน้ากู้จิ่นอวี๋ “เจ้าลองอีกทีสิ”
กู้จิ่นอวี๋ลองอีกหน
เรื่องเหลือเชื่อได้เกิดขึ้นแล้ว เด็กน้อยที่พอมาถึงอ้อมอกนางก็ร้องไห้จ้าจู่ๆ ก็เงียบกริบไป
แม่นางเหยายิ้มเอ่ย “เจ้าดูสิ เงียบแล้วมิใช่หรือไร”
กู้จิ่นอวี๋ปากอ้าตาค้าง “แต่เมื่อครู่นี้เขา…”
แม่นางเหยาเอ่ย “เมื่อครู่เจ้าคงอุ้มแล้วไม่สบายตัวแน่ๆ”
กู้จิ่นอวี๋สาบานได้ว่านางอุ้มแบบนี้จริงๆ!
เขาสบายตัวยิ่งนัก! แต่เขาก็ร้อง!
กู้จิ่นอวี๋กัดริมฝีปาก